รอยเตอร์ - จอห์น แมคเคน และแซราห์ แพลิน ซึ่งเพิ่งได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันมาหมาด ๆ ให้เป็นคู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เร่งเดินหน้าสู้ศึกชิงทำเนียบขาวที่ยังเหลือเวลารณรงค์หาเสียงอีกราว 2 เดือน โดยประกาศคำขวัญ ที่หยิบยืมมาจากผู้สมัครคู่แข่งสังกัดพรรคเดโมแครตว่า "การเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว"
ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันเมื่อวันพฤหัสบดี (4) ที่เมืองเซนต์พอล มลรัฐมินนีโซตา เพื่อตอบรับการเสนอชื่อเขาเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางผู้สนับสนุนจำนวนเนืองแน่นที่ชูป้ายข้อความว่า ""ประเทศชาติต้องมาก่อน" แมคเคนพูดอวดเกียรติภูมิของตนเองในฐานะนักปฏิรูป พร้อมกับพรรณนาว่าเขา คือตัวแทนของความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องขับเคี่ยวแย่งชิงแรงสนับสนุนกับบารัค โอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต
"ผมไม่ได้ทำงานเพื่อพรรค ผมไม่ได้ทำงานเพื่อผลประโยชน์ ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ผมทำเพื่อพวกคุณทุกคน" แมคเคนกล่าวสุนทรพจน์ ที่วิพากษ์วิจารณ์โอบามาเพียงแค่ผ่าน ๆ ภายหลังการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันที่ดำเนินต่อเนื่อง 4 วัน โดยเต็มไปด้วยการโจมตีพรรคเดโมแครตอย่างดุเดือด
"ผมต่อต้านการคอร์รัปชั่น และไม่สนใจว่าผู้กระทำผิดจะเป็นเดโมแครตหรือรีพับลิกัน” แมคเคนกล่าว ขณะที่แพลิน คู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเขานั่งฟังอยู่บนอัฒจันทร์
เสียงต้อนรับสุนทรพจน์ของแมคเคนครั้งนี้ เงียบเชียบกว่าบทสุนทรพจน์อันเผ็ดร้อนในการตอบรับการเสนอชื่อเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีของแพลินเมื่อวันพุธที่แล้ว (3) ที่โจมตีโอบามาตรง ๆ แบบไม่ยั้งมือ ทั้งยังเรียกเสียงฮือฮาจากสาธารณชน อันเป็นการกระตุ้นฐานเสียงกลุ่มผู้สนับสนุนสายอนุรักษ์นิยมของพรรค
แม้จะมีคะแนนตามหลังโอบามาอยู่เล็กน้อยในผลการสำรวจความนิยมครั้งล่าสุด ก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน แต่แมคเคนได้ให้คำมั่นต่อพรรคว่า เขาจะต้องเป็นผู้ชนะ
ด้านนอกที่ประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน ตำรวจควบคุมตัวผู้ประท้วงต่อต้านสงครามราว 250 คน ที่เดินขบวนตามถนน หลังจากใช้ระเบิดแสงและแก๊สน้ำตา เพื่อต้อนฝูงชนลงไปใต้สะพานบริเวณใกล้เคียง ขณะที่ภายในหอประชุม การกล่าวสุนทรพจน์ของแมคเคนถูกกลุ่มผู้ประท้วงรบกวนหลายต่อหลายครั้ง จนตำรวจต้องกันตัวผู้ประท้วงหญิง 2 คนออกไป
"โปรดอย่าสนใจเสียงอื้ออึงและการรบกวนเลย" แมคเคนกล่าว ขณะที่ตำรวจนำผู้ประท้วงดังกล่าวออกไป "ชาวอเมริกันต้องการให้เรายุติการด่าทอใส่กันและกัน"
นอกจากนี้ แมคเคนกล่าวด้วยว่า เขามีประวัติการทำงานในประเด็นต่าง ๆ โดยไม่จำกัดตัวเองอยู่แต่กับแนวทางพรรค ขณะที่โอบามาไม่เคยแสดงศักยภาพด้านนี้เลย
“ผมเคยทำงานกับสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในการจัดการปัญหา ที่จำต้องแก้ไข” แมคเคนกล่าว “ผมจะยื่นมือไปหาใครก็ได้ที่สามารถช่วยผมทำให้ประเทศนี้ ขับเคลื่อนอีกครั้ง ผมมีประวัติเรื่องนี้ ร่องรอยต่าง ๆ สามารถพิสูจน์ได้ แต่วุฒิสมาชิกโอบามาไม่มี”
แมคเคนเล่าย้อนถึงประสบการณ์ เมื่อครั้งถูกจองจำในฐานะเชลยสงครามเป็นเวลานานกว่า 5 ปีที่เวียดนาม โดยถูกทุบตีและทำร้ายอยู่เป็นประจำจนทำให้แขนข้างหนึ่งของเขาเคลื่อนไหวได้อย่างจำกัด พร้อมทั้งบอกว่า สงครามสอนให้เขารู้ว่า ประเทศชาติต้องมาก่อน
ทางด้านทีมรณรงค์หาเสียงโอบามาออกแถลงโจมตีว่า แมคเคนเพียงแต่เสนอนโยบายที่คล้ายกับสิ่งที่เคยเสนอกันตลอด 8 ปีที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช และผู้นำคนอื่น ๆ จากพรรครีพับลิกัน
ทันทีที่เสร็จสิ้นการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (4) แมคเคนและแพลิน เริ่มเดินหน้าสู้ศึกทำเนียบขาวอย่างไม่รั้งรอ โดยทั้งคู่รีบบินจากมลรัฐมินนิโซตา มุ่งหน้าสู่มลรัฐวิสคอนซินเพื่อหาเสียงในช่วงเช้าวันศุกร์(5) จากนั้นในวันเดียวกันก็ต่อไปยังโคโรลาโด และในวันเสาร์ (6) มีกำหนดจะเดินสายไปยังมลรัฐนิวเม็กซิโก
ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันเมื่อวันพฤหัสบดี (4) ที่เมืองเซนต์พอล มลรัฐมินนีโซตา เพื่อตอบรับการเสนอชื่อเขาเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางผู้สนับสนุนจำนวนเนืองแน่นที่ชูป้ายข้อความว่า ""ประเทศชาติต้องมาก่อน" แมคเคนพูดอวดเกียรติภูมิของตนเองในฐานะนักปฏิรูป พร้อมกับพรรณนาว่าเขา คือตัวแทนของความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องขับเคี่ยวแย่งชิงแรงสนับสนุนกับบารัค โอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต
"ผมไม่ได้ทำงานเพื่อพรรค ผมไม่ได้ทำงานเพื่อผลประโยชน์ ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ผมทำเพื่อพวกคุณทุกคน" แมคเคนกล่าวสุนทรพจน์ ที่วิพากษ์วิจารณ์โอบามาเพียงแค่ผ่าน ๆ ภายหลังการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันที่ดำเนินต่อเนื่อง 4 วัน โดยเต็มไปด้วยการโจมตีพรรคเดโมแครตอย่างดุเดือด
"ผมต่อต้านการคอร์รัปชั่น และไม่สนใจว่าผู้กระทำผิดจะเป็นเดโมแครตหรือรีพับลิกัน” แมคเคนกล่าว ขณะที่แพลิน คู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเขานั่งฟังอยู่บนอัฒจันทร์
เสียงต้อนรับสุนทรพจน์ของแมคเคนครั้งนี้ เงียบเชียบกว่าบทสุนทรพจน์อันเผ็ดร้อนในการตอบรับการเสนอชื่อเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีของแพลินเมื่อวันพุธที่แล้ว (3) ที่โจมตีโอบามาตรง ๆ แบบไม่ยั้งมือ ทั้งยังเรียกเสียงฮือฮาจากสาธารณชน อันเป็นการกระตุ้นฐานเสียงกลุ่มผู้สนับสนุนสายอนุรักษ์นิยมของพรรค
แม้จะมีคะแนนตามหลังโอบามาอยู่เล็กน้อยในผลการสำรวจความนิยมครั้งล่าสุด ก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน แต่แมคเคนได้ให้คำมั่นต่อพรรคว่า เขาจะต้องเป็นผู้ชนะ
ด้านนอกที่ประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน ตำรวจควบคุมตัวผู้ประท้วงต่อต้านสงครามราว 250 คน ที่เดินขบวนตามถนน หลังจากใช้ระเบิดแสงและแก๊สน้ำตา เพื่อต้อนฝูงชนลงไปใต้สะพานบริเวณใกล้เคียง ขณะที่ภายในหอประชุม การกล่าวสุนทรพจน์ของแมคเคนถูกกลุ่มผู้ประท้วงรบกวนหลายต่อหลายครั้ง จนตำรวจต้องกันตัวผู้ประท้วงหญิง 2 คนออกไป
"โปรดอย่าสนใจเสียงอื้ออึงและการรบกวนเลย" แมคเคนกล่าว ขณะที่ตำรวจนำผู้ประท้วงดังกล่าวออกไป "ชาวอเมริกันต้องการให้เรายุติการด่าทอใส่กันและกัน"
นอกจากนี้ แมคเคนกล่าวด้วยว่า เขามีประวัติการทำงานในประเด็นต่าง ๆ โดยไม่จำกัดตัวเองอยู่แต่กับแนวทางพรรค ขณะที่โอบามาไม่เคยแสดงศักยภาพด้านนี้เลย
“ผมเคยทำงานกับสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในการจัดการปัญหา ที่จำต้องแก้ไข” แมคเคนกล่าว “ผมจะยื่นมือไปหาใครก็ได้ที่สามารถช่วยผมทำให้ประเทศนี้ ขับเคลื่อนอีกครั้ง ผมมีประวัติเรื่องนี้ ร่องรอยต่าง ๆ สามารถพิสูจน์ได้ แต่วุฒิสมาชิกโอบามาไม่มี”
แมคเคนเล่าย้อนถึงประสบการณ์ เมื่อครั้งถูกจองจำในฐานะเชลยสงครามเป็นเวลานานกว่า 5 ปีที่เวียดนาม โดยถูกทุบตีและทำร้ายอยู่เป็นประจำจนทำให้แขนข้างหนึ่งของเขาเคลื่อนไหวได้อย่างจำกัด พร้อมทั้งบอกว่า สงครามสอนให้เขารู้ว่า ประเทศชาติต้องมาก่อน
ทางด้านทีมรณรงค์หาเสียงโอบามาออกแถลงโจมตีว่า แมคเคนเพียงแต่เสนอนโยบายที่คล้ายกับสิ่งที่เคยเสนอกันตลอด 8 ปีที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช และผู้นำคนอื่น ๆ จากพรรครีพับลิกัน
ทันทีที่เสร็จสิ้นการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (4) แมคเคนและแพลิน เริ่มเดินหน้าสู้ศึกทำเนียบขาวอย่างไม่รั้งรอ โดยทั้งคู่รีบบินจากมลรัฐมินนิโซตา มุ่งหน้าสู่มลรัฐวิสคอนซินเพื่อหาเสียงในช่วงเช้าวันศุกร์(5) จากนั้นในวันเดียวกันก็ต่อไปยังโคโรลาโด และในวันเสาร์ (6) มีกำหนดจะเดินสายไปยังมลรัฐนิวเม็กซิโก