"สุเทพ"ยัน"แม้ว"ใฝ่ฝันเป็นประธานาธิบดี มั่นใจชี้แจงศาลได้หลังถูกฟ้องหมิ่น ยอมรับนำตัวมารับโทษในไทยยาก อ้างไม่คุ้มกับการทุ่มงบไล่ล่า ไม่หวั่นโฟนอินอีกครั้ง ย้ำให้คอยดูกันไป จับตาต่างประเทศทยอยขึ้นแบล็กลิสต์เพิ่มอีก ด้านลิ่วล้อแม้วเต้น จี้สถานทูตจีน-ญี่ปุ่น แจงข่าวห้ามแม้วเข้าประเทศ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตอบกระทู้สด ตอกย้ำกรณีที่บอกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความคิด ความใฝ่ฝันที่จะเป็นประธานาธิบดีว่า ความจริงเป็นการพูดตอบโต้ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมากล่าวหารัฐบาลนี้ว่าเป็นรัฐบาลเสือหิว เสือโหย บ้านเมืองเป็นกลียุค ตนจึงตอบโต้เพื่อปกป้องรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า และคิดว่าเรื่องน่าจะจบแค่นั้น แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็มาตั้งกระทู้ถามในสภาอีก ตนจึงต้องชี้แจง และตนจะไม่พูดในเนื้อหาแล้ว เพราะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว หลังจากมีการฟ้องร้องตน แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่เคยหนักใจกับเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อเชื่อโดยสุจริตว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความใฝ่ฝันจะเป็นประธานาธิบดี มันจะมีปัญหาหรืออุปสรรคในการต่อสู้คดีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยืนยันการพูดในสภา ส่วนการต่อสู้ในทางคดี ก็ว่ากันไป แต่ตนก็เชื่อว่าจะพิสูจน์ต่อกระบวนการยุติธรรมได้ เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ เพราะเป็นคดีทางการเมือง รองนายกฯ กล่าวว่าไม่หนักใจ ที่ผ่านมาก็สู้มาเยอะแล้ว และที่จะเรียกค่าเสียหายทางแพ่งด้วยก็ไม่เป็นปัญหา ตนมั่นใจในหลักฐาน และเชื่อว่าจะชนะ
ไม่ทุ่มงบไล่ล่าแม้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่จะมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ในแง่ของการติดตามเอาตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีในประเทศไทย ในทางนโยบายจะดำเนินการอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าเราจะมีขีดความสามารถที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปไล่จับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในต่างประเทศ
"คุณทักษิณไม่ใช่คนที่หนีคำพิพากษาธรรมดา แต่เป็นมหาเศรษฐี ตำรวจจะซื้อตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟไล่จับคงไม่ได้ เพราะคุณทักษิณ เดินทางโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำ และเราคงไม่ทุ่มเทงบประมาณไปไล่ล่าคุณทักษิณในต่างประเทศ" นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประสานความร่วมมือกับต่างประเทศ อย่างกัมพูชา ที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปที่เกาะกง หรือ ฮ่องกง ของจีน นายสุเทพกล่าวว่า ก็เป็นดุลพินิจของรัฐบาลประเทศนั้นๆ เมื่อถามว่าปัญหานี้เขย่ารัฐบาลอยู่ตลอดเวลา จะทำอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ก็แก้ไปเรื่อยๆ ชี้แจงกับประชาชนไปเรื่อย ๆ ตนเชื่อว่าในอนาคตประชาชนก็จะเข้าใจ และเห็นความตั้งใจของรัฐบาลในการแก้ปัญหาประเทศชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกแบล็กลิสต์จากประเทศจีน หรือญี่ปุ่น ไม่ให้เข้าประเทศ นายสุเทพ กล่าวว่า ทราบข่าวจากสื่อ ตนไม่ทราบ ส่วนที่ทั้งนายกรัฐมนตรี และนายเทพไท ต่างออกมายอมรับว่ามีแบล็กลิสต์จริงนั้น ก็ต้องถามคุณเทพไท แต่ส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ จนวันนี้ นาทีนี้ยังไม่มี เมื่อถามว่าในฐานะรองนายกฯ ที่ดูแลความมั่นคง มีรายงานหรือไม่ว่ามีประเทศอะไรที่ขึ้นแบล็กลิสต์ พ.ต.ท.ทักษิณ บ้าง นายสุเทพ กล่าวว่าไม่มี ทั้งนี้แต่ละประเทศก็จะมีข้อห้ามของเขาอยู่แล้วว่า การเดินทางเข้าออก หากเป็นผู้ร้ายเขาก็จะมีแบล็กสิลต์ ซึ่งเขาก็จะมีกติกา มีกฎหมายของเขา เราอย่าไปทำให้เป็นเรื่องใหญ่
ไม่ห่วงแม้วโฟนอินตอบโต้
เมื่อถามว่ารัฐบาลได้วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้วิเคราะห์ เพราะขณะนี้รัฐบาลก็มีงานมากอยู่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ อยากจะเขย่ารัฐบาลอย่างไร ก็ปล่อยเขาไป เมื่อถามว่าในวันที่ 14 ก.พ.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการโฟนอินเข้ามาอีก รัฐบาลจะจับตาดูเป็นพิเศษหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า การโทรศัพท์ติดต่อกันระหว่างประชาชนในโลกนี้ถือเป็นเรื่องเสรีภาพ ตราบใดที่ไม่ได้พูดจาหรือทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลหรือบ้านเมือง รัฐบาลก็ไม่ไปทำอะไร ต่อข้อถามที่ว่า การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ วันที่ 14 ก.พ. จะเป็นการตอบโต้นายสุเทพ ที่ออกมาเปิดเผยว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีแนวคิดที่จะเป็นประธานาธิบดี นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร คอยดูกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงเหตุการณ์ในสภาวานนี้ ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างน่าห่วง เพราะมีการโต้เถียงกันรุนแรง นายสุเทพ กล่าวว่า อยู่ที่ความรับผิดชอบของแต่ละคน คนที่เป็นส.ส.ก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ข้อบังคับของการประชุม ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้เป็นกลาง ให้เคร่งครัด ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ต้องค่อย ๆแก้กันไป ใครที่ทำไม่ดีประชาชนก็จะเห็นเอง
ส่วนที่ทางประเทศญี่ปุ่นห่วงปัญหาทางการเมืองในประเทศไทยนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าปัญหาการเมืองในประเทศไทยขณะนี้ดีขึ้น ไม่น่าจะเป็นปัญหาที่ทำให้ญี่ปุ่นต้องเป็นห่วง และที่จริงญี่ปุ่นเองก็มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอยู่บ่อย ๆ
จับตาแม้วถูกแบล็กลิสต์เพิ่ม
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมาซึ่งเกิดความวุ่นวายว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมายของรัฐบาล เพราะฝ่ายค้านจงใจสร้างความวุ่นวาย และขัดขวางการทำงานของรัฐบาลในระบบประชาธิปไตย วันนี้รัฐบาลกำลังได้รับการยอมรับจากประชาชน ที่คาดหวังให้มาช่วยแก้วิกฤต ซึ่งการไปออกโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นการส่งสัญญาณจากต่างประเทศที่กำลังเชื่อมั่นประเทศไทย แต่การเมืองภายในประเทศ กลับถูกขัดขวางทุกวิถีทาง ไม่ให้รัฐบาลทำงานได้อย่างราบรื่น ดังนั้น อยากให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างแท้จริง ไม่ใช่ทำหน้าที่ฝ่ายแค้น
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกแบล็กลิสต์ ห้ามเข้าประเทศอังกฤษ จีน และญี่ปุ่นว่า ต่อจากนี้เป็นเรื่องที่น่าจับตามองว่า จะมีประเทศต่างๆทยอยกันเปิดแบล็กลิสต์ กับพ.ต.ท.ทักษิณ อีกหรือไม่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมยุติบทบาททางการเมืองตามที่ได้ประกาศเอาไว้ ยังคงใช้ประเทศต่างๆเป็นฐาน เพื่อโจมตีรัฐบาลและสถาบันของไทย ซึ่งต่างประเทศคงรับไม่ได้ ดังนั้นคำพูดที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีแผ่นดินจะอยู่คงจะจริง การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่าจะสู้แม้จะอยู่ในสวรรค์หรือในนรก ไม่ทราบว่าสวรรค์ หรือนรก จะยอมรับพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่หรือไม่
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย จัดแคมเปญชู 3 ข้อ ในการหาเสียงนั้น นายเทพไท กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม กำลังสร้างความสับสนให้กับประชาชน ทำให้ประชาชนคิดว่าจะมีการเลือกตั้งในเร็วๆนี้ สถานการณ์การเมืองเช่นนี้ รัฐบาลมั่นใจว่าจะบริหารประเทศได้อย่างแน่นอน และรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ครบวาระ เนื่องจากการแก้วิกฤตชาติ จะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน เพราะรัฐบาลไม่ได้โกงกิน จะอยู่ได้นาน ไม่เหมือนกับรัฐบาลชุดก่อนที่โกงกินจึงอยู่ได้ไม่นาน
"การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ชู 3 ประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนิรโทษกรรมผู้ต้องคดีหลัง19 ก.ย. 49 ที่ถูกศาลตัดสินไปแล้ว และการนิรโทษกรรมผู้ที่กำลังถูกดำเนินคดี รวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญ 50 ทั้งหมดนี้มีวาระซ่อนเร้นแน่นอน เพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ลมหายใจของพรรคเพื่อไทยคือพ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวชูโรง และประโคมข่าวทุกครั้งที่มีการชุมนุมว่า จะมีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามา" โฆษกประจำหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
จี้สถานทูตจีน-ญี่ปุ่นแจงแบล็กลิสต์
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่นาย เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โฆษกส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ข่าวว่าประเทศจีนและญี่ปุ่น ขึ้นบัญชีดำห้ามพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เข้าประเทศว่า ขอเรียกร้องให้สถานทูตของทั้ง 2 ประเทศที่ประจำอยู่ในประเทศไทย ออกมายืนยันว่าเป็นความจริงหรือไม่ เพราะการออกมาพูดแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ อาจสร้างความแตกแยกระหว่างคนไทยกับประชาชนของ 2 ประเทศนั้นได้ เพราะขณะนี้ยังมีชาวบ้านรักและชื่นชมในตัว พ.ต.ท.ทักษิณอยู่มาก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้การสนับสนุนมาตั้งแต่ พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงพรรคเพื่อไทย อยู่กว่า 10 ล้านคน ซึ่งชาวบ้านกลุ่มนี้อาจเลิกใช้สินค้าที่ผลิตจากญี่ปุ่น-จีน หันไปใช้สินค้าของเกาหลีแทนก็ได้ นายเทพไทเป็นถึงโฆษกส่วนตัวของนายกฯ การแถลงข่าวอะไรถือว่าเป็นในนามตัวแทนของนายกฯ จะพูดเอามันไม่สร้างสรรค์ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างนี้ไม่ได้
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวที่ว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกาะกง แบบหลบๆซ่อนๆนั้น ยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้หลบๆซ่อนๆเข้ามาที่เกาะกง เพราะคนอย่างท่านจะไปไหนมาไหนก็ได้ แต่ตนพร้อมด้วยนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และส.ส.อีกคนในกลุ่มจะไปพบ พ.ต.ท. ทักษิณ ที่ฮ่องกงในวันที่ 7-8 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน
ดังนั้นหากทางการจีนห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศตามที่นายเทพไทบอกจริง ทำไมถึงเข้าฮ่องกงได้ แต่การไปครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินทองอย่างที่มีบางคนพยายามให้ข่าว แต่ท่านเป็นเหมือนนายเราในอดีต เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่กำลังเดือดร้อน เราเป็นลูกหลาน ก็อยากไปถามสารทุกข์สุขดิบ ไปพูดคุยกับท่าน
ดึง"แม้ว"โฟนอินแจงเรื่องปธน.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ได้ประสานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นการภายในเพื่อขอให้โฟนอินชี้แจงข้อกล่าวหาที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวหาว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการกลับมาเป็นประธานาธิบดี ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณได้ตอบรับว่าจะร่วมโฟนอินแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะร่วมโฟนอินในงาน"วันแห่งความรักประชาธิปไตย" ที่วัดเวฬุวนาราม (วัดไผ่เขียว) ในวันที่ 14 ก.พ. หรือโฟนอินทางผ่านรายการความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ ดีสเตชั่น ในวันที่ 15 ก.พ.
นายจตุพร กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินมาชี้แจงเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะถือว่าถูกใส่ร้าย เช่นเดียวกับที่นายสุเทพเคยใส่ร้ายว่ามีการขนเงินใส่กระเป๋าเดินทางผ่านสนามบินจำนวนหมื่นล้านบาท เพื่อช่วยพรรคพลังประชาชนในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.51 ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับกรณีนี้ที่นายสุเทพ กล่าวหาด้วยสมมุติฐานที่เลวที่สุด แต่สิ่งนี้ก็จะเป็นหลักฐานที่มัดตัวนายสุเทพ ในการดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรมต่อไปด้วย
เตือนส.ส.ห้ามเปิดเผยที่อยู่แม้ว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า การที่นายสุเทพกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ ตกอยู่ในมุมอับและทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกชิงชังมากขึ้น ในการใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือรักษาอำนาจของตนเอง ฉะนั้นวันนี้คงจะถึงคราวรัฐบาลชุดนี้แล้ว
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคน สามารถโทรศัพท์สายตรงหา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตลอดเวลา แต่ตนอยากจะขอเตือนว่า ส.ส.ควรจะระมัดระวังเรื่องการเปิดเผยสถานที่พำนักของพ.ต.ท.ทักษิณด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เพราะในขณะนี้ยังมีกระบวนการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณอยู่
ให้แม้วหาบทสรุปของตัวเอง
พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าถูก คมช.กลั่นแกล้งว่า ตนอยู่นอกวงการ ไม่ห่วงอะไร คมช.ปิดฉาก หมดบทบาทตั้งแต่ต้นปี 51 คงไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะยังทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย พล.อ.วินัย กล่าวว่า ไม่ฝากอะไรเพราะท่านน่าคิดเองได้ เพียงแต่จะใช้ข้อมูลด้านไหน ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ยังประกาศสู้นั้น แล้วแต่ท่านจะหาบทสรุปของตัวเอง
เมื่อถามว่า ตอนนี้สนใจเล่นการเมืองหรือไม่ พล.อ.วินัย กล่าวว่า “ยังไม่ได้คิด” เมื่อถามถึงกรณีพรรคไทยต้องการผลักดันให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง พล.อ.วินัย กล่าวว่า ให้เป็นหน้าที่ของการเมืองที่จะดูแลส่วนนั้น
ค้านออกกม.นิรโทษกรรม
ด้านพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยต้องการผลักดันให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ว่า ขณะนี้เร็วเกินไป เพราะการจะแก้กฎหมายต้องมุ่งที่ประโยชน์ของชาติ และประชาชนเป็นหลัก หากทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติถือว่าเหมาะสม ซึ่งต้องไปดูเจตนารมณ์ว่า เมื่อแก้กฎหมาย ประชาชนได้ประโยชน์อะไร ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของกล่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทั้งนี้คดีอาญาหลังวันที่ 19 ก.ย.49 มีมากมาย หากมีการนิรโทษกรรม จะเป็นการทำลายสถาบันของศาล ซึ่งต้องพิจารณาว่าพรรคเพื่อไทยมีเหตุผลที่เหมาะสมหรือไม่ อย่างไร
ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น มองว่าการที่เราจะฟังใครสักคนหนึ่ง คนนั้นต้องมีคุณค่าแก่การรับฟัง มีความน่าเชื่อถือ หากความคิดเห็นที่เราฟังแล้วเกิดประโยชน์ต่อชาติ เราก็ควรฟัง แต่ถ้าคนนั้นพูดแล้วก่อให้เกิดความแตกแยกในแผ่นดิน และเกิดความเสียหาย และบุคคลผู้นั้นเป็นผู้ที่หนีคดีอาญา เราไม่ควรให้ความสนใจ
"อยากให้สื่อจับตามองการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติอย่างไร ซึ่งโดยส่วนตัว ผมไม่ให้ความสำคัญ และไม่ให้ราคาต่อการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมองไม่เห็นว่า การเคลื่อนไหวของเขาจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา รังแต่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ทำให้ประชาชนแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย หากไม่มีความมั่นคงทางการเมือง เราจะไม่สามารถร่วมมือร่วมใจกันในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้" พล.อ.สมเจตน์กล่าว
เมื่อถามว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ระบุว่า กองทัพและคมช.เข้าไปกลั่นแกล้งจนทำให้เขาต้องลำบาก พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า การอ้างสามารถอ้างได้ แต่ต้องดูพฤติกรรมของเขาแต่หนหลังว่า สิ่งที่เขาทำก่อให้เกิดความเสียหายต่อชาติอย่างไร อยากให้สื่อและประชาชนพิจารณาและตัดสินว่า ข้ออ้างของเขานั้น เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ทุกคนต้องช่วยกัน มิเช่นนั้น เราจะไม่มีแผ่นดินที่จะอยู่อาศัย หากประเทศชาติยังแตกแยก อีกหน่อยเราจะไม่สามารถร้องเพลงชาติไทยให้คนอื่นฟังได้
ยุคมาร์คประชาชนมีความสุขขึ้น
เมื่อถามว่า มองการทำงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อย่างไร พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ปรากฏชัดคือ ประชาชนมีความสุขขึ้น แต่จะให้ดีตามที่คาดหวังทั้งหมดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ว่า จะแก้ปัญหาให้ชาติได้อย่างไร ซึ่งการทำงานเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีความผิดพลาด หากผิดพลาดต้องแก้ไข ไม่ใช่ช่วยกันปิดบัง อำพรางไว้ ถ้าเป็นอย่างนั้นประเทศชาติจะไปไม่รอด
“การทำงานเพื่อประชาชนต้องมองหลายมุมมองหากทำงาน โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง โอกาสผิดพลาดจะน้อยลง แต่หากทำงานยึดถือผลประโยชน์ส่วนตน หรือพรรคพวก โอกาสผิดพลาดจะมีมาก ซึ่งผมมองว่า เรื่องการเมืองเป็นการแบ่งผลประโยชน์ แต่ต้องเป็นผลประโยชน์ที่มีความชอบธรรม ไม่ใช่แบ่งปันผลประโยชน์เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง ถ้ายึดมั่นตรงนั้น รัฐบาลจะบริหารประเทศไปได้ ทั้งนี้ผมมีความเชื่อว่า โดยบุคลิก และประวัติของนายอภิสิทธิ์ รวมถึงฝีมือการทำงานใน 2 เดือนที่ผ่านมา ยังเชื่อมั่นรัฐบาลที่มีนายกฯชื่ออภิสิทธิ์ เป็นผู้บริหารประเทศ”พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
เมื่อถามว่า สนใจที่จะเล่นการเมืองหรือไม่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า หากการเล่นการเมืองหมายถึงการมีตำแหน่งหน้าที่เป็นรัฐมนตรี หรือมีตำแหน่งทางการเมือง ขณะนี้ตนไม่สนใจ แต่ถ้าการเมืองคือ การที่ตนจะใช้ความรู้ ความสามารถ เข้าไปแก้ปัญหา เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีให้ประชาชน และสร้างความมั่นคงให้สถาบันและประเทศชาติ ถ้าการเมืองเช่นนี้ยังอยู่ในหัวใจตน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดมาทาบทามตนไปเล่นการเมือง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า สมาชิก คมช.เตรียมจะตั้งพรรคการเมือง พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า เป็นเพียงกระแสข่าว คงไม่ใช่ความจริง ส่วน พล.อ.สนธิ ตนไม่ทราบ แต่เท่าที่ได้ฟังข่าวจากท่าน ไม่ได้ทราบความเคลื่อนไหวตรงนี้ แต่สำหรับ พล.อ.วินัย ขณะนี้ท่านคงยังไม่สนใจตั้งพรรคการเมือง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตอบกระทู้สด ตอกย้ำกรณีที่บอกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความคิด ความใฝ่ฝันที่จะเป็นประธานาธิบดีว่า ความจริงเป็นการพูดตอบโต้ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมากล่าวหารัฐบาลนี้ว่าเป็นรัฐบาลเสือหิว เสือโหย บ้านเมืองเป็นกลียุค ตนจึงตอบโต้เพื่อปกป้องรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า และคิดว่าเรื่องน่าจะจบแค่นั้น แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็มาตั้งกระทู้ถามในสภาอีก ตนจึงต้องชี้แจง และตนจะไม่พูดในเนื้อหาแล้ว เพราะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว หลังจากมีการฟ้องร้องตน แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่เคยหนักใจกับเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อเชื่อโดยสุจริตว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความใฝ่ฝันจะเป็นประธานาธิบดี มันจะมีปัญหาหรืออุปสรรคในการต่อสู้คดีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยืนยันการพูดในสภา ส่วนการต่อสู้ในทางคดี ก็ว่ากันไป แต่ตนก็เชื่อว่าจะพิสูจน์ต่อกระบวนการยุติธรรมได้ เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ เพราะเป็นคดีทางการเมือง รองนายกฯ กล่าวว่าไม่หนักใจ ที่ผ่านมาก็สู้มาเยอะแล้ว และที่จะเรียกค่าเสียหายทางแพ่งด้วยก็ไม่เป็นปัญหา ตนมั่นใจในหลักฐาน และเชื่อว่าจะชนะ
ไม่ทุ่มงบไล่ล่าแม้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่จะมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ในแง่ของการติดตามเอาตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีในประเทศไทย ในทางนโยบายจะดำเนินการอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าเราจะมีขีดความสามารถที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปไล่จับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในต่างประเทศ
"คุณทักษิณไม่ใช่คนที่หนีคำพิพากษาธรรมดา แต่เป็นมหาเศรษฐี ตำรวจจะซื้อตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟไล่จับคงไม่ได้ เพราะคุณทักษิณ เดินทางโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำ และเราคงไม่ทุ่มเทงบประมาณไปไล่ล่าคุณทักษิณในต่างประเทศ" นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประสานความร่วมมือกับต่างประเทศ อย่างกัมพูชา ที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปที่เกาะกง หรือ ฮ่องกง ของจีน นายสุเทพกล่าวว่า ก็เป็นดุลพินิจของรัฐบาลประเทศนั้นๆ เมื่อถามว่าปัญหานี้เขย่ารัฐบาลอยู่ตลอดเวลา จะทำอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ก็แก้ไปเรื่อยๆ ชี้แจงกับประชาชนไปเรื่อย ๆ ตนเชื่อว่าในอนาคตประชาชนก็จะเข้าใจ และเห็นความตั้งใจของรัฐบาลในการแก้ปัญหาประเทศชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกแบล็กลิสต์จากประเทศจีน หรือญี่ปุ่น ไม่ให้เข้าประเทศ นายสุเทพ กล่าวว่า ทราบข่าวจากสื่อ ตนไม่ทราบ ส่วนที่ทั้งนายกรัฐมนตรี และนายเทพไท ต่างออกมายอมรับว่ามีแบล็กลิสต์จริงนั้น ก็ต้องถามคุณเทพไท แต่ส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ จนวันนี้ นาทีนี้ยังไม่มี เมื่อถามว่าในฐานะรองนายกฯ ที่ดูแลความมั่นคง มีรายงานหรือไม่ว่ามีประเทศอะไรที่ขึ้นแบล็กลิสต์ พ.ต.ท.ทักษิณ บ้าง นายสุเทพ กล่าวว่าไม่มี ทั้งนี้แต่ละประเทศก็จะมีข้อห้ามของเขาอยู่แล้วว่า การเดินทางเข้าออก หากเป็นผู้ร้ายเขาก็จะมีแบล็กสิลต์ ซึ่งเขาก็จะมีกติกา มีกฎหมายของเขา เราอย่าไปทำให้เป็นเรื่องใหญ่
ไม่ห่วงแม้วโฟนอินตอบโต้
เมื่อถามว่ารัฐบาลได้วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้วิเคราะห์ เพราะขณะนี้รัฐบาลก็มีงานมากอยู่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ อยากจะเขย่ารัฐบาลอย่างไร ก็ปล่อยเขาไป เมื่อถามว่าในวันที่ 14 ก.พ.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการโฟนอินเข้ามาอีก รัฐบาลจะจับตาดูเป็นพิเศษหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า การโทรศัพท์ติดต่อกันระหว่างประชาชนในโลกนี้ถือเป็นเรื่องเสรีภาพ ตราบใดที่ไม่ได้พูดจาหรือทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลหรือบ้านเมือง รัฐบาลก็ไม่ไปทำอะไร ต่อข้อถามที่ว่า การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ วันที่ 14 ก.พ. จะเป็นการตอบโต้นายสุเทพ ที่ออกมาเปิดเผยว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีแนวคิดที่จะเป็นประธานาธิบดี นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร คอยดูกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงเหตุการณ์ในสภาวานนี้ ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างน่าห่วง เพราะมีการโต้เถียงกันรุนแรง นายสุเทพ กล่าวว่า อยู่ที่ความรับผิดชอบของแต่ละคน คนที่เป็นส.ส.ก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ข้อบังคับของการประชุม ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้เป็นกลาง ให้เคร่งครัด ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ต้องค่อย ๆแก้กันไป ใครที่ทำไม่ดีประชาชนก็จะเห็นเอง
ส่วนที่ทางประเทศญี่ปุ่นห่วงปัญหาทางการเมืองในประเทศไทยนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าปัญหาการเมืองในประเทศไทยขณะนี้ดีขึ้น ไม่น่าจะเป็นปัญหาที่ทำให้ญี่ปุ่นต้องเป็นห่วง และที่จริงญี่ปุ่นเองก็มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอยู่บ่อย ๆ
จับตาแม้วถูกแบล็กลิสต์เพิ่ม
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมาซึ่งเกิดความวุ่นวายว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมายของรัฐบาล เพราะฝ่ายค้านจงใจสร้างความวุ่นวาย และขัดขวางการทำงานของรัฐบาลในระบบประชาธิปไตย วันนี้รัฐบาลกำลังได้รับการยอมรับจากประชาชน ที่คาดหวังให้มาช่วยแก้วิกฤต ซึ่งการไปออกโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นการส่งสัญญาณจากต่างประเทศที่กำลังเชื่อมั่นประเทศไทย แต่การเมืองภายในประเทศ กลับถูกขัดขวางทุกวิถีทาง ไม่ให้รัฐบาลทำงานได้อย่างราบรื่น ดังนั้น อยากให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างแท้จริง ไม่ใช่ทำหน้าที่ฝ่ายแค้น
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกแบล็กลิสต์ ห้ามเข้าประเทศอังกฤษ จีน และญี่ปุ่นว่า ต่อจากนี้เป็นเรื่องที่น่าจับตามองว่า จะมีประเทศต่างๆทยอยกันเปิดแบล็กลิสต์ กับพ.ต.ท.ทักษิณ อีกหรือไม่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมยุติบทบาททางการเมืองตามที่ได้ประกาศเอาไว้ ยังคงใช้ประเทศต่างๆเป็นฐาน เพื่อโจมตีรัฐบาลและสถาบันของไทย ซึ่งต่างประเทศคงรับไม่ได้ ดังนั้นคำพูดที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีแผ่นดินจะอยู่คงจะจริง การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่าจะสู้แม้จะอยู่ในสวรรค์หรือในนรก ไม่ทราบว่าสวรรค์ หรือนรก จะยอมรับพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่หรือไม่
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย จัดแคมเปญชู 3 ข้อ ในการหาเสียงนั้น นายเทพไท กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม กำลังสร้างความสับสนให้กับประชาชน ทำให้ประชาชนคิดว่าจะมีการเลือกตั้งในเร็วๆนี้ สถานการณ์การเมืองเช่นนี้ รัฐบาลมั่นใจว่าจะบริหารประเทศได้อย่างแน่นอน และรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ครบวาระ เนื่องจากการแก้วิกฤตชาติ จะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน เพราะรัฐบาลไม่ได้โกงกิน จะอยู่ได้นาน ไม่เหมือนกับรัฐบาลชุดก่อนที่โกงกินจึงอยู่ได้ไม่นาน
"การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ชู 3 ประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนิรโทษกรรมผู้ต้องคดีหลัง19 ก.ย. 49 ที่ถูกศาลตัดสินไปแล้ว และการนิรโทษกรรมผู้ที่กำลังถูกดำเนินคดี รวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญ 50 ทั้งหมดนี้มีวาระซ่อนเร้นแน่นอน เพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ลมหายใจของพรรคเพื่อไทยคือพ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวชูโรง และประโคมข่าวทุกครั้งที่มีการชุมนุมว่า จะมีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามา" โฆษกประจำหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
จี้สถานทูตจีน-ญี่ปุ่นแจงแบล็กลิสต์
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่นาย เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โฆษกส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ข่าวว่าประเทศจีนและญี่ปุ่น ขึ้นบัญชีดำห้ามพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เข้าประเทศว่า ขอเรียกร้องให้สถานทูตของทั้ง 2 ประเทศที่ประจำอยู่ในประเทศไทย ออกมายืนยันว่าเป็นความจริงหรือไม่ เพราะการออกมาพูดแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ อาจสร้างความแตกแยกระหว่างคนไทยกับประชาชนของ 2 ประเทศนั้นได้ เพราะขณะนี้ยังมีชาวบ้านรักและชื่นชมในตัว พ.ต.ท.ทักษิณอยู่มาก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้การสนับสนุนมาตั้งแต่ พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงพรรคเพื่อไทย อยู่กว่า 10 ล้านคน ซึ่งชาวบ้านกลุ่มนี้อาจเลิกใช้สินค้าที่ผลิตจากญี่ปุ่น-จีน หันไปใช้สินค้าของเกาหลีแทนก็ได้ นายเทพไทเป็นถึงโฆษกส่วนตัวของนายกฯ การแถลงข่าวอะไรถือว่าเป็นในนามตัวแทนของนายกฯ จะพูดเอามันไม่สร้างสรรค์ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างนี้ไม่ได้
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวที่ว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกาะกง แบบหลบๆซ่อนๆนั้น ยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้หลบๆซ่อนๆเข้ามาที่เกาะกง เพราะคนอย่างท่านจะไปไหนมาไหนก็ได้ แต่ตนพร้อมด้วยนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และส.ส.อีกคนในกลุ่มจะไปพบ พ.ต.ท. ทักษิณ ที่ฮ่องกงในวันที่ 7-8 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน
ดังนั้นหากทางการจีนห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศตามที่นายเทพไทบอกจริง ทำไมถึงเข้าฮ่องกงได้ แต่การไปครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินทองอย่างที่มีบางคนพยายามให้ข่าว แต่ท่านเป็นเหมือนนายเราในอดีต เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่กำลังเดือดร้อน เราเป็นลูกหลาน ก็อยากไปถามสารทุกข์สุขดิบ ไปพูดคุยกับท่าน
ดึง"แม้ว"โฟนอินแจงเรื่องปธน.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ได้ประสานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นการภายในเพื่อขอให้โฟนอินชี้แจงข้อกล่าวหาที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวหาว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการกลับมาเป็นประธานาธิบดี ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณได้ตอบรับว่าจะร่วมโฟนอินแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะร่วมโฟนอินในงาน"วันแห่งความรักประชาธิปไตย" ที่วัดเวฬุวนาราม (วัดไผ่เขียว) ในวันที่ 14 ก.พ. หรือโฟนอินทางผ่านรายการความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ ดีสเตชั่น ในวันที่ 15 ก.พ.
นายจตุพร กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินมาชี้แจงเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะถือว่าถูกใส่ร้าย เช่นเดียวกับที่นายสุเทพเคยใส่ร้ายว่ามีการขนเงินใส่กระเป๋าเดินทางผ่านสนามบินจำนวนหมื่นล้านบาท เพื่อช่วยพรรคพลังประชาชนในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.51 ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับกรณีนี้ที่นายสุเทพ กล่าวหาด้วยสมมุติฐานที่เลวที่สุด แต่สิ่งนี้ก็จะเป็นหลักฐานที่มัดตัวนายสุเทพ ในการดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรมต่อไปด้วย
เตือนส.ส.ห้ามเปิดเผยที่อยู่แม้ว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า การที่นายสุเทพกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ ตกอยู่ในมุมอับและทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกชิงชังมากขึ้น ในการใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือรักษาอำนาจของตนเอง ฉะนั้นวันนี้คงจะถึงคราวรัฐบาลชุดนี้แล้ว
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคน สามารถโทรศัพท์สายตรงหา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตลอดเวลา แต่ตนอยากจะขอเตือนว่า ส.ส.ควรจะระมัดระวังเรื่องการเปิดเผยสถานที่พำนักของพ.ต.ท.ทักษิณด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เพราะในขณะนี้ยังมีกระบวนการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณอยู่
ให้แม้วหาบทสรุปของตัวเอง
พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าถูก คมช.กลั่นแกล้งว่า ตนอยู่นอกวงการ ไม่ห่วงอะไร คมช.ปิดฉาก หมดบทบาทตั้งแต่ต้นปี 51 คงไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะยังทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย พล.อ.วินัย กล่าวว่า ไม่ฝากอะไรเพราะท่านน่าคิดเองได้ เพียงแต่จะใช้ข้อมูลด้านไหน ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ยังประกาศสู้นั้น แล้วแต่ท่านจะหาบทสรุปของตัวเอง
เมื่อถามว่า ตอนนี้สนใจเล่นการเมืองหรือไม่ พล.อ.วินัย กล่าวว่า “ยังไม่ได้คิด” เมื่อถามถึงกรณีพรรคไทยต้องการผลักดันให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง พล.อ.วินัย กล่าวว่า ให้เป็นหน้าที่ของการเมืองที่จะดูแลส่วนนั้น
ค้านออกกม.นิรโทษกรรม
ด้านพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยต้องการผลักดันให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ว่า ขณะนี้เร็วเกินไป เพราะการจะแก้กฎหมายต้องมุ่งที่ประโยชน์ของชาติ และประชาชนเป็นหลัก หากทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติถือว่าเหมาะสม ซึ่งต้องไปดูเจตนารมณ์ว่า เมื่อแก้กฎหมาย ประชาชนได้ประโยชน์อะไร ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของกล่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทั้งนี้คดีอาญาหลังวันที่ 19 ก.ย.49 มีมากมาย หากมีการนิรโทษกรรม จะเป็นการทำลายสถาบันของศาล ซึ่งต้องพิจารณาว่าพรรคเพื่อไทยมีเหตุผลที่เหมาะสมหรือไม่ อย่างไร
ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น มองว่าการที่เราจะฟังใครสักคนหนึ่ง คนนั้นต้องมีคุณค่าแก่การรับฟัง มีความน่าเชื่อถือ หากความคิดเห็นที่เราฟังแล้วเกิดประโยชน์ต่อชาติ เราก็ควรฟัง แต่ถ้าคนนั้นพูดแล้วก่อให้เกิดความแตกแยกในแผ่นดิน และเกิดความเสียหาย และบุคคลผู้นั้นเป็นผู้ที่หนีคดีอาญา เราไม่ควรให้ความสนใจ
"อยากให้สื่อจับตามองการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติอย่างไร ซึ่งโดยส่วนตัว ผมไม่ให้ความสำคัญ และไม่ให้ราคาต่อการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมองไม่เห็นว่า การเคลื่อนไหวของเขาจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา รังแต่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ทำให้ประชาชนแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย หากไม่มีความมั่นคงทางการเมือง เราจะไม่สามารถร่วมมือร่วมใจกันในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้" พล.อ.สมเจตน์กล่าว
เมื่อถามว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ระบุว่า กองทัพและคมช.เข้าไปกลั่นแกล้งจนทำให้เขาต้องลำบาก พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า การอ้างสามารถอ้างได้ แต่ต้องดูพฤติกรรมของเขาแต่หนหลังว่า สิ่งที่เขาทำก่อให้เกิดความเสียหายต่อชาติอย่างไร อยากให้สื่อและประชาชนพิจารณาและตัดสินว่า ข้ออ้างของเขานั้น เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ทุกคนต้องช่วยกัน มิเช่นนั้น เราจะไม่มีแผ่นดินที่จะอยู่อาศัย หากประเทศชาติยังแตกแยก อีกหน่อยเราจะไม่สามารถร้องเพลงชาติไทยให้คนอื่นฟังได้
ยุคมาร์คประชาชนมีความสุขขึ้น
เมื่อถามว่า มองการทำงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อย่างไร พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ปรากฏชัดคือ ประชาชนมีความสุขขึ้น แต่จะให้ดีตามที่คาดหวังทั้งหมดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ว่า จะแก้ปัญหาให้ชาติได้อย่างไร ซึ่งการทำงานเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีความผิดพลาด หากผิดพลาดต้องแก้ไข ไม่ใช่ช่วยกันปิดบัง อำพรางไว้ ถ้าเป็นอย่างนั้นประเทศชาติจะไปไม่รอด
“การทำงานเพื่อประชาชนต้องมองหลายมุมมองหากทำงาน โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง โอกาสผิดพลาดจะน้อยลง แต่หากทำงานยึดถือผลประโยชน์ส่วนตน หรือพรรคพวก โอกาสผิดพลาดจะมีมาก ซึ่งผมมองว่า เรื่องการเมืองเป็นการแบ่งผลประโยชน์ แต่ต้องเป็นผลประโยชน์ที่มีความชอบธรรม ไม่ใช่แบ่งปันผลประโยชน์เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง ถ้ายึดมั่นตรงนั้น รัฐบาลจะบริหารประเทศไปได้ ทั้งนี้ผมมีความเชื่อว่า โดยบุคลิก และประวัติของนายอภิสิทธิ์ รวมถึงฝีมือการทำงานใน 2 เดือนที่ผ่านมา ยังเชื่อมั่นรัฐบาลที่มีนายกฯชื่ออภิสิทธิ์ เป็นผู้บริหารประเทศ”พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
เมื่อถามว่า สนใจที่จะเล่นการเมืองหรือไม่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า หากการเล่นการเมืองหมายถึงการมีตำแหน่งหน้าที่เป็นรัฐมนตรี หรือมีตำแหน่งทางการเมือง ขณะนี้ตนไม่สนใจ แต่ถ้าการเมืองคือ การที่ตนจะใช้ความรู้ ความสามารถ เข้าไปแก้ปัญหา เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีให้ประชาชน และสร้างความมั่นคงให้สถาบันและประเทศชาติ ถ้าการเมืองเช่นนี้ยังอยู่ในหัวใจตน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดมาทาบทามตนไปเล่นการเมือง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า สมาชิก คมช.เตรียมจะตั้งพรรคการเมือง พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า เป็นเพียงกระแสข่าว คงไม่ใช่ความจริง ส่วน พล.อ.สนธิ ตนไม่ทราบ แต่เท่าที่ได้ฟังข่าวจากท่าน ไม่ได้ทราบความเคลื่อนไหวตรงนี้ แต่สำหรับ พล.อ.วินัย ขณะนี้ท่านคงยังไม่สนใจตั้งพรรคการเมือง