00 จะว่าไปแล้วการมีกลุ่มการเมืองคอยกดดันรัฐบาลถือว่ามีผลในทางบวกเหมือนกัน ในที่นี้หากมองเฉพาะ “กลุ่มเสื้อแดง” ที่กำลังเคลื่อนไหวเข้มข้นเรื่อยๆ มันก็พิจารณาได้ว่าเป็นอีกพัฒนาการไปอีกขั้นหนึ่งของไทย
00 อย่างน้อยทั้งก่อนและหลังการชุมนุม คนในสังคมจะต้องมีการถกเถียงกันอย่างจริงจังว่าพวกที่สวมเสื้อแดง “ว่าจ้าง” กันมาหรือไม่ หากจ้างมาแล้วคิดหัวละเท่าไหร่ ใครเป็นคนจ้าง จ้างมาทำไม และทำไมต้องจ้าง ต้องถกเถียงกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้การเรียนรู้ทางการเมือง มีเหตุมีผลมากขึ้น ต่อไป ไม่ว่าใครจะเคลื่อนไหวแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เพราะสังคมส่วนใหญ่กำลังจับตาไม่กระพริบ
00 มองในแง่ดีอยู่บ้างก็คือ ทำให้รัฐบาลต้องระมัดระวัง เพราะถ้าทำไม่ดี แล้วอธิบายกับสังคมไม่ได้ ก็อาจจะส่งผลให้กลุ่มเสื้อแดงได้รับการสนับสนุนมากขึ้นก็ได้ นี่แหละคือข้อดี ที่พยายามมองให้เกิดประโยชน์ได้เหมือนกัน
00 นี่ก็ถือว่าชัดแจ้งแดงแจ๋ให้เห็นกันไปเลย สำหรับสื่อบางกลุ่ม เพราะในวันที่กลุ่ม “ม็อบไข่แม้วแดง” เคลื่อนขบวนมาที่ทำเนียบรัฐบาลมีคนเห็น “จุฬาลักษณ์ ภู่เกิด” บรรณาธิการบริหาร “มติชน” สื่อที่บอกว่า “คุณภาพ” สะพายกระเป๋าแดง “ตีนตบ” ครบมือ รอสมทบอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว เพราะเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล สามารถแสดงออกกันได้ ดีเสียอีกจะได้รู้กันไปเลยว่าไผ๋เป็นไผ๋ หรือจะมาในฐานะเพื่อนพ้องน้องพี่กับ “เสี่ยอ๋อย- เสี่ยมิ้ง” ก็ว่ากันไป จะได้ไม่ต้องอำพรางกันอีก
00 เป็นงงจริงๆ สำหรับรัฐมนตรี “ปลากระป๋องเน่า” นาทีนี้ไม่รู้ว่าจริงเท็จเป็นอย่างไร แต่ในเบื้องต้นสรุปเพียงว่า “เน่า” จริงๆ ทั้งปลากระป๋องและนักการเมืองฝ่ายตรวจสอบและฝ่ายถูกตรวจสอบ ถ้าจะกล่าวหาว่ารัฐมนตรี “วิฑูรย์ นามบุตร” ว่าโกงมันก็เกินไป เพราะดูตามจำนวนแล้วอย่างมากก็มีไม่กี่พันกระป๋อง หรือถ้าเหมารวมๆให้ตัวเลขเกินเอาไว้ก็เพียงแค่หลักหมื่น แล้วถ้าเฉลี่ยกระป๋องละ 10 บาท รวมเป็นเงินก็แค่หลักแสนบาทเท่านั้น ถ้ามันคิดจะโกงเงินแค่นี้ ทำไมมัน “กระจอกนัก(วะ)” แต่เอาเถอะเมื่อสงสัยก็สมควรสอบสวนให้เคลียร์
00 ขณะเดียวกันถ้านำเรื่องนี้ไปเป็นเหตุผลในการปรับคณะรัฐมนตรี ก็อาจจะใจดำเกินไป เพราะเมื่อดูตามเหตุผลแล้วไม่น่าจะใช่ ตัวเงินแค่ไม่กี่บาทคงไม่คุ้มค่าที่จะทำแบบนั้น แต่ปัญหา “ภายใน” นี่ซิน่าสนใจกว่า แว่วๆว่า เริ่มมีรายการ “แซะ” ตามน้ำกันแล้ว พยายามอาศัยจุดอ่อนไหวเข้ามาแทรก ทำไปทำมาอย่างหลังนี่แหละที่จะบีบให้ “เสี่ยวิฑูรย์” ต้องล่องจุ๊นก่อนเวลาอันควร !!
00 บอกว่าใช้เวลา 3 วันจะตัดสินใจในเรื่องปรับครม.กับรัฐมนตรีที่มีปัญหาทั้งหลาย นับรวมกันแล้วยอดพุ่งถึง 6-7 คนเข้าไปแล้ว นอกจาก “วิฑูรย์-บุญจง” เป็นตัวยืนแล้ว ล่าสุด แม้กระทั่ง “รองเทพ” ก็ติดโผต้องลุ้นไปด้วย แต่ถ้าให้เดาใจ “นายกฯมาร์ค” น่าจะโยนให้องค์กรอิสระ หรือศาลชี้ขาดออกมาก่อน แล้วค่อยมาว่ากัน ทางหนึ่งเป็นการรักษาหลักการ อีกทางหนึ่งไม่อยากให้ “กระเพื่อม” ทั้งข้างในข้างนอก เอาเวลาทำอย่างอื่นดีกว่าเล่นตามเกมพวก“ไข่แม้ว” จริงมะ !!
00 อย่างน้อยทั้งก่อนและหลังการชุมนุม คนในสังคมจะต้องมีการถกเถียงกันอย่างจริงจังว่าพวกที่สวมเสื้อแดง “ว่าจ้าง” กันมาหรือไม่ หากจ้างมาแล้วคิดหัวละเท่าไหร่ ใครเป็นคนจ้าง จ้างมาทำไม และทำไมต้องจ้าง ต้องถกเถียงกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้การเรียนรู้ทางการเมือง มีเหตุมีผลมากขึ้น ต่อไป ไม่ว่าใครจะเคลื่อนไหวแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เพราะสังคมส่วนใหญ่กำลังจับตาไม่กระพริบ
00 มองในแง่ดีอยู่บ้างก็คือ ทำให้รัฐบาลต้องระมัดระวัง เพราะถ้าทำไม่ดี แล้วอธิบายกับสังคมไม่ได้ ก็อาจจะส่งผลให้กลุ่มเสื้อแดงได้รับการสนับสนุนมากขึ้นก็ได้ นี่แหละคือข้อดี ที่พยายามมองให้เกิดประโยชน์ได้เหมือนกัน
00 นี่ก็ถือว่าชัดแจ้งแดงแจ๋ให้เห็นกันไปเลย สำหรับสื่อบางกลุ่ม เพราะในวันที่กลุ่ม “ม็อบไข่แม้วแดง” เคลื่อนขบวนมาที่ทำเนียบรัฐบาลมีคนเห็น “จุฬาลักษณ์ ภู่เกิด” บรรณาธิการบริหาร “มติชน” สื่อที่บอกว่า “คุณภาพ” สะพายกระเป๋าแดง “ตีนตบ” ครบมือ รอสมทบอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว เพราะเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล สามารถแสดงออกกันได้ ดีเสียอีกจะได้รู้กันไปเลยว่าไผ๋เป็นไผ๋ หรือจะมาในฐานะเพื่อนพ้องน้องพี่กับ “เสี่ยอ๋อย- เสี่ยมิ้ง” ก็ว่ากันไป จะได้ไม่ต้องอำพรางกันอีก
00 เป็นงงจริงๆ สำหรับรัฐมนตรี “ปลากระป๋องเน่า” นาทีนี้ไม่รู้ว่าจริงเท็จเป็นอย่างไร แต่ในเบื้องต้นสรุปเพียงว่า “เน่า” จริงๆ ทั้งปลากระป๋องและนักการเมืองฝ่ายตรวจสอบและฝ่ายถูกตรวจสอบ ถ้าจะกล่าวหาว่ารัฐมนตรี “วิฑูรย์ นามบุตร” ว่าโกงมันก็เกินไป เพราะดูตามจำนวนแล้วอย่างมากก็มีไม่กี่พันกระป๋อง หรือถ้าเหมารวมๆให้ตัวเลขเกินเอาไว้ก็เพียงแค่หลักหมื่น แล้วถ้าเฉลี่ยกระป๋องละ 10 บาท รวมเป็นเงินก็แค่หลักแสนบาทเท่านั้น ถ้ามันคิดจะโกงเงินแค่นี้ ทำไมมัน “กระจอกนัก(วะ)” แต่เอาเถอะเมื่อสงสัยก็สมควรสอบสวนให้เคลียร์
00 ขณะเดียวกันถ้านำเรื่องนี้ไปเป็นเหตุผลในการปรับคณะรัฐมนตรี ก็อาจจะใจดำเกินไป เพราะเมื่อดูตามเหตุผลแล้วไม่น่าจะใช่ ตัวเงินแค่ไม่กี่บาทคงไม่คุ้มค่าที่จะทำแบบนั้น แต่ปัญหา “ภายใน” นี่ซิน่าสนใจกว่า แว่วๆว่า เริ่มมีรายการ “แซะ” ตามน้ำกันแล้ว พยายามอาศัยจุดอ่อนไหวเข้ามาแทรก ทำไปทำมาอย่างหลังนี่แหละที่จะบีบให้ “เสี่ยวิฑูรย์” ต้องล่องจุ๊นก่อนเวลาอันควร !!
00 บอกว่าใช้เวลา 3 วันจะตัดสินใจในเรื่องปรับครม.กับรัฐมนตรีที่มีปัญหาทั้งหลาย นับรวมกันแล้วยอดพุ่งถึง 6-7 คนเข้าไปแล้ว นอกจาก “วิฑูรย์-บุญจง” เป็นตัวยืนแล้ว ล่าสุด แม้กระทั่ง “รองเทพ” ก็ติดโผต้องลุ้นไปด้วย แต่ถ้าให้เดาใจ “นายกฯมาร์ค” น่าจะโยนให้องค์กรอิสระ หรือศาลชี้ขาดออกมาก่อน แล้วค่อยมาว่ากัน ทางหนึ่งเป็นการรักษาหลักการ อีกทางหนึ่งไม่อยากให้ “กระเพื่อม” ทั้งข้างในข้างนอก เอาเวลาทำอย่างอื่นดีกว่าเล่นตามเกมพวก“ไข่แม้ว” จริงมะ !!
