เอเอฟพี – พรรครีพับลิกันเร่งมืออัดฉีดแผนหาเสียงเพื่อชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวอีกครั้งในวันอังคาร (2) หลังเฮอร์ริเคนกุสตาฟพัดผ่านไป ขณะที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ต้องวางบทบาทอยู่ห่างๆ จอห์น แมคเคน แต่รับประกันว่าแมคเคน “พร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำประเทศ”
หลังจากที่เฮอร์ริเคนกุสตาฟทำให้รีพับลิกันต้องเสียเวลาในการช่วงชิงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายนไปหลายวัน แต่ตอนนี้ก็พร้อมแล้วที่จะชิงการเป็นเป้าสายตากลับคืนมาจากบารัค โอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต
ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งขณะนี้มีคะแนนนิยมลดลงอย่างมากจนเกือบแตะระดับต่ำสุด ได้กล่าวถึงแมคเคนในวัย 72 ปี และแซราห์ แพลิน คู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี วัย 44 ปี ว่าเป็นผู้สมัครคู่ที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำประเทศ
“เราอาศัยอยู่ในโลกที่มีอันตราย และเราต้องการประธานาธิบดีที่เข้าใจบทเรียนของเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 ที่ว่า การปกป้องอเมริกานั้น เราจะต้องเป็นฝ่ายรุก หยุดยั้งการโจมตีก่อนที่มันจะเกิดขึ้น และไม่รอคอยให้ถูกโจมตีครั้งใหม่ และคนที่เราต้องการก็คือจอห์น แมคเคน” บุชกล่าวผ่านทางวิดีโอที่แพร่ภาพมายังที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันในเมืองเซนต์พอล โดยมีลอรา บุช กล่าวอำลาต่อที่ประชุมแทนเขา
ทั้งนี้ ทีมหาเสียงของโอบามาได้กล่าวหาว่าบุชนั้นเพียงแต่ส่งต่ออำนาจให้กับผู้สมัครคนใหม่ที่จะดำเนินนโยบาย “อันตราย” แบบเดิมต่อไปอีก 4 ปี ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงแมคเคนเข้ากับบุชซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้วถึง 8 ปี อีกทั้งยังเป็นผู้นำประเทศเข้าสู่สงครามทั้งในอิรักและอัฟกานิสถาน
อีกทั้ง ผลการสำรวจความนิยมระบุว่าโอบามามีคะแนนนิยมตีตื้นขึ้นมาอย่างมากหลังจากการประชุมใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของพรรคเดโมแครตที่เมืองเดนเวอร์เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งมีการเสนอชื่อคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรก
ด้านรีพับลิกันก็กำลังหาทางตอบโต้กลับ โดยที่ประชุมในวันอังคารได้ชูประเด็น “ประเทศชาติต้องมาก่อน” และกล่าวสรรเสริญเหล่าทหารที่เสียสละชีวิตในสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ และยกย่องบรรดาเชลยศึกในสงครามเวียดนามที่ร่วมเป็นร่วมตายมากับแมคเคน
นอกจากนั้น ที่ประชุมพรรคยังได้ลุกขึ้นยืนปรบมือให้เกียรติแก่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช และบาร์บารา บุชอย่างกึกก้อง รวมทั้งยังแสดงภาพวิดีโอของอดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน วีรบุรุษของพรรค เพื่อเบี่ยงเบนจุดสนใจไปจากแพลิน ซึ่งตกเป็นเป้าครหาจากเรื่องอื้อฉาวที่มีการเปิดเผยออกมาในวันอังคารว่า บริสทอล บุตรสาววัย 17 ปีของเธอตั้งครรภ์โดยยังไม่ได้แต่งงาน อีกทั้งแพลินยังถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจในทางมิชอบในระหว่างดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐอะแลสกา และสั่งการให้ใช้เงินในโครงการของรัฐหลายโครงการตามอำเภอใจ
แพลินมีกำหนดการกล่าวสุนทรพจน์ในวันพุธ ทว่า เธอกำลังถูกจับตาดูด้วยความเป็นห่วงว่า การที่เธอมีประสบการณ์ระดับประเทศเพียงน้อยนิดอาจทำให้สุ่มเสี่ยงเกินไปสำหรับการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ในกรณีที่แมคเคนไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่ได้
เฟรด ธอมป์สัน อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และดาราละครทางโทรทัศน์ ก็ได้มาช่วยดึงดูดความสนใจของที่ประชุมโดยประกาศว่าแมคเคน “มีบุคลิกลักษณะของผู้นำที่อารยธรรมนับตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของประวัติศาตร์แสวงหามาโดยตลอด”
“เข้มแข็ง ห้าวหาญ อ่อนน้อม ทรงปัญญา รับผิดชอบต่อหน้าที่ มีเกียรติ” ธอมป์สันกล่าว และยืนยันว่าแมคเคนมีแนวนโยบายอันถูกต้องในเรื่องอิรัก และขณะนี้สหรัฐฯ กำลังมีชัยชนะในสงคราม
ทั้งนี้ผลสำรวจตะนนนิยมของแกลลัพระบุในวันอังคารว่าโอบามามีคะแนนอยู่ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแมคเคนอยู่ที่ 42 เปอร์เซ็นต์
หลังจากที่เฮอร์ริเคนกุสตาฟทำให้รีพับลิกันต้องเสียเวลาในการช่วงชิงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายนไปหลายวัน แต่ตอนนี้ก็พร้อมแล้วที่จะชิงการเป็นเป้าสายตากลับคืนมาจากบารัค โอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต
ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งขณะนี้มีคะแนนนิยมลดลงอย่างมากจนเกือบแตะระดับต่ำสุด ได้กล่าวถึงแมคเคนในวัย 72 ปี และแซราห์ แพลิน คู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี วัย 44 ปี ว่าเป็นผู้สมัครคู่ที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำประเทศ
“เราอาศัยอยู่ในโลกที่มีอันตราย และเราต้องการประธานาธิบดีที่เข้าใจบทเรียนของเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 ที่ว่า การปกป้องอเมริกานั้น เราจะต้องเป็นฝ่ายรุก หยุดยั้งการโจมตีก่อนที่มันจะเกิดขึ้น และไม่รอคอยให้ถูกโจมตีครั้งใหม่ และคนที่เราต้องการก็คือจอห์น แมคเคน” บุชกล่าวผ่านทางวิดีโอที่แพร่ภาพมายังที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันในเมืองเซนต์พอล โดยมีลอรา บุช กล่าวอำลาต่อที่ประชุมแทนเขา
ทั้งนี้ ทีมหาเสียงของโอบามาได้กล่าวหาว่าบุชนั้นเพียงแต่ส่งต่ออำนาจให้กับผู้สมัครคนใหม่ที่จะดำเนินนโยบาย “อันตราย” แบบเดิมต่อไปอีก 4 ปี ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงแมคเคนเข้ากับบุชซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้วถึง 8 ปี อีกทั้งยังเป็นผู้นำประเทศเข้าสู่สงครามทั้งในอิรักและอัฟกานิสถาน
อีกทั้ง ผลการสำรวจความนิยมระบุว่าโอบามามีคะแนนนิยมตีตื้นขึ้นมาอย่างมากหลังจากการประชุมใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของพรรคเดโมแครตที่เมืองเดนเวอร์เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งมีการเสนอชื่อคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรก
ด้านรีพับลิกันก็กำลังหาทางตอบโต้กลับ โดยที่ประชุมในวันอังคารได้ชูประเด็น “ประเทศชาติต้องมาก่อน” และกล่าวสรรเสริญเหล่าทหารที่เสียสละชีวิตในสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ และยกย่องบรรดาเชลยศึกในสงครามเวียดนามที่ร่วมเป็นร่วมตายมากับแมคเคน
นอกจากนั้น ที่ประชุมพรรคยังได้ลุกขึ้นยืนปรบมือให้เกียรติแก่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช และบาร์บารา บุชอย่างกึกก้อง รวมทั้งยังแสดงภาพวิดีโอของอดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน วีรบุรุษของพรรค เพื่อเบี่ยงเบนจุดสนใจไปจากแพลิน ซึ่งตกเป็นเป้าครหาจากเรื่องอื้อฉาวที่มีการเปิดเผยออกมาในวันอังคารว่า บริสทอล บุตรสาววัย 17 ปีของเธอตั้งครรภ์โดยยังไม่ได้แต่งงาน อีกทั้งแพลินยังถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจในทางมิชอบในระหว่างดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐอะแลสกา และสั่งการให้ใช้เงินในโครงการของรัฐหลายโครงการตามอำเภอใจ
แพลินมีกำหนดการกล่าวสุนทรพจน์ในวันพุธ ทว่า เธอกำลังถูกจับตาดูด้วยความเป็นห่วงว่า การที่เธอมีประสบการณ์ระดับประเทศเพียงน้อยนิดอาจทำให้สุ่มเสี่ยงเกินไปสำหรับการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ในกรณีที่แมคเคนไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่ได้
เฟรด ธอมป์สัน อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และดาราละครทางโทรทัศน์ ก็ได้มาช่วยดึงดูดความสนใจของที่ประชุมโดยประกาศว่าแมคเคน “มีบุคลิกลักษณะของผู้นำที่อารยธรรมนับตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของประวัติศาตร์แสวงหามาโดยตลอด”
“เข้มแข็ง ห้าวหาญ อ่อนน้อม ทรงปัญญา รับผิดชอบต่อหน้าที่ มีเกียรติ” ธอมป์สันกล่าว และยืนยันว่าแมคเคนมีแนวนโยบายอันถูกต้องในเรื่องอิรัก และขณะนี้สหรัฐฯ กำลังมีชัยชนะในสงคราม
ทั้งนี้ผลสำรวจตะนนนิยมของแกลลัพระบุในวันอังคารว่าโอบามามีคะแนนอยู่ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแมคเคนอยู่ที่ 42 เปอร์เซ็นต์