AST Vผู้จัดการรายวัน – กลุ่ม “เตชะอุบล” สวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัว ทุ่มงบลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ก่อสร้างโรงแรมหรู-เทกโอเวอร์กิจการบจ.-เก็บหุ้นบลจ.เอ็มเอฟซีเพิ่ม ด้าน “ผู้บริหาร” เผยปีนี้ลงทุนสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี หลังมองเห็นโอกาสการลงทุนที่ดีจากต้นทุนต่ำ หวังผลตอบแทนดีในอีก 2 ปีข้างหน้า
นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน)หรือ ASL เปิดเผยว่า ในปี 2552 นี้ กลุ่มเตชะอุบลได้ตั้งงบลงทุนไว้รวมจำนวนทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท ในโครงการก่อสร้างโรงแรมระดับ 6-7 ดาว จำนวน 2 แห่ง บนพื้นที่เดียวกันในย่านเจริญกรุง ซึ่งคาดจว่าจะเริ่มดำเนินการสร้างได้ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ กลุ่มเตชะอุบลได้คัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาบริหารและจัดการจากต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเหลือเพียงการลงนามในสัญญาและจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ ขณะที่แหล่งเงินทุนนั้นจะมาจากการระดมทุนหลายๆ ทาง อาทิ การกู้สถาบันการเงิน หรือจะเป็นเงินทุนจากต่างประเทศที่ให้ความสนใจจะเข้ามาร่วมทุน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียดของการร่วมทุน
นายบี เตชะอุบล กรรมการบล. แอ๊ดคินซัน ในฐานะผู้ดูแลการลงทุนกลุ่มเตชะอุบล กล่าวว่า มูลค่าการลงทุนของกลุ่มเตชะอุบลกว่า 10,000 ล้านบาท ถือเป็นมูลค่าการลงทุนสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 เนื่องจากมองว่าจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนั้นเป็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนและให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงในแก 2 ปีข้างหน้า หลังจากภาวะเศรษฐกิจมีโอกาสปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น
สำหรับแผนการลงทุนนั้น กลุ่มเตชะอุบลตั้งเป้าที่จะเข้าไปซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวน 1-2 แห่ง ที่ดำเนินธุรกิจด้านไอที และอสังหาริมทรัพย์ เพราะประเมินว่าราคาหุ้นของหลายบริษัทได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี (Book Value) ซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเข้าไปลงทุนในลักษณะเก็งกำไรราคาหุ้น โดยบริษัทมีนโยบายการลงทุนของกลุ่มนั้นจะเน้นลงทุนระยะยาว โดยการเข้าไปซื้อกิจการบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั้นเพื่อที่จะนำมาสร้างคอนโดมิเนียม ขนาด 1,000 ยูนิต ราคา 1-3 ล้านบาท
“กลุ่มเตชะอุบลจะเน้นลงทุนระยะยาวในลักษณะเข้าไปซื้อกิจการเข้าไปบริหาร ซึ่งไม่มีนโยบายลงทุนในลักษณะเทรดหุ้น ซึ่งปีนี้บริษัทมูลค่าทางบัญชี จึงถือเป็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุน ส่วนเม็ดเงินในการสร้างคอนโดมิเนียมนั้น ทางกลุ่มอยู่ระหว่างการติดต่อกับธนาคารต่างประเทศมาสนับสนุนเงินทุน ” นายบี กล่าว
นอกจากนี้ กลุ่มเตชะอุบลยังมีแผนที่จะถือหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ถือจำนวน 19.45 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 16.21% เพราะการลงทุนระยะยาวที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีจะต้องมีการถือหุ้นที่สูงกว่า 20% แต่บริษัทมีนโยบายที่จะถือหุ้นไม่เกิน 25% หากถือมากกว่านั้นจะต้องมีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์)
“เราจะเจรจาขอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่นที่ถือหุ้น MFC อยู่แล้ว หลังจากนั้นผมก็จะเข้าไปร่วมเป็นกรรมการใน MFC เช่นกัน”
ส่วนวัตถุประสงค์ของการเข้าไปถือหุ้นในบลจ.เอ็มเอฟซีนั้น กลุ่มเตชะอุบลประเมินว่าน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี โดยที่ไม่ต้องจัดตั้งบริษัทจัดการกองทุนรวมขึ้นเอง ขณะที่ MFC เป็นบลจ.ที่มีการบริหารงานที่ดี มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารถึง 250,000 ล้านบาท แต่หากมีการตั้งบลจ.เองต้องใช้เวลานานกว่าที่จะเติบโตได้
ด้านการลงทุนในต่างประเทศ กลุ่มเตชะอุบลยังมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส จากปัจจุบันที่มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ในประเทศจีน และเวียดนาม
ปัจจุบันกลุ่มเตชะอุบล ได้มีการลงทุนในธุรกิจ 2 ส่วน คือ ธุรกิจการเงิน ซึ่งได้มีการลงทุนใน บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL และบลจ.เอ็มเอฟซี ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2 บริษัท คือ บริษัท คันทรีกรุ๊ป จำกัด ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาจะนำคันทรีกรุ๊ป เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน)หรือ ASL เปิดเผยว่า ในปี 2552 นี้ กลุ่มเตชะอุบลได้ตั้งงบลงทุนไว้รวมจำนวนทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท ในโครงการก่อสร้างโรงแรมระดับ 6-7 ดาว จำนวน 2 แห่ง บนพื้นที่เดียวกันในย่านเจริญกรุง ซึ่งคาดจว่าจะเริ่มดำเนินการสร้างได้ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ กลุ่มเตชะอุบลได้คัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาบริหารและจัดการจากต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเหลือเพียงการลงนามในสัญญาและจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ ขณะที่แหล่งเงินทุนนั้นจะมาจากการระดมทุนหลายๆ ทาง อาทิ การกู้สถาบันการเงิน หรือจะเป็นเงินทุนจากต่างประเทศที่ให้ความสนใจจะเข้ามาร่วมทุน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียดของการร่วมทุน
นายบี เตชะอุบล กรรมการบล. แอ๊ดคินซัน ในฐานะผู้ดูแลการลงทุนกลุ่มเตชะอุบล กล่าวว่า มูลค่าการลงทุนของกลุ่มเตชะอุบลกว่า 10,000 ล้านบาท ถือเป็นมูลค่าการลงทุนสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 เนื่องจากมองว่าจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนั้นเป็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนและให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงในแก 2 ปีข้างหน้า หลังจากภาวะเศรษฐกิจมีโอกาสปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น
สำหรับแผนการลงทุนนั้น กลุ่มเตชะอุบลตั้งเป้าที่จะเข้าไปซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวน 1-2 แห่ง ที่ดำเนินธุรกิจด้านไอที และอสังหาริมทรัพย์ เพราะประเมินว่าราคาหุ้นของหลายบริษัทได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี (Book Value) ซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเข้าไปลงทุนในลักษณะเก็งกำไรราคาหุ้น โดยบริษัทมีนโยบายการลงทุนของกลุ่มนั้นจะเน้นลงทุนระยะยาว โดยการเข้าไปซื้อกิจการบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั้นเพื่อที่จะนำมาสร้างคอนโดมิเนียม ขนาด 1,000 ยูนิต ราคา 1-3 ล้านบาท
“กลุ่มเตชะอุบลจะเน้นลงทุนระยะยาวในลักษณะเข้าไปซื้อกิจการเข้าไปบริหาร ซึ่งไม่มีนโยบายลงทุนในลักษณะเทรดหุ้น ซึ่งปีนี้บริษัทมูลค่าทางบัญชี จึงถือเป็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุน ส่วนเม็ดเงินในการสร้างคอนโดมิเนียมนั้น ทางกลุ่มอยู่ระหว่างการติดต่อกับธนาคารต่างประเทศมาสนับสนุนเงินทุน ” นายบี กล่าว
นอกจากนี้ กลุ่มเตชะอุบลยังมีแผนที่จะถือหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ถือจำนวน 19.45 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 16.21% เพราะการลงทุนระยะยาวที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีจะต้องมีการถือหุ้นที่สูงกว่า 20% แต่บริษัทมีนโยบายที่จะถือหุ้นไม่เกิน 25% หากถือมากกว่านั้นจะต้องมีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์)
“เราจะเจรจาขอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่นที่ถือหุ้น MFC อยู่แล้ว หลังจากนั้นผมก็จะเข้าไปร่วมเป็นกรรมการใน MFC เช่นกัน”
ส่วนวัตถุประสงค์ของการเข้าไปถือหุ้นในบลจ.เอ็มเอฟซีนั้น กลุ่มเตชะอุบลประเมินว่าน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี โดยที่ไม่ต้องจัดตั้งบริษัทจัดการกองทุนรวมขึ้นเอง ขณะที่ MFC เป็นบลจ.ที่มีการบริหารงานที่ดี มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารถึง 250,000 ล้านบาท แต่หากมีการตั้งบลจ.เองต้องใช้เวลานานกว่าที่จะเติบโตได้
ด้านการลงทุนในต่างประเทศ กลุ่มเตชะอุบลยังมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส จากปัจจุบันที่มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ในประเทศจีน และเวียดนาม
ปัจจุบันกลุ่มเตชะอุบล ได้มีการลงทุนในธุรกิจ 2 ส่วน คือ ธุรกิจการเงิน ซึ่งได้มีการลงทุนใน บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL และบลจ.เอ็มเอฟซี ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2 บริษัท คือ บริษัท คันทรีกรุ๊ป จำกัด ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาจะนำคันทรีกรุ๊ป เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ