รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ จะดึงคนของพรรครีพับลิกันเข้ารับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีอีกเป็นคนที่สาม โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุเมื่อวันจันทร์ (2) ว่า จัดด์ เกร็ก วุฒิสมาชิกจากมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ จะได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์
"ประธานาธิบดีมีแผนจะเสนอชื่อวุฒิสมาชิกเกร็กขึ้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ในวันพรุ่งนี้ (3)" เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวผู้หนึ่งเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ยอมให้อ้างชื่อ
เกร็ก วัย 61 ปี เป็นมือกฎหมายที่ได้รับความเชื่อถือและยังเป็นนักเจรจาต่อรองที่ประสบความสำเร็จ ปัจจุบันเขาเป็นสมาชิกอาวุโสของพรรครีพับลิกันในคณะกรรมาธิการงบประมาณของวุฒิสภา การแต่งตั้งเขาจึงอาจจะช่วยคณะรัฐบาลของโอบามา ผู้เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต ให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างความสมานฉันท์ขึ้นในรัฐสภา และเลิกการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันเหมือนที่ผ่านมาได้
นอกจากนั้น เกร็กยังอาจจะช่วยโอบามาบรรเทาเสียงคัดค้านจากพรรครีพับลิกันที่มีต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 800,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่แผนการดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคองเกรสด้วย
ที่ผ่านมา เกร็กมีชื่อเสียงว่าเป็นพวกอนุรักษนิยมในเรื่องงบประมาณและได้รับการยอมรับจากพรรคการเมืองทั้งสองพรรค เขามีส่วนในการร่างแผนกอบกู้วอลสตรีทเมื่อปีที่แล้ว และก่อนหน้านี้ก็เป็นคนของรีพับลิกันคนหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่ลงมติให้โอบามานำเงินครึ่งที่สองของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่า 700,000 ล้านดอลลาร์ออกมาใช้ด้วย
ทั้งนี้ หากวุฒิสภาพิจารณาเห็นชอบ เกร็กก็จะเข้าร่วมทีมในคณะรัฐมนตรีของโอบามาที่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 15 คน โดยมีคนของพรรครีพับลิกันอีกสองคนในคณะรัฐมนตรีชุดนี้คือ รอเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งเป็นเจ้ากระทรวงนี้มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลบุช และเรย์ ลาฮูด รัฐมนตรีกระทรวงการขนส่ง ซึ่งก้าวขึ้นมาจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนเกร็กนั้นก็จะมาช่วยในด้านการส่งเสริมธุรกิจของสหรัฐฯ ในประเทศและทั่วโลก และจะมีส่วนในการร่างนโยบายบริหารงานของรัฐบาลด้วย
ถึงแม้เกร็กแถลงอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ถ้าหากมันเป็นการทำให้เดโมแครตเป็นฝ่ายได้เปรียบในกระบวนการทางนิติบัญญัติของวุฒิสภา แต่ผู้ว่าการมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ จอห์น ลินช์ ก็ดูเหมือนจะแผ้วถางทางให้แก่เกร็กที่จะเข้าเป็นรัฐมนตรีไว้แล้ว
"ผมได้บอกกับผู้นำของวุฒิสมาชิกทั้งสองพรรค รวมทั้งผู้ว่าการมลรัฐ(นิวแฮมป์เชียร์)แล้วว่า ผมจะไม่ออกจากการเป็นวุฒิสมาชิก หากผมรู้สึกว่าการไปรับตำแหน่งใหม่ทำให้จำนวนวุฒิสมาชิกเปลี่ยนแปลงไป" หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทม์อ้างคำพูดของเกร็ก
ลินช์ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต และเป็นผู้มีอำนาจที่จะแต่งตั้งคนขึ้นเป็นวุฒิสมาชิกแทนที่เกร็ก ได้แสดงท่าทีไว้ในคำแถลงสั้นๆ ฉบับหนึ่งว่า เขาจะยอมตามข้อเรียกร้องของเกร็ก และจะแต่งตั้งชาวรีพับลิกันขึ้นดำรงตำแหน่งต่อจากเขาในวุฒิสภา
ถ้าหากเกร็กถูกแทนที่โดยชาวพรรคเดโมแครต และ อัล แฟรงเกน ผู้สมัครของเดโมแครตเพื่อชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกแห่งมลรัฐมินนีโซตา ก็ได้รับการตัดสินจากศาลให้เป็นผู้ชนะอย่างถูกต้อง ก็จะทำให้เดโมแครตมีที่นั่งในวุฒิสภาถึง 60 ที่นั่ง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเพียงพอจะเสนอปิดการอภิปรายและให้มีการลงมติกฎหมายต่างๆ แม้ว่ารีพับลิกันจะพยายามใช้วิธีการเตะถ่วงด้วยการอภิปรายยืดเยื้อก็ตาม
"ประธานาธิบดีมีแผนจะเสนอชื่อวุฒิสมาชิกเกร็กขึ้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ในวันพรุ่งนี้ (3)" เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวผู้หนึ่งเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ยอมให้อ้างชื่อ
เกร็ก วัย 61 ปี เป็นมือกฎหมายที่ได้รับความเชื่อถือและยังเป็นนักเจรจาต่อรองที่ประสบความสำเร็จ ปัจจุบันเขาเป็นสมาชิกอาวุโสของพรรครีพับลิกันในคณะกรรมาธิการงบประมาณของวุฒิสภา การแต่งตั้งเขาจึงอาจจะช่วยคณะรัฐบาลของโอบามา ผู้เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต ให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างความสมานฉันท์ขึ้นในรัฐสภา และเลิกการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันเหมือนที่ผ่านมาได้
นอกจากนั้น เกร็กยังอาจจะช่วยโอบามาบรรเทาเสียงคัดค้านจากพรรครีพับลิกันที่มีต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 800,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่แผนการดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคองเกรสด้วย
ที่ผ่านมา เกร็กมีชื่อเสียงว่าเป็นพวกอนุรักษนิยมในเรื่องงบประมาณและได้รับการยอมรับจากพรรคการเมืองทั้งสองพรรค เขามีส่วนในการร่างแผนกอบกู้วอลสตรีทเมื่อปีที่แล้ว และก่อนหน้านี้ก็เป็นคนของรีพับลิกันคนหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่ลงมติให้โอบามานำเงินครึ่งที่สองของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่า 700,000 ล้านดอลลาร์ออกมาใช้ด้วย
ทั้งนี้ หากวุฒิสภาพิจารณาเห็นชอบ เกร็กก็จะเข้าร่วมทีมในคณะรัฐมนตรีของโอบามาที่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 15 คน โดยมีคนของพรรครีพับลิกันอีกสองคนในคณะรัฐมนตรีชุดนี้คือ รอเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งเป็นเจ้ากระทรวงนี้มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลบุช และเรย์ ลาฮูด รัฐมนตรีกระทรวงการขนส่ง ซึ่งก้าวขึ้นมาจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนเกร็กนั้นก็จะมาช่วยในด้านการส่งเสริมธุรกิจของสหรัฐฯ ในประเทศและทั่วโลก และจะมีส่วนในการร่างนโยบายบริหารงานของรัฐบาลด้วย
ถึงแม้เกร็กแถลงอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ถ้าหากมันเป็นการทำให้เดโมแครตเป็นฝ่ายได้เปรียบในกระบวนการทางนิติบัญญัติของวุฒิสภา แต่ผู้ว่าการมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ จอห์น ลินช์ ก็ดูเหมือนจะแผ้วถางทางให้แก่เกร็กที่จะเข้าเป็นรัฐมนตรีไว้แล้ว
"ผมได้บอกกับผู้นำของวุฒิสมาชิกทั้งสองพรรค รวมทั้งผู้ว่าการมลรัฐ(นิวแฮมป์เชียร์)แล้วว่า ผมจะไม่ออกจากการเป็นวุฒิสมาชิก หากผมรู้สึกว่าการไปรับตำแหน่งใหม่ทำให้จำนวนวุฒิสมาชิกเปลี่ยนแปลงไป" หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทม์อ้างคำพูดของเกร็ก
ลินช์ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต และเป็นผู้มีอำนาจที่จะแต่งตั้งคนขึ้นเป็นวุฒิสมาชิกแทนที่เกร็ก ได้แสดงท่าทีไว้ในคำแถลงสั้นๆ ฉบับหนึ่งว่า เขาจะยอมตามข้อเรียกร้องของเกร็ก และจะแต่งตั้งชาวรีพับลิกันขึ้นดำรงตำแหน่งต่อจากเขาในวุฒิสภา
ถ้าหากเกร็กถูกแทนที่โดยชาวพรรคเดโมแครต และ อัล แฟรงเกน ผู้สมัครของเดโมแครตเพื่อชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกแห่งมลรัฐมินนีโซตา ก็ได้รับการตัดสินจากศาลให้เป็นผู้ชนะอย่างถูกต้อง ก็จะทำให้เดโมแครตมีที่นั่งในวุฒิสภาถึง 60 ที่นั่ง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเพียงพอจะเสนอปิดการอภิปรายและให้มีการลงมติกฎหมายต่างๆ แม้ว่ารีพับลิกันจะพยายามใช้วิธีการเตะถ่วงด้วยการอภิปรายยืดเยื้อก็ตาม