ปชป.เย้ยผลสัมมนา “เพื่อแม้ว” สะท้อนความไม่พร้อมปรับตัวเข้ากับการเมืองในอนาคต จวก “อ๋อย” เล่นวาทกรรมดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ซ้ำใส่ความ “มาร์ค” รุนแรง กล่าวหาติดต่อกองกำลังติดอาวุธนอกฎหมาย เผยที่ประชุม ปช.ปลื้ม 3 ผลงาน “โอบามาร์ค” ผงาดเวทีโลก-ผ่านกรอบอาเซียนพร้อมร่าง พ.ร.บ.งบกลางปี-คุมม็อบเสื้อแดงอยู่
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุมพรรค เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ว่า พรรคได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินในระหว่างการประชุมพรรคเพื่อไทยที่เขาใหญ่เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้หารือกันว่าอยากเห็นกลไกประชาธิปไตยทำงานได้ รวมถึงการที่มีฝ่ายค้านเข้มแข็งและพร้อมที่จะเป็นทางเลือกให้กับประชาชน และมั่นใจว่าประชาชนอยากเห็นบุคลากรที่มีความสามารถไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์หวังว่าพรรคเพื่อไทยจะใช้โอกาสในการสัมมนาครั้งนี้แสดงความพร้อมทั้งบุคลากร และเป็นทางเลือกในการที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และมีนโยบายพร้อมที่จะเป็นทางเลือก เข้ามาแก้ไขปัญหาของประชาชน
“อย่างไรก็ตาม รู้สึกเสียดายว่าแม้การเมืองจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว แต่สัญญาณหลายอย่างที่ออกมาจากการสัมมนาของพรรคเพื่อไทยยังแสดงให้เห็นว่าไม่พร้อมที่จะปรับตัว ต่อสถานการณ์การเมืองในอนาคต และที่รู้สึกเป็นห่วงคือมีการส่งสัญญาณที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งทางการเมืองนอกสภาจากขั้วอำนาจเก่ายังมีอยู่หลายส่วน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง ยังคงใช้วาทกรรมของการดึงองค์กรและสถาบันที่อยู่นอกการเมือง ได้แก่สถาบันตุลาการ เหล่าทัพ และมีการพาดพิงสถาบันองคมนตรีเข้ามาสู่ปมความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคพูดกันตลอดว่า ไม่อยากให้ดึงสถาบันนอกการเมืองเข้ามาสู่ความขัดแย้งในการเมือง” นพ.บุรณัชย์กล่าว
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ส่วนคำพูดของนายจาตุรนต์ที่ระบุว่า นายกฯ ได้ประสานงานกับกองกำลังติดอาวุธนอกกฎหมายพรรครู้สึกเป็นห่วงคำพูดเช่นนี้ อยากให้ไปดูสาระสำคัญคำพูดของนายกฯ เพราะพรรคถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงและพรรคอยากเตือนสตินายจาตุรนต์ว่าการจงใจพูดพาดพิงนายกฯ ในการประสานกับกองกำลังนอกกฎหมาย ซึ่งเป็นการพูดถึงนิยามของการประสานกับกองกำลังที่อาจจะถูกมองได้ว่า เป็นกบฏต่อราชอาณาจักรซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก และการใส่ความลักษณะดังกล่าวถ้าเป็นจริง ก็มองได้ว่าเป็นการจงใจสร้างสถานการณ์เพื่อหวังผลทางการเมือง จึงอยากให้สื่อตรวจสอบอีกครั้งว่ามีการพูดในลักษณะดังกล่าวหรือไม่ หากมีก็ขอให้นายจาตุรนต์ ออกมายืนยันคำพูดและออกมาพูดในรายละเอียดว่า นัยของการกล่าวนั้น คืออะไร
นอกจากนี้ ในช่วงท้ายของการประชุมยังได้วิเคราะห์การทำงานของรัฐบาลพร้อมแสดงความพอใจ 3 ข้อ คือ 1.รัฐบาลประสบความสำเร็จในการมีบทบาทที่โดดเด่นในเวทีระดับโลก จากการประชุมที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นการฟื้นความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาของประเทศไทย และหวังว่าการเดินสายโรดโชว์ไปประเทศญี่ปุ่น ก็จะประสบความสำเร็จเช่นกัน 2.พอใจในการทำงานในสภาจากความสำเร็จในการผ่านกรอบข้อตกลง ความร่วมมือของอาเซียน และงบประมาณกลางปีด้วยเสียงท่วมท้น และ 3.ความสำเร็จในการบริหารจัดการการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งไม่มีการบาดเจ็บและไม่มีทรัพย์สินของราชการเสียหาย แตกต่างจากรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สลายการชุมนุมพันธมิตรฯ วันที่ 7 ต.ค.2551 ซึ่งพรรคขอให้นายกฯ ยึดแนวทางการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาของส่วนรวมอย่างมุ่งมั่นต่อไป