พ.อ.จิตติสักก์ เจริญสมบัติ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามาปลุกเร้า ส.ส.พรรคเพื่อไทยเพ่อให้สู้ โดยยืนยันพร้อมกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า คงเหมือนเดิม ไม่น่าจะมีเงื่อนไขใด ท่านคงต้องการให้เกิดความมั่นใจแก่กลุ่มที่ให้การสนับสนุน ซึ่งคงเกิดขึ้นเฉพาะช่วงนี้และจะไม่ยาวนานนัก เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่สามารถ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลเพิ่งออกนโยบาย แต่ยังไม่สามารถทำให้เห็นผลได้ เขาคงไม่อยากให้รัฐบาลทำสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เพราะหากทำสำเร็จจะสามารถเรียกแรงศรัทธาจากกลุ่มผู้สนับสนุนได้ ซึ่งกองทัพไม่ลำบากใจในการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และภาพรวมคงไม่ส่งผลกระทบใด เพราะเราทำตามกฎหมาย เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รู้กฎหมายดีว่าควรทำอะไร
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุมพรรคว่า ได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองปัจจุบันโดยเฉพาะ กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน ในระหว่างการสัมมนาพรรคเพื่อไทย โดยพรรคประชาธิปัตย์หวังว่า พรรคเพื่อไทยจะใช้โอกาสในการสัมมาแสดงความพร้อมทั้งบุคลากรและเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาของประชาชน แต่เสียดายว่าที่แม้การเมืองเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว แต่สัญญาณที่ออกมาจากการสัมมนาพรรคเพื่อไทย ยังแสดงให้เห็นว่าไม่พร้อมที่จะปรับตัวต่อสถานการณ์การเมืองในอนาคต และที่เป็นห่วงคือมีการส่งสัญญาณที่สุ่มเสียงจะก่อให้เกิดความขัดแย้ทางการเมืองนอกสภาจากขั้วอำนาจเก่า
จะเห็นได้ชัดจากคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง ยังคงใช้วาทกรรมของการดึงองค์กรและสถาบันที่อยู่นอกการเมือง ได้แก่สถาบันตุลาการ เหล่าทัพ และมีการพาดพิงสถาบันองคมนตรีเข้ามาสู่ปมความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคพูดกันตลอดว่า ไม่อยากให้ดึงสถาบันนอกการเมืองเข้ามาสู่ความขัดแย้งในการเมือง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า คำพูดของนายจาตุรนต์ที่ระบุว่า นายกฯได้ประสานงานกับกองกำลังติดอาวุธนอกกฎหมายพรรครู้สึกเป็นห่วงคำพูดเช่นนี้ อยากให้ไปดูสาระสำคัญคำพูดของนายกฯ เพราะพรรคถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงและพรรคอยากเตือนสตินายจาตุรนต์ว่าการจงใจพูดพาดพิงนายกฯ ในการประสานกับกองกำลังนอกกฎหมาย ซึ่งเป็นการพูดถึงนิยามของการประสานกับกองกำลังที่อาจจะถูกมองได้ว่า เป็นกบฏต่อราชอาณาจักรซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก และการใส่ความลักษณะดังกล่าวถ้าเป็นจริง ก็มองได้ว่าเป็นการจงใจสร้างสถานการณ์เพื่อหวังผลทางการเมือง จึงอยากให้สื่อตรวจสอบอีกครั้งว่ามีการพูดในลักษณะดังกล่าวหรือไม่ หากมีก็ขอให้นายจาตุรนต์ ออกมายืนยันคำพูดและออกมาพูดในรายละเอียดว่า นัยยะของการกล่าวนั้น คืออะไร
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุมพรรคว่า ได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองปัจจุบันโดยเฉพาะ กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน ในระหว่างการสัมมนาพรรคเพื่อไทย โดยพรรคประชาธิปัตย์หวังว่า พรรคเพื่อไทยจะใช้โอกาสในการสัมมาแสดงความพร้อมทั้งบุคลากรและเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาของประชาชน แต่เสียดายว่าที่แม้การเมืองเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว แต่สัญญาณที่ออกมาจากการสัมมนาพรรคเพื่อไทย ยังแสดงให้เห็นว่าไม่พร้อมที่จะปรับตัวต่อสถานการณ์การเมืองในอนาคต และที่เป็นห่วงคือมีการส่งสัญญาณที่สุ่มเสียงจะก่อให้เกิดความขัดแย้ทางการเมืองนอกสภาจากขั้วอำนาจเก่า
จะเห็นได้ชัดจากคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง ยังคงใช้วาทกรรมของการดึงองค์กรและสถาบันที่อยู่นอกการเมือง ได้แก่สถาบันตุลาการ เหล่าทัพ และมีการพาดพิงสถาบันองคมนตรีเข้ามาสู่ปมความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคพูดกันตลอดว่า ไม่อยากให้ดึงสถาบันนอกการเมืองเข้ามาสู่ความขัดแย้งในการเมือง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า คำพูดของนายจาตุรนต์ที่ระบุว่า นายกฯได้ประสานงานกับกองกำลังติดอาวุธนอกกฎหมายพรรครู้สึกเป็นห่วงคำพูดเช่นนี้ อยากให้ไปดูสาระสำคัญคำพูดของนายกฯ เพราะพรรคถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงและพรรคอยากเตือนสตินายจาตุรนต์ว่าการจงใจพูดพาดพิงนายกฯ ในการประสานกับกองกำลังนอกกฎหมาย ซึ่งเป็นการพูดถึงนิยามของการประสานกับกองกำลังที่อาจจะถูกมองได้ว่า เป็นกบฏต่อราชอาณาจักรซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก และการใส่ความลักษณะดังกล่าวถ้าเป็นจริง ก็มองได้ว่าเป็นการจงใจสร้างสถานการณ์เพื่อหวังผลทางการเมือง จึงอยากให้สื่อตรวจสอบอีกครั้งว่ามีการพูดในลักษณะดังกล่าวหรือไม่ หากมีก็ขอให้นายจาตุรนต์ ออกมายืนยันคำพูดและออกมาพูดในรายละเอียดว่า นัยยะของการกล่าวนั้น คืออะไร
