ASTVผู้จัดการรายวัน - ฝ่ายค้าน ตั้งกระทู้สด "วิฑูรย์" แจกปลากระป๋องเน่า พร้อมยื่น กกต.เอาผิด "บุญจง" อ้างนอกจากแจกเงินพร้อมนามบัตรแล้วยังแนบใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยด้วย "มาร์ค"ขอตรวจสอบข้อมูลหลังกลับจากดาวอส ลั่นยึดกฎเหล็ก 9 ข้อ หากผิดพร้อมปรับ ครม. "วิฑูรย์"ประกาศเอาชีวิตการเมืองเป็นเดิมพัน "เพื่อนเนวิน" ให้อำนาจนายกฯ ตัดสินใจ ด้านสธ. ยันปลากระป๋องชาวคอยเหม็น บุกโรงงานพบหยุดผลิตไปตั้งแต่ ส.ค.51 แจ้งเอาผิด 3 ข้อหา พร้อมสั่งเก็บ 15 ยี่ห้อ
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (29ม.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสด ถามนายกรัฐมนตรีถึงกรณีการแจกถุงยังชีพ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่จ.พัทลุง ซึ่งปรากฏว่าภายในถุงยังชีพมีปลากระป๋องเน่า ซึ่งส่อว่ามีการทุจริตในการจัดซื้อ และเมื่อปรากฎเป็นข่าว นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของนุษย์ และนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ก็ออกมาชี้แจงว่าเป็นการจัดซื้อมาในราคากลาง แต่ต่อมา กลับออกมาบอกว่าเป็นของที่ได้รับจากการบริจาค
ขณะที่นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมฯ ได้ชี้แจงในเรื่องนี้แทนนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าเป็นสิ่งของที่ได้รับบริจาคมา ไม่มีการทุจริต และได้เสนอเรื่องไปยังคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. และคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค ของสภาฯ ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว หากพบว่ามีความผิด หรือมีการทุจริต ก็ยินดีจะลาออกจากตำแหน่ง และจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต (อ่านรายละเอียด ล้อมกรอบ หน้า 3 )
**ร้องบุญจงแจกเงิน-ใบสมัครเข้าพรรค
ในวันเดียวกันนี้ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายคารม พลทะกลาง คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กรณีแจกเงินซึ่งเป็นเงินงบประมาณของกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส พร้อมกับแนบนามบัตรและเบอร์โทรศัพท์ของนายบุญจง เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 รวมทั้งพ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 22 และพ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 หรือไม่ โดยนำหลักฐานเป็นสำเนาภาพถ่ายหนังสือพิมพ์การแจกเงินสงเคราะห์คนยากไร้ และนามบัตร รวมทั้งเป็นซีดีการปราศรัย มามอบให้ด้วย
**อ้างแนบใบสมัครสมาชิกพรรคด้วย
นายคารม กล่าวว่า การยื่นเรื่องต่อ กกต.ครั้งนี้ มีประเด็นเพิ่มเติมจากที่ทางพรรคเพื่อไทย เคยยื่นต่อป.ป.ช. ไปแล้ว คือ ให้มีการตรวจสอบตาม มาตรา 22 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพราะทราบจาก ชาวบ้านว่าขณะที่นายบุญจง แจกเงินแนบนามบัตรนั้น ได้มีการแนบใบสมัครพรรคภูมิใจไทยไปด้วย ดังนั้นจึงต้องการให้ กกต.ตรวจสอบว่า พฤติกรรมของนายบุญจง เป็นการกระทำเข้าข่ายกฎหมายมาตราดังกล่าวหรือไม่ ที่ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองหรือผู้ใด เสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งหากฝ่าฝืน จะมีโทษตาม มาตรา 109 ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
" พรรคภูมิใจไทยเพิ่งถูกจัดตั้งขึ้นในเดือนพ.ย. และเปิดตัวในเดือนม.ค. ซึ่งตามตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 26 ระบุว่า ภายในระยะเวลา 1 ปี พรรคการเมืองนั้นต้องสมัครสมาชิกให้ได้ 5,000 คน การกระทำของนายบุญจง ที่ให้ทรัพย์สินจูงใจให้สมัครเป็นสมาชิกนั้น ถือว่าอยู่ในลักษณะการระดมสมาชิกพรรค ซึ่งผิดกฎหมาย มาตรา 22 และพ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. อย่างชัดเจน และการแจกเงินในช่วงที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ถึงผมไม่รู้ว่า ทำได้หรือไม่ แต่ถ้าทำได้ทุกพรรค ก็อาจจะทำตาม จึงอยากให้ กกต.พิจารณาตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง และพ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และ การได้มาซึ่งส.ว ว่า สามารถกระทำเช่นนี้ได้หรือไม่" นายคารม กล่าว
ส่วนที่ทางกลุ่มเพื่อนเนวิน ยกรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ที่ระบุว่า เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่สามารถทำได้ ขึ้นต่อสู้ นายคารมกล่าวว่า เพราะรู้ว่านายบุญจง ต้องยกมาตรา 268 ขึ้นมาสู้ จึงต้องยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบตามมาตรา 22 เพิ่มเติม เพราะถ้าการกระทำผิดจริง ก็ถูกจำคุกและนายบุญจงก็ต้องหลุดจากการเป็นส.ส.และรัฐมนตรี อีกทั้งนายเรืองไกร ก็ไม่ได้ยื่นเรื่องในมาตรานี้เข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย
**"ประพันธ์"ว่าไม่เข้าข่ายซื้อเสียง
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึง การตรวจสอบกรณีนี้ว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ทางสำนักเลขานุการ กกต. ได้รับหนังสือร้องเรียนจากนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ซึ่ง กกต.อาจมีการนำเรื่องนี้ และเรื่องที่นายพร้อมพงศ์ ร้องมาพิจารณารวมกัน โดยหลังจากนี้ต้องมีการตรวจสอบว่า การกระทำดังกล่าว จะเข้าข่ายความผิดกฎหมาย และหน้าที่ของกกต.หรือไม่
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวว่า เมื่อมีการร้องเรียนเข้ามา ก็ต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบตามระเบียบ ขั้นตอน เพราะการแจกเงินก็คือมีมูลแล้ว แต่ปัญหาของเรื่องนี้คือ การแจกนั้นลึกๆ เป็นอย่างไร แต่เมื่อดูจากพฤติกรรมนี้ ช่วงนี้ยังไม่มีการเลือกตั้ง กฎหมายของ กกต. จึงยังไม่เข้าไปควบคุม และที่ว่าเข้าข่ายซื้อเสียงล่วงหน้านั้น ตามกฎหมายก็บัญญัติใช้เฉพาะกับการเลือกตั้งท้องถิ่นเท่านั้น แต่สำหรับ กรณีของ ส.ส. - ส.ว. เท่าทีดูยังไม่ได้เขียนเอาไว้
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า กรณีนี้น่าจะเป็นหน้าที่ของป.ป.ช. หรือ สภาที่สังกัดเป็นผู้ตรวจสอบ เพราะขณะนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงการเลือกตั้ง หากเห็นว่าเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 266 ความหมายคือเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีทำผิด ไม่ใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และส่วนตัวก็มองว่าขณะนี้นายบุญจง ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการทำเช่นนี้ เพราะหลังจากที่ข่าวออกไปทำให้นายบุญจง เกิดความเสียหายแก่ตัวเองแล้ว
"ผมมองว่า การกระทำของนายบุญจงไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด แต่อาจจะเป็นเรื่องจริยธรรม และความเหมาะสม ทั้งนี้หากดูตามกฎหมายก็น่าจะเป็น ป.ป.ช. ที่มีหน้าที่ดำเนินการ อีกทั้งส่วนตัวมองเรื่อง มาตรา 266 ต่างจากผู้อื่นที่เห็นว่าการตรวจสอบฝ่ายบริหาร เป็นเรื่องของกกต. แต่หากใครกลัวว่าแมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวันด้วยกัน ยื่นต่อประธานสภาแล้วเขาไม่ดำเนินการ และนิ่งเฉย ก็ สามารถยื่นต่อ กกต. เพื่อส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ เราจะทำหน้าที่แทนเอง" นายสมชัยกล่าว
**คาดตั้งอนุฯสอบ"บุญจง"สัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมกกต.เมื่อวานนี้ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้งกล่าวว่า ที่ประชุมยังไม่ได้มีการพิจารณา กรณีมีผู้ร้องขอให้ตรวจสอบนายบุญจง เรื่องการแจกเบี้ยยังชีพพร้อมนามบัตร เนื่องจากทางพรรคเพื่อไทย ได้มีการยื่นเรื่องเพิ่มเติมเข้ามาอีก ทำให้ทางสำนักกฎหมายคดี ขอเวลาในการไปจัดทำความเห็น คาดว่าในสัปดาห์หน้าคงจะมีการนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมกกต. และมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ
นายประพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า การที่พรรคเพื่อไทยยื่นให้สอบนายบุญจง ในประเด็นให้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจประชาชนให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งขัดมาตรา 22 ของพ.ร.บ.พรรคการเมืองนั้น ถือว่า เข้าข่ายอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมือง และกกต.ที่จะสืบสวนสอบสวนได้
**"มาร์ค"พร้อมปรับครม.หากพบผิด
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาของนายบุญจงว่า เข้าใจว่าเรื่องนี้ยังเป็นแค่การยื่นเรื่องไปที่ ป.ป.ช. และ กกต. และหากผลการตรวจสอบออกมาอย่างไร ก็คงต้องยอมรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการปรับครม.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ากกต. หรือ ป.ป.ช.ชี้มูลมา คงต้องเป็นอย่างนั้น
เมื่อถามว่า กรณีปลากระป๋องเน่า ของนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมฯ ที่ฝ่ายค้านมีการขยายผลว่า มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนกำลังดูข้อมูลทั้งหมด และคิดว่าหลังจากเดินทางกลับจากประชุมที่เมืองดาวอส แล้วคาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน ก่อนจะมีจุดยืนที่ชัดเจน
เมื่อถามว่าหมายความว่า กลับจากการประชุมที่เมืองดาวอส จะพิจารณาปรับ ครม.ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าขอรวบรวมข้อมูลรอบด้าน และจะคุยกับตัวรัฐมนตรีในรายละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ยินดีที่จะให้ทุกฝ่ายเข้ามาตรวจสอบ
"เบื้องต้นในกรณีปลากระป๋อง ยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินของข้าราชการ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นกับประชาชนแล้ว เข้าใจว่าขณะนี้นายวิฑูรย์ ได้ยื่นเรื่องให้องค์กรต่างๆ ตรวจสอบ แต่รัฐบาลต้องดูว่า การทำงานต่างๆในกระทรวงมีปัญหาหรือไม่"
เมื่อถามว่า การตัดสินใจแก้ปัญหาของนายกฯ ยังยึดหลักการเดิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยึดหลัก 9 ข้อที่ให้ไว้แก่ครม.
**นายกฯต้องรักษาความถูกต้อง
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาของ นายบุญจง และนายวิฑูรย์ ที่ถูกกล่าวหาเรื่องความไม่ชอบธรรม และความไม่โปร่งใสในการปฏิบัติหน้า ที่จนนำไปสู่กระแสกดดันให้ปรับออกจากตำแหน่งว่า เรื่องนี้ต้องถามรัฐบาล แต่รัฐบาลไม่ได้ปรึกษาตน จึงตอบแทนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของรัฐมนตรีกับนายกฯ ซึ่งนายกฯได้ประกาศไว้ชัดเจนว่า สนับสนุนเรื่องการตรวจสอบการทำงานที่โปร่งใส โดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ดังนั้นสิ่งเหล่านี้อยู่ในสายตาของนายกฯ อะไรทั้งหลายคงอยู่ที่ท่านจะพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่านายบุญจง เป็นรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล การตัดสินใจใดๆจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า นายกฯคงจะดู ครม.ของท่านทุกคน เพราะเป็นหน้าที่อยู่แล้ว และคงไม่ใช่เรื่องลำบากต่อการตัดสินใจ ถ้าปรากฏข้อเท็จจริงออกมาชัดเจน ว่าถูก ผิดเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่านายวิฑูรย์ เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ จะกระทบภาพลักษณ์ของพรรคหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม เป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องดูแลอยู่แล้ว
**"เพื่อนเนวิน"ให้นายกฯตัดสินใจ
นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนามคม แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ระบุว่าหากมีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ระบุว่านายบุญจง มีความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 266 นั้น อาจถูกยุบพรรคว่า ไม่เป็นห่วง มั่นใจในตัวนายบุญจงว่าไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา เชื่อว่าจะสามารถชี้แจงได้
"ไม่ได้ทำผิด มายุบพรรคได้อย่างไร หัวหน้าพรรคก็ยังไม่มี เรื่องนี้เป็นเจตนาบริสุทธิ์ ที่ภรรยาของนายบุญจง นำชาวบ้านมาขอนามบัตร"
เมื่อถามว่า ยังยืนยันจะเสนอชื่อนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย มาเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อยู่หรือไม่ นายโสภณ ตอบว่า อย่าเพิ่งถามตอนนี้ รอวันที่ 14 ก.พ. ที่จะมีการประชุมพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรค ส่วนนายบุญจง จะได้เป็นกรรมการบริการพรรคด้วยหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพราะขณะนี้ยังไม่เห็นรายชื่อ
เมื่อถามว่านายกฯระบุว่า อาจมีการปรับครม.ในส่วนที่มีปัญหา นายโสภณ กล่าวว่า ตามหลักการหากรัฐมนตรีกระทำความผิด ก็ต้องมีการปรับออก แต่เรื่องดังกล่าวเชื่อว่า จะไม่เป็นเหตุให้มีการปรับ เพราะรัฐมนตรีไม่ได้กระทำผิด ดังนั้นขอเตือนรัฐมนตรีของพรรคหากทำอะไรก็ขอให้ระมัดระวัง ทางกลุ่มเพื่อนเนวิน พร้อมรับการตัดสินใจของนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และทางพรรคยังไม่มีการเตรียมบุคคล เข้ามาแทนนายบุญจง
ด้านนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอให้รอฟังผลการตรวจสอบของกกต.ก่อน อย่างไรก็ตาม นายบุญจง ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับแกนนำและสมาชิกพรรคแล้วว่า ไม่ได้ทำในสิ่งที่กฎหมายห้ามไว้ จึงมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด อีกทั้งกกต.ก็ยังไม่ได้รับรองสมาชิกภาพของส.ส. ที่ย้ายมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ดังนั้นเชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้คงไม่ส่งผลจนทำให้พรรคถูกยุบ อย่างมากก็แค่เป็นความผิดส่วนบุคคล
**สธ.บุกรง.ปลากระป๋องชาวดอย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวานนี้(29ม.ค.) นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เดินทางไปตรวจสอบบริษัททองกิ่งแก้วฟู๊ดส์ จำกัด และโกดังเก็บสินค้า เลขที่ 17/1 หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ที่ระบุว่าเป็นสถานที่ผลิตปลากระป๋องยี่ห้อชาวดอย ที่นำไปบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ จ.พัทลุง เมื่อ 12 ธ.ค.51 และมีปัญหากลิ่นเหม็นเน่า เนื้อปลาเละ เมื่อลองชิม เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
นายมานิต กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เก็บปลากระป๋องบริจาค ออกจากหมู่บ้านที่ได้รับบริจาคทั้งหมดแล้ว และให้สำนักงานสาธารณสุขทั่วประเทศเก็บปลากระป๋องยี่ห้อดังกล่าว และที่ผลิตในล็อตเดียวกันคือ เลขที่สารบบอาหาร 74-07040-1-0050 ล็อตการผลิต TSE 77 ผลิตวันที่ 24 ธ.ค.51 หมดอายุวันที่ 24 ธ.ค.54 ออกจากท้องตลาดทั้งหมดด้วย เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.52 ไม่พบจุลินทรีย์ แต่มีกลิ่นเหม็น สภาพเนื้อปลาและน้ำซอสมีสีซีดกว่าปกติ และเนื้อปลาค่อนข้างยุ่ย ซึ่งขณะนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เก็บปลากระป๋องอีกส่วนหนึ่งไว้ รอดูสภาพกระป๋องว่ามีแก๊สภายในที่เกิดจากการเน่าเสีย ซึ่งจะทำให้กระป๋องมีการบวมบุบบู้บี้หรือไม่ เป็นเวลา 14 วัน คาดจะทราบผลในสัปดาห์หน้า
สำหรับผลการตรวจสอบสถานที่ผลิตปลากระป๋องชาวดอย คือ บริษัททองกิ่งแก้วฟู๊ดส์ จำกัด นั้น ผู้จัดการฝ่ายบุคคลได้ให้การว่า โรงงานแห่งนี้หยุดผลิตอาหาร เพื่อปรับปรุงให้ได้มาตรฐานจีเอ็มพี ตั้งแต่เดือน ส.ค.51 ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่ปรากฏบนกระป๋องที่ระบุว่าผลิตวันที่ 24 ธ.ค.51 และได้สาวถึงสถานที่ผลิตอาหารที่มี นายทนง ทองกิ่งแก้ว เป็นผู้ประกอบการอีก 2 แห่ง คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัดไทย เอ.ดีฟู้ด เทรดดิ้ง เลขที่ 219 หมู่ 14 ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย และที่ จ.จันทบุรี เลขที่ 50 หมู่ 5 ต.ตกพรม อ.ขลุง จ.จันทบุรี ผลการตรวจสอบไม่พบการผลิตปลากระป๋อง มีแต่ผลไม้บรรจุกระป๋อง และจากการเข้าไปตรวจสอบที่โกดังเก็บของของบริษัท พบว่ามีผลิตภัณฑ์อาหารบรรจุกระป๋องที่ยังไม่ติดฉลากจำนวน 2,373,062 กระป๋อง ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เงาะในน้ำเชื่อม ข้าวโพด เห็ดแชมปิญอง เป็นต้น ไม่พบปลากระป๋อง และได้อายัดสินค้าไว้ทั้งหมดแล้ว
**แจ้งความดำเนินคดี 3 ข้อหา
จากผลการตรวจสอบทั้งสถานที่ผลิต และโกดังเก็บของ สันนิษฐานว่า ปลากระป๋องดังกล่าวน่าจะมีการผลิตมาจากสถานที่อื่น ซึ่งไม่เป็นไปตามพ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 และการผลิตอาหารตามมาตรฐานจีเอ็มพี (GMP) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ผลิต ทั้งหมด 3 ข้อหา คือ 1. ทำการผลิตอาหารปลอม และมีฉลากเพื่อลวง หรือพยายามลวงผู้ซื้อให้เข้าใจผิด 2. ผลิตอาหารผิดมาตรฐาน และ3. ข้อหาเกี่ยวกับอาหารบรรจุกระป๋องอื่นๆ ที่ยังไม่ติดฉลากและมีการเก็บรักษาไว้ในโกดัง ถือว่าเข้าข่ายผลิตอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากกระบวนการผลิตอาหาร ตั้งแต่การผลิตจนถึงการติดฉลากอาหาร จะต้องดำเนินการภายในโรงงานที่ได้ตามมาตรฐาน ที่ขออนุญาตกับ อย.ไว้เท่านั้น การผลิตอาหารอีกที่ และติดฉลากอีกที่ ถือว่าเป็นการกระทำไม่ถูกต้อง ซึ่งทั้ง 3 ข้อหามีทั้งโทษปรับ และโทษจำคุก
ด้านนพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการ อย. กล่าวว่า ความผิดทั้งหมดนี้ อย. ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุข จ.สมุทรสาคร ได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าวที่สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 21 ม.ค.52
**สั่งเก็บปลาป๋อง15 ยี่ห้อเครือชาวดอย
ทั้งนี้ ปลากระป๋องที่ บริษัททองกิ่งแก้ว ฟู้ดส์ จำกัด และบริษัท เอดี ฟู้ดส์ ผู้แทนจำหน่าย ได้ขอฉลากมีทั้งหมด15 ยี่ห้อ ได้แก่ 1.ปลาซาร์ดีนในน้ำเกลือตราไทเอดี 2.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ 3.ปลาแมคเคอรอลในซอสมะเขือเทศ 4. ปลาแมคเคอรอลในน้ำเกลือ ตราไทยเอดี
5.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตรากู๊ดดี้ 6.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตราทีเคเค 7.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตราชาวดอย 8. ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตราแม่ครัวไทย 9. ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศตราแหวนเพชร 10. ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตราชาววัง
11.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศตรากระต่ายทอง 12.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตรากู๊ดดี้ 13. ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศตราลีดเดอร์ไพรซ์ 14.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศตราเฟิร์สทไพรซ์ และ 15.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตราบิ๊กซี ซึ่งขณะนี้ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ไม่ได้สั่งสินค้าจากบริษัทนี้แล้ว ทั้งหมดนี้ อย. ได้สั่งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เก็บออกจากชั้นวางขายทั้งหมดชั่วคราว จนกว่าผลการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น
-------------------
"วิทูรย์"เดิมพันปลากระป๋องเน่า
ถ้าผิดเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ (29ม.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้สดถามนายรัฐมนตรี เรื่องปลากระป๋องเน่าเสีย โดยมีนายวิทูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคม และทรัพยากรมนุษย์ เป็นผู้ชี้แจงแทน
นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องนี้สื่อมวลชน และคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ได้เป็นผู้ตรวจสอบโดยไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีการทุจริต เอาของเน่าเสียไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยในปี 52 นี้ ที่เรียกกันว่า ถุงยังชีพ แต่ตนเรียกว่า ถุงปลิดชีพ หรือ ถุงสิ้นชีพ ที่ใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องมีอันเป็นไป
นายจตุพร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี เคยประกาศกฎเหล็กให้รัฐมนตรี ต้องมีความรับผิดชอบเป็นเรื่องเหนือสิ่งอื่นใด แม้กฎหมายจะเอาผิดไม่ได้ แต่ ครม.ของนายอภิสิทธิ์ ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง การอภิปรายของตนครั้งนี้ ไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรี แต่อยากให้นายวิทูรย์ อยู่ในรัฐบาลนี้นานๆ เหมือนตามสำนวนไทยโบราณ "เอาปลาเน่าตัวหนึ่งไปอยู่ในข้อง"
ทั้งนี้ นายจตุพร ได้นำปลากระป๋องยี่ห้อชาวดอย มาโชว์ พร้อมกับอ่านจากข่าวหนังสือพิมพ์เพื่อลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยโจมตีว่า กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้แจกผ้าห่มให้กับผู้ประสบภัยหนาว แต่ก็เป็นผ้าห่มบางๆ ใช้กันยุงเพราะหนาเท่ากับมุ้ง นอกจากนี้ ในถุงยังชีพนอกจากจะมีปลากระป๋องเน่าแเล้ว ยังมีน้ำพริกเผายี่ห้อ โอชาเน่า ข้าวสารมอดขึ้นถุงละ 4 กก. ยาหมดอายุ และยาสีฟันยี่ห้อที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
จากการตรวจสอบแล้ว ชื่อผู้บริจาคคือ นายวิเชญ สมมาตร ไม่มี แต่มีชื่อที่ใกล้เคียง คือนายวิเชญ สงฆ์มาก เป็นผู้บริจาคปลากระป๋องถึง 5,000 ชุด แต่นายวิทูรย์ ให้สัมภาษณ์ว่า บริจาค 1,500 ชุด และได้แจกจ่ายลงไปที่ จ.พัทลุง แล้วต่อมาได้มีการแจกรอบที่สองอีก 3,500 ชุด พบว่ามีปลากระป่องเน่าจึงได้สั่งระงับการแจกจ่าย
นายจตุพร ถามว่า ทำไมนายวิทูรย์ และนายวัลลภ ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ที่ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่า เป็นการจัดซื้อปลากระป๋องในราคากลาง แต่ต่อมากลับพลิกลิ้นว่า เป็นการได้รับบริจาคแทน เพราะไปพบว่าโรงงานที่ผลิตปลากระป๋องเน่าถูกสั่งปิด และเป็นการผลิตที่ผิดกฎหมาย เข้าข่ายถูกดำเนินคดี เรื่องโรงงานปลอมแปลง มีโทษจำคุก10 ปี ปรับ 5 แสนบาท จึงเปลี่ยนแปลงบอกว่าเป็นการบริจาคแทน
ถามว่า การบริจาคคนธรรมดาจะไปหาซื้อของที่ไหนจำนวนมาก และตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการเอาของมาก่อนแล้วค่อยจ่ายเงินที่หลัง ใช่หรือไม่
นายวิทูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมฯ ชี้แจงว่า เรื่องนี้ตนได้แถลงข่าวถึง 2 ครั้งที่กระทรวง แต่เป็นการแถลงข่าวที่ไม่สอดคล้องกัน ก็เป็นบทเรียนว่า อย่าพูดอะไรง่ายๆ เมื่อเกิดเหตุตนได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่า มีของอะไรที่จะช่วยเหลือประชาชนได้บ้าง เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า มีของที่จะไปมอบให้จำนวนหนึ่ง ก็มีการมอบถุงยังชีพที่ จ.พัทลุง 1,500 ชุด จากนั้นก็มีข่าวว่า แจกของไม่มีคุณภาพ เมื่อตนทราบเรื่องก็สั่งให้ปลัดระงับการแจกของ ที่ตนแถลงข่าวครั้งแรกตนเข้าใจว่า เป็นการจัดซื้อของระเบียบทางราชการ จึงได้ชี้แจงไปอย่างนั้น
ส่วนที่ถามว่า ทำไมไม่มีข้อมูลการรับบริจาคที่ศูนย์บริจาคที่กรุงเทพฯ เพราะนายวิเชญบอกว่าต้องการจะจัดส่งเอง จึงไม่มีข้อมูลดังกล่าว ซึ่งการบริจาคตรงนี้ได้มีหนังสือที่ศูนย์บริจาคในพื้นที่เป็นหลักฐานยืนยัน
นายวิทูรย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้ประสานกับสาธารณสุขในพื้นที่ ตรวจสอบสิ่งของที่ไม่มีคุณภาพ รวมทั้งรายงานมาให้ทราบด้วย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ต้องดำเนินการไปเอาผิดกับโรงงานที่ผลิตปลากระป๋องไม่มีคุณภาพ ต้องแยกกันกับคนซื้อ ว่าเราไม่รู้ว่าในกระป๋องจะเป็นอาหารเน่า จึงเป็นเรื่องที่โรงงานต้องรับผิดชอบ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้แจ้งความดำเนินคดีกับโรงงานไปแล้ว และการรับบริจาคจะเข้มงวดมากเกินไปก็ไม่ได้ ตนจึงสั่งว่า สำหรับผู้บริจาคไม่ต้องเคร่งครัดมาก
"เรื่องนี้ผมไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ จะดำเนินการให้ถึงที่สุด โดยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องปลากระป๋องไม่มีคุณภาพ นอกจากนี้ก็เกรงข้อครหาว่าจะเอาคนภายในมาตรวจสอบกันเอง จึงได้เสนอไปยังคณะกรรมาธิการป.ป.ช. และคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค ของสภาฯ ขณะนี้ทางกรรมาธิการฯ กับกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้ไปตรวจสอบโรงงานอยู่ และยังทำหนังสือไปยังสำนักงบประมาณ รวมทั้งสตง. ให้มาตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างถุงยังชีพ รวมถึงป.ป.ช. ด้วยเช่นกัน เพราะต้องการพิสูจน์ความจริง ไม่อยากตกเป็นจำเลยของสังคม ผมไม่อยากได้ฉายารัฐมนตรีปลากระป๋องเน่า มันเจ็บปวด ไม่รู้จริงๆว่ามีการแจกของที่ไม่มีคุณภาพ ถ้าผมรู้จะสั่งระงับแต่เบื้องต้น ผมทำอะไรด้วยความระมัดระวัง เพราะผมต้นทุนต่ำ เป็นสายล่อฟ้า ผมสู้กับพวกท่านมาตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน พวกท่านไปรุมถล่มผมที่ จ.อุบลฯ หลายครั้ง แต่ผมก็พอเอาตัวรอดได้ และรู้ว่าต้องโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่ๆ แต่ก็ไม่กังวล"
ด้านนายตุพร กล่าวว่า เมื่อปลัดกระทรวงพัฒนาสังคม บอกว่า ถุงยังชีพทั้งหมดจัดซื้อตามราคากลาง ราชการทำอย่างโปร่งใสว่าของทุกชิ้นได้ตรวจสอบคุณภาพ ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ( อย.) อยากรู้ว่าได้ดำเนินการอะไรกับปลัดกระทรวงหรือยัง เพราะสิ่งที่พูดสวนทางโดยสิ้นเชิง และนายวิเชญ ที่อุปโลกน์ขึ้นมา ทำไมไม่นำมาแสดงตัว เพราะเขาต้องถูกดำเนินคดีว่า เอาอาหารเป็นพิษไปบริจาค เพราะทำลายชื่อเสียงของกระทรวง และยังให้อาหารเป็นพิษกับประชาชน
นายวิทูรย์ ชี้แจงว่า สิ่งที่นายจตุพร พูดเป็นการคิดไปเองฝันไปเองว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หรือเป็นสิ่งที่เคยทำมาก่อน ต่อไปก็จะปรากฎออกมาเรื่องการเคหะฯ ขาดทุน 8 หมื่นกว่าล้านบาท และรัฐมนตรีที่อยู่แถว จ.นนทบุรี พาคนไปเที่ยวเกินงบจริง การตรวจสอบกันและกันเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้ต้องให้เวลาคณะกรรมการชุดต่างๆ ได้ตรวจสอบก่อน ส่วนนายวิเชญ จะมาให้การเมื่อไร ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการจะเรียกมา ไม่อยากให้เรื่องนี้ทำให้ประเทศเสียหาย ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ตนไม่มาปกป้องใคร ยืนยันว่าไม่เคยรู้จัก นายวิเชญ แต่เชื่อว่าคณะกรรมการต้องตามหาเจอ เพราะเป็นนักธุรกิจ มีชื่อเสียง
"หาก คณะกรรมการบอกว่าปลัดกระทรวงผิด ก็ต้องผิดตามระเบียบราชการ หรือถ้าบอกว่าผมผิดในฐานะนักการเมือง ก็ต้องรับผิดชอบทางการเมือง ผมต้องขอโทษคนพัทลุงไม่ต้องการไปซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน อยากช่วยเหลือด้วยความบริสูทธ์ใจ ผมเป็นผู้แทนมา 20 ปี คนอีสานเลือกอุบลฯ เลือกมา ถ้าผมไม่ดี ไม่มีคุณธรรมเพียงพอ ผมสู้พวกท่านไม่ได้ ผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ท่านก็รู้ว่าการเลือกตั้งยากลำบากแค่ไหน แต่ละครั้งเลือดตาแทบกระเด็น ผมก็เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยย้ายไปจากพรรคนี้ ทั้งที่ลำบากในภาคอีสาน พรรคพวกหลายคนก็เป็นห่วง ในเรื่องนี้ ผมไม่ให้นายกฯต้องลำบากเพราะงานใหญ่กำลังเดินหน้าไปด้วยดี ในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน สร้างความมั่นใจให้กับต่างประเทศ ผมเป็นส.ส. รอท่านอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ มา 17 ปี หากมีการทุจริตจริง ผมพร้อมจะแสดงสปิริต พร้อมรับผิดชอบทันที ผมจะไม่ให้เสียมาตรฐานของพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่รอให้ศาลตัดสินเพียงแต่ ป.ป.ช.ชี้มูล ยังไม่ต้องบอกว่าผิดเหมือนผู้ว่าฯ อภิรักษ์ (เกษะโยธิน) เรื่องรถดับเพลิง ผมจะแสดงสปิริตลาออก และหากมีการทุจริต นอกจากจะลาออกแล้ว ผมจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต".
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (29ม.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสด ถามนายกรัฐมนตรีถึงกรณีการแจกถุงยังชีพ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่จ.พัทลุง ซึ่งปรากฏว่าภายในถุงยังชีพมีปลากระป๋องเน่า ซึ่งส่อว่ามีการทุจริตในการจัดซื้อ และเมื่อปรากฎเป็นข่าว นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของนุษย์ และนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ก็ออกมาชี้แจงว่าเป็นการจัดซื้อมาในราคากลาง แต่ต่อมา กลับออกมาบอกว่าเป็นของที่ได้รับจากการบริจาค
ขณะที่นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมฯ ได้ชี้แจงในเรื่องนี้แทนนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าเป็นสิ่งของที่ได้รับบริจาคมา ไม่มีการทุจริต และได้เสนอเรื่องไปยังคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. และคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค ของสภาฯ ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว หากพบว่ามีความผิด หรือมีการทุจริต ก็ยินดีจะลาออกจากตำแหน่ง และจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต (อ่านรายละเอียด ล้อมกรอบ หน้า 3 )
**ร้องบุญจงแจกเงิน-ใบสมัครเข้าพรรค
ในวันเดียวกันนี้ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายคารม พลทะกลาง คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กรณีแจกเงินซึ่งเป็นเงินงบประมาณของกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส พร้อมกับแนบนามบัตรและเบอร์โทรศัพท์ของนายบุญจง เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 รวมทั้งพ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 22 และพ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 หรือไม่ โดยนำหลักฐานเป็นสำเนาภาพถ่ายหนังสือพิมพ์การแจกเงินสงเคราะห์คนยากไร้ และนามบัตร รวมทั้งเป็นซีดีการปราศรัย มามอบให้ด้วย
**อ้างแนบใบสมัครสมาชิกพรรคด้วย
นายคารม กล่าวว่า การยื่นเรื่องต่อ กกต.ครั้งนี้ มีประเด็นเพิ่มเติมจากที่ทางพรรคเพื่อไทย เคยยื่นต่อป.ป.ช. ไปแล้ว คือ ให้มีการตรวจสอบตาม มาตรา 22 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพราะทราบจาก ชาวบ้านว่าขณะที่นายบุญจง แจกเงินแนบนามบัตรนั้น ได้มีการแนบใบสมัครพรรคภูมิใจไทยไปด้วย ดังนั้นจึงต้องการให้ กกต.ตรวจสอบว่า พฤติกรรมของนายบุญจง เป็นการกระทำเข้าข่ายกฎหมายมาตราดังกล่าวหรือไม่ ที่ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองหรือผู้ใด เสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งหากฝ่าฝืน จะมีโทษตาม มาตรา 109 ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
" พรรคภูมิใจไทยเพิ่งถูกจัดตั้งขึ้นในเดือนพ.ย. และเปิดตัวในเดือนม.ค. ซึ่งตามตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 26 ระบุว่า ภายในระยะเวลา 1 ปี พรรคการเมืองนั้นต้องสมัครสมาชิกให้ได้ 5,000 คน การกระทำของนายบุญจง ที่ให้ทรัพย์สินจูงใจให้สมัครเป็นสมาชิกนั้น ถือว่าอยู่ในลักษณะการระดมสมาชิกพรรค ซึ่งผิดกฎหมาย มาตรา 22 และพ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. อย่างชัดเจน และการแจกเงินในช่วงที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ถึงผมไม่รู้ว่า ทำได้หรือไม่ แต่ถ้าทำได้ทุกพรรค ก็อาจจะทำตาม จึงอยากให้ กกต.พิจารณาตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง และพ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และ การได้มาซึ่งส.ว ว่า สามารถกระทำเช่นนี้ได้หรือไม่" นายคารม กล่าว
ส่วนที่ทางกลุ่มเพื่อนเนวิน ยกรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ที่ระบุว่า เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่สามารถทำได้ ขึ้นต่อสู้ นายคารมกล่าวว่า เพราะรู้ว่านายบุญจง ต้องยกมาตรา 268 ขึ้นมาสู้ จึงต้องยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบตามมาตรา 22 เพิ่มเติม เพราะถ้าการกระทำผิดจริง ก็ถูกจำคุกและนายบุญจงก็ต้องหลุดจากการเป็นส.ส.และรัฐมนตรี อีกทั้งนายเรืองไกร ก็ไม่ได้ยื่นเรื่องในมาตรานี้เข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย
**"ประพันธ์"ว่าไม่เข้าข่ายซื้อเสียง
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึง การตรวจสอบกรณีนี้ว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ทางสำนักเลขานุการ กกต. ได้รับหนังสือร้องเรียนจากนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ซึ่ง กกต.อาจมีการนำเรื่องนี้ และเรื่องที่นายพร้อมพงศ์ ร้องมาพิจารณารวมกัน โดยหลังจากนี้ต้องมีการตรวจสอบว่า การกระทำดังกล่าว จะเข้าข่ายความผิดกฎหมาย และหน้าที่ของกกต.หรือไม่
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวว่า เมื่อมีการร้องเรียนเข้ามา ก็ต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบตามระเบียบ ขั้นตอน เพราะการแจกเงินก็คือมีมูลแล้ว แต่ปัญหาของเรื่องนี้คือ การแจกนั้นลึกๆ เป็นอย่างไร แต่เมื่อดูจากพฤติกรรมนี้ ช่วงนี้ยังไม่มีการเลือกตั้ง กฎหมายของ กกต. จึงยังไม่เข้าไปควบคุม และที่ว่าเข้าข่ายซื้อเสียงล่วงหน้านั้น ตามกฎหมายก็บัญญัติใช้เฉพาะกับการเลือกตั้งท้องถิ่นเท่านั้น แต่สำหรับ กรณีของ ส.ส. - ส.ว. เท่าทีดูยังไม่ได้เขียนเอาไว้
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า กรณีนี้น่าจะเป็นหน้าที่ของป.ป.ช. หรือ สภาที่สังกัดเป็นผู้ตรวจสอบ เพราะขณะนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงการเลือกตั้ง หากเห็นว่าเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 266 ความหมายคือเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีทำผิด ไม่ใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และส่วนตัวก็มองว่าขณะนี้นายบุญจง ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการทำเช่นนี้ เพราะหลังจากที่ข่าวออกไปทำให้นายบุญจง เกิดความเสียหายแก่ตัวเองแล้ว
"ผมมองว่า การกระทำของนายบุญจงไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด แต่อาจจะเป็นเรื่องจริยธรรม และความเหมาะสม ทั้งนี้หากดูตามกฎหมายก็น่าจะเป็น ป.ป.ช. ที่มีหน้าที่ดำเนินการ อีกทั้งส่วนตัวมองเรื่อง มาตรา 266 ต่างจากผู้อื่นที่เห็นว่าการตรวจสอบฝ่ายบริหาร เป็นเรื่องของกกต. แต่หากใครกลัวว่าแมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวันด้วยกัน ยื่นต่อประธานสภาแล้วเขาไม่ดำเนินการ และนิ่งเฉย ก็ สามารถยื่นต่อ กกต. เพื่อส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ เราจะทำหน้าที่แทนเอง" นายสมชัยกล่าว
**คาดตั้งอนุฯสอบ"บุญจง"สัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมกกต.เมื่อวานนี้ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้งกล่าวว่า ที่ประชุมยังไม่ได้มีการพิจารณา กรณีมีผู้ร้องขอให้ตรวจสอบนายบุญจง เรื่องการแจกเบี้ยยังชีพพร้อมนามบัตร เนื่องจากทางพรรคเพื่อไทย ได้มีการยื่นเรื่องเพิ่มเติมเข้ามาอีก ทำให้ทางสำนักกฎหมายคดี ขอเวลาในการไปจัดทำความเห็น คาดว่าในสัปดาห์หน้าคงจะมีการนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมกกต. และมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ
นายประพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า การที่พรรคเพื่อไทยยื่นให้สอบนายบุญจง ในประเด็นให้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจประชาชนให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งขัดมาตรา 22 ของพ.ร.บ.พรรคการเมืองนั้น ถือว่า เข้าข่ายอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมือง และกกต.ที่จะสืบสวนสอบสวนได้
**"มาร์ค"พร้อมปรับครม.หากพบผิด
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาของนายบุญจงว่า เข้าใจว่าเรื่องนี้ยังเป็นแค่การยื่นเรื่องไปที่ ป.ป.ช. และ กกต. และหากผลการตรวจสอบออกมาอย่างไร ก็คงต้องยอมรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการปรับครม.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ากกต. หรือ ป.ป.ช.ชี้มูลมา คงต้องเป็นอย่างนั้น
เมื่อถามว่า กรณีปลากระป๋องเน่า ของนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมฯ ที่ฝ่ายค้านมีการขยายผลว่า มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนกำลังดูข้อมูลทั้งหมด และคิดว่าหลังจากเดินทางกลับจากประชุมที่เมืองดาวอส แล้วคาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน ก่อนจะมีจุดยืนที่ชัดเจน
เมื่อถามว่าหมายความว่า กลับจากการประชุมที่เมืองดาวอส จะพิจารณาปรับ ครม.ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าขอรวบรวมข้อมูลรอบด้าน และจะคุยกับตัวรัฐมนตรีในรายละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ยินดีที่จะให้ทุกฝ่ายเข้ามาตรวจสอบ
"เบื้องต้นในกรณีปลากระป๋อง ยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินของข้าราชการ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นกับประชาชนแล้ว เข้าใจว่าขณะนี้นายวิฑูรย์ ได้ยื่นเรื่องให้องค์กรต่างๆ ตรวจสอบ แต่รัฐบาลต้องดูว่า การทำงานต่างๆในกระทรวงมีปัญหาหรือไม่"
เมื่อถามว่า การตัดสินใจแก้ปัญหาของนายกฯ ยังยึดหลักการเดิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยึดหลัก 9 ข้อที่ให้ไว้แก่ครม.
**นายกฯต้องรักษาความถูกต้อง
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาของ นายบุญจง และนายวิฑูรย์ ที่ถูกกล่าวหาเรื่องความไม่ชอบธรรม และความไม่โปร่งใสในการปฏิบัติหน้า ที่จนนำไปสู่กระแสกดดันให้ปรับออกจากตำแหน่งว่า เรื่องนี้ต้องถามรัฐบาล แต่รัฐบาลไม่ได้ปรึกษาตน จึงตอบแทนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของรัฐมนตรีกับนายกฯ ซึ่งนายกฯได้ประกาศไว้ชัดเจนว่า สนับสนุนเรื่องการตรวจสอบการทำงานที่โปร่งใส โดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ดังนั้นสิ่งเหล่านี้อยู่ในสายตาของนายกฯ อะไรทั้งหลายคงอยู่ที่ท่านจะพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่านายบุญจง เป็นรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล การตัดสินใจใดๆจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า นายกฯคงจะดู ครม.ของท่านทุกคน เพราะเป็นหน้าที่อยู่แล้ว และคงไม่ใช่เรื่องลำบากต่อการตัดสินใจ ถ้าปรากฏข้อเท็จจริงออกมาชัดเจน ว่าถูก ผิดเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่านายวิฑูรย์ เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ จะกระทบภาพลักษณ์ของพรรคหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม เป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องดูแลอยู่แล้ว
**"เพื่อนเนวิน"ให้นายกฯตัดสินใจ
นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนามคม แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ระบุว่าหากมีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ระบุว่านายบุญจง มีความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 266 นั้น อาจถูกยุบพรรคว่า ไม่เป็นห่วง มั่นใจในตัวนายบุญจงว่าไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา เชื่อว่าจะสามารถชี้แจงได้
"ไม่ได้ทำผิด มายุบพรรคได้อย่างไร หัวหน้าพรรคก็ยังไม่มี เรื่องนี้เป็นเจตนาบริสุทธิ์ ที่ภรรยาของนายบุญจง นำชาวบ้านมาขอนามบัตร"
เมื่อถามว่า ยังยืนยันจะเสนอชื่อนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย มาเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อยู่หรือไม่ นายโสภณ ตอบว่า อย่าเพิ่งถามตอนนี้ รอวันที่ 14 ก.พ. ที่จะมีการประชุมพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรค ส่วนนายบุญจง จะได้เป็นกรรมการบริการพรรคด้วยหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพราะขณะนี้ยังไม่เห็นรายชื่อ
เมื่อถามว่านายกฯระบุว่า อาจมีการปรับครม.ในส่วนที่มีปัญหา นายโสภณ กล่าวว่า ตามหลักการหากรัฐมนตรีกระทำความผิด ก็ต้องมีการปรับออก แต่เรื่องดังกล่าวเชื่อว่า จะไม่เป็นเหตุให้มีการปรับ เพราะรัฐมนตรีไม่ได้กระทำผิด ดังนั้นขอเตือนรัฐมนตรีของพรรคหากทำอะไรก็ขอให้ระมัดระวัง ทางกลุ่มเพื่อนเนวิน พร้อมรับการตัดสินใจของนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และทางพรรคยังไม่มีการเตรียมบุคคล เข้ามาแทนนายบุญจง
ด้านนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอให้รอฟังผลการตรวจสอบของกกต.ก่อน อย่างไรก็ตาม นายบุญจง ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับแกนนำและสมาชิกพรรคแล้วว่า ไม่ได้ทำในสิ่งที่กฎหมายห้ามไว้ จึงมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด อีกทั้งกกต.ก็ยังไม่ได้รับรองสมาชิกภาพของส.ส. ที่ย้ายมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ดังนั้นเชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้คงไม่ส่งผลจนทำให้พรรคถูกยุบ อย่างมากก็แค่เป็นความผิดส่วนบุคคล
**สธ.บุกรง.ปลากระป๋องชาวดอย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวานนี้(29ม.ค.) นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เดินทางไปตรวจสอบบริษัททองกิ่งแก้วฟู๊ดส์ จำกัด และโกดังเก็บสินค้า เลขที่ 17/1 หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ที่ระบุว่าเป็นสถานที่ผลิตปลากระป๋องยี่ห้อชาวดอย ที่นำไปบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ จ.พัทลุง เมื่อ 12 ธ.ค.51 และมีปัญหากลิ่นเหม็นเน่า เนื้อปลาเละ เมื่อลองชิม เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
นายมานิต กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เก็บปลากระป๋องบริจาค ออกจากหมู่บ้านที่ได้รับบริจาคทั้งหมดแล้ว และให้สำนักงานสาธารณสุขทั่วประเทศเก็บปลากระป๋องยี่ห้อดังกล่าว และที่ผลิตในล็อตเดียวกันคือ เลขที่สารบบอาหาร 74-07040-1-0050 ล็อตการผลิต TSE 77 ผลิตวันที่ 24 ธ.ค.51 หมดอายุวันที่ 24 ธ.ค.54 ออกจากท้องตลาดทั้งหมดด้วย เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.52 ไม่พบจุลินทรีย์ แต่มีกลิ่นเหม็น สภาพเนื้อปลาและน้ำซอสมีสีซีดกว่าปกติ และเนื้อปลาค่อนข้างยุ่ย ซึ่งขณะนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เก็บปลากระป๋องอีกส่วนหนึ่งไว้ รอดูสภาพกระป๋องว่ามีแก๊สภายในที่เกิดจากการเน่าเสีย ซึ่งจะทำให้กระป๋องมีการบวมบุบบู้บี้หรือไม่ เป็นเวลา 14 วัน คาดจะทราบผลในสัปดาห์หน้า
สำหรับผลการตรวจสอบสถานที่ผลิตปลากระป๋องชาวดอย คือ บริษัททองกิ่งแก้วฟู๊ดส์ จำกัด นั้น ผู้จัดการฝ่ายบุคคลได้ให้การว่า โรงงานแห่งนี้หยุดผลิตอาหาร เพื่อปรับปรุงให้ได้มาตรฐานจีเอ็มพี ตั้งแต่เดือน ส.ค.51 ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่ปรากฏบนกระป๋องที่ระบุว่าผลิตวันที่ 24 ธ.ค.51 และได้สาวถึงสถานที่ผลิตอาหารที่มี นายทนง ทองกิ่งแก้ว เป็นผู้ประกอบการอีก 2 แห่ง คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัดไทย เอ.ดีฟู้ด เทรดดิ้ง เลขที่ 219 หมู่ 14 ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย และที่ จ.จันทบุรี เลขที่ 50 หมู่ 5 ต.ตกพรม อ.ขลุง จ.จันทบุรี ผลการตรวจสอบไม่พบการผลิตปลากระป๋อง มีแต่ผลไม้บรรจุกระป๋อง และจากการเข้าไปตรวจสอบที่โกดังเก็บของของบริษัท พบว่ามีผลิตภัณฑ์อาหารบรรจุกระป๋องที่ยังไม่ติดฉลากจำนวน 2,373,062 กระป๋อง ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เงาะในน้ำเชื่อม ข้าวโพด เห็ดแชมปิญอง เป็นต้น ไม่พบปลากระป๋อง และได้อายัดสินค้าไว้ทั้งหมดแล้ว
**แจ้งความดำเนินคดี 3 ข้อหา
จากผลการตรวจสอบทั้งสถานที่ผลิต และโกดังเก็บของ สันนิษฐานว่า ปลากระป๋องดังกล่าวน่าจะมีการผลิตมาจากสถานที่อื่น ซึ่งไม่เป็นไปตามพ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 และการผลิตอาหารตามมาตรฐานจีเอ็มพี (GMP) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ผลิต ทั้งหมด 3 ข้อหา คือ 1. ทำการผลิตอาหารปลอม และมีฉลากเพื่อลวง หรือพยายามลวงผู้ซื้อให้เข้าใจผิด 2. ผลิตอาหารผิดมาตรฐาน และ3. ข้อหาเกี่ยวกับอาหารบรรจุกระป๋องอื่นๆ ที่ยังไม่ติดฉลากและมีการเก็บรักษาไว้ในโกดัง ถือว่าเข้าข่ายผลิตอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากกระบวนการผลิตอาหาร ตั้งแต่การผลิตจนถึงการติดฉลากอาหาร จะต้องดำเนินการภายในโรงงานที่ได้ตามมาตรฐาน ที่ขออนุญาตกับ อย.ไว้เท่านั้น การผลิตอาหารอีกที่ และติดฉลากอีกที่ ถือว่าเป็นการกระทำไม่ถูกต้อง ซึ่งทั้ง 3 ข้อหามีทั้งโทษปรับ และโทษจำคุก
ด้านนพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการ อย. กล่าวว่า ความผิดทั้งหมดนี้ อย. ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุข จ.สมุทรสาคร ได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าวที่สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 21 ม.ค.52
**สั่งเก็บปลาป๋อง15 ยี่ห้อเครือชาวดอย
ทั้งนี้ ปลากระป๋องที่ บริษัททองกิ่งแก้ว ฟู้ดส์ จำกัด และบริษัท เอดี ฟู้ดส์ ผู้แทนจำหน่าย ได้ขอฉลากมีทั้งหมด15 ยี่ห้อ ได้แก่ 1.ปลาซาร์ดีนในน้ำเกลือตราไทเอดี 2.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ 3.ปลาแมคเคอรอลในซอสมะเขือเทศ 4. ปลาแมคเคอรอลในน้ำเกลือ ตราไทยเอดี
5.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตรากู๊ดดี้ 6.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตราทีเคเค 7.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตราชาวดอย 8. ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตราแม่ครัวไทย 9. ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศตราแหวนเพชร 10. ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตราชาววัง
11.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศตรากระต่ายทอง 12.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตรากู๊ดดี้ 13. ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศตราลีดเดอร์ไพรซ์ 14.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศตราเฟิร์สทไพรซ์ และ 15.ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ตราบิ๊กซี ซึ่งขณะนี้ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ไม่ได้สั่งสินค้าจากบริษัทนี้แล้ว ทั้งหมดนี้ อย. ได้สั่งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เก็บออกจากชั้นวางขายทั้งหมดชั่วคราว จนกว่าผลการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น
-------------------
"วิทูรย์"เดิมพันปลากระป๋องเน่า
ถ้าผิดเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ (29ม.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้สดถามนายรัฐมนตรี เรื่องปลากระป๋องเน่าเสีย โดยมีนายวิทูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคม และทรัพยากรมนุษย์ เป็นผู้ชี้แจงแทน
นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องนี้สื่อมวลชน และคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ได้เป็นผู้ตรวจสอบโดยไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีการทุจริต เอาของเน่าเสียไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยในปี 52 นี้ ที่เรียกกันว่า ถุงยังชีพ แต่ตนเรียกว่า ถุงปลิดชีพ หรือ ถุงสิ้นชีพ ที่ใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องมีอันเป็นไป
นายจตุพร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี เคยประกาศกฎเหล็กให้รัฐมนตรี ต้องมีความรับผิดชอบเป็นเรื่องเหนือสิ่งอื่นใด แม้กฎหมายจะเอาผิดไม่ได้ แต่ ครม.ของนายอภิสิทธิ์ ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง การอภิปรายของตนครั้งนี้ ไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรี แต่อยากให้นายวิทูรย์ อยู่ในรัฐบาลนี้นานๆ เหมือนตามสำนวนไทยโบราณ "เอาปลาเน่าตัวหนึ่งไปอยู่ในข้อง"
ทั้งนี้ นายจตุพร ได้นำปลากระป๋องยี่ห้อชาวดอย มาโชว์ พร้อมกับอ่านจากข่าวหนังสือพิมพ์เพื่อลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยโจมตีว่า กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้แจกผ้าห่มให้กับผู้ประสบภัยหนาว แต่ก็เป็นผ้าห่มบางๆ ใช้กันยุงเพราะหนาเท่ากับมุ้ง นอกจากนี้ ในถุงยังชีพนอกจากจะมีปลากระป๋องเน่าแเล้ว ยังมีน้ำพริกเผายี่ห้อ โอชาเน่า ข้าวสารมอดขึ้นถุงละ 4 กก. ยาหมดอายุ และยาสีฟันยี่ห้อที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
จากการตรวจสอบแล้ว ชื่อผู้บริจาคคือ นายวิเชญ สมมาตร ไม่มี แต่มีชื่อที่ใกล้เคียง คือนายวิเชญ สงฆ์มาก เป็นผู้บริจาคปลากระป๋องถึง 5,000 ชุด แต่นายวิทูรย์ ให้สัมภาษณ์ว่า บริจาค 1,500 ชุด และได้แจกจ่ายลงไปที่ จ.พัทลุง แล้วต่อมาได้มีการแจกรอบที่สองอีก 3,500 ชุด พบว่ามีปลากระป่องเน่าจึงได้สั่งระงับการแจกจ่าย
นายจตุพร ถามว่า ทำไมนายวิทูรย์ และนายวัลลภ ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ที่ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่า เป็นการจัดซื้อปลากระป๋องในราคากลาง แต่ต่อมากลับพลิกลิ้นว่า เป็นการได้รับบริจาคแทน เพราะไปพบว่าโรงงานที่ผลิตปลากระป๋องเน่าถูกสั่งปิด และเป็นการผลิตที่ผิดกฎหมาย เข้าข่ายถูกดำเนินคดี เรื่องโรงงานปลอมแปลง มีโทษจำคุก10 ปี ปรับ 5 แสนบาท จึงเปลี่ยนแปลงบอกว่าเป็นการบริจาคแทน
ถามว่า การบริจาคคนธรรมดาจะไปหาซื้อของที่ไหนจำนวนมาก และตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการเอาของมาก่อนแล้วค่อยจ่ายเงินที่หลัง ใช่หรือไม่
นายวิทูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมฯ ชี้แจงว่า เรื่องนี้ตนได้แถลงข่าวถึง 2 ครั้งที่กระทรวง แต่เป็นการแถลงข่าวที่ไม่สอดคล้องกัน ก็เป็นบทเรียนว่า อย่าพูดอะไรง่ายๆ เมื่อเกิดเหตุตนได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่า มีของอะไรที่จะช่วยเหลือประชาชนได้บ้าง เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า มีของที่จะไปมอบให้จำนวนหนึ่ง ก็มีการมอบถุงยังชีพที่ จ.พัทลุง 1,500 ชุด จากนั้นก็มีข่าวว่า แจกของไม่มีคุณภาพ เมื่อตนทราบเรื่องก็สั่งให้ปลัดระงับการแจกของ ที่ตนแถลงข่าวครั้งแรกตนเข้าใจว่า เป็นการจัดซื้อของระเบียบทางราชการ จึงได้ชี้แจงไปอย่างนั้น
ส่วนที่ถามว่า ทำไมไม่มีข้อมูลการรับบริจาคที่ศูนย์บริจาคที่กรุงเทพฯ เพราะนายวิเชญบอกว่าต้องการจะจัดส่งเอง จึงไม่มีข้อมูลดังกล่าว ซึ่งการบริจาคตรงนี้ได้มีหนังสือที่ศูนย์บริจาคในพื้นที่เป็นหลักฐานยืนยัน
นายวิทูรย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้ประสานกับสาธารณสุขในพื้นที่ ตรวจสอบสิ่งของที่ไม่มีคุณภาพ รวมทั้งรายงานมาให้ทราบด้วย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ต้องดำเนินการไปเอาผิดกับโรงงานที่ผลิตปลากระป๋องไม่มีคุณภาพ ต้องแยกกันกับคนซื้อ ว่าเราไม่รู้ว่าในกระป๋องจะเป็นอาหารเน่า จึงเป็นเรื่องที่โรงงานต้องรับผิดชอบ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้แจ้งความดำเนินคดีกับโรงงานไปแล้ว และการรับบริจาคจะเข้มงวดมากเกินไปก็ไม่ได้ ตนจึงสั่งว่า สำหรับผู้บริจาคไม่ต้องเคร่งครัดมาก
"เรื่องนี้ผมไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ จะดำเนินการให้ถึงที่สุด โดยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องปลากระป๋องไม่มีคุณภาพ นอกจากนี้ก็เกรงข้อครหาว่าจะเอาคนภายในมาตรวจสอบกันเอง จึงได้เสนอไปยังคณะกรรมาธิการป.ป.ช. และคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค ของสภาฯ ขณะนี้ทางกรรมาธิการฯ กับกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้ไปตรวจสอบโรงงานอยู่ และยังทำหนังสือไปยังสำนักงบประมาณ รวมทั้งสตง. ให้มาตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างถุงยังชีพ รวมถึงป.ป.ช. ด้วยเช่นกัน เพราะต้องการพิสูจน์ความจริง ไม่อยากตกเป็นจำเลยของสังคม ผมไม่อยากได้ฉายารัฐมนตรีปลากระป๋องเน่า มันเจ็บปวด ไม่รู้จริงๆว่ามีการแจกของที่ไม่มีคุณภาพ ถ้าผมรู้จะสั่งระงับแต่เบื้องต้น ผมทำอะไรด้วยความระมัดระวัง เพราะผมต้นทุนต่ำ เป็นสายล่อฟ้า ผมสู้กับพวกท่านมาตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน พวกท่านไปรุมถล่มผมที่ จ.อุบลฯ หลายครั้ง แต่ผมก็พอเอาตัวรอดได้ และรู้ว่าต้องโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่ๆ แต่ก็ไม่กังวล"
ด้านนายตุพร กล่าวว่า เมื่อปลัดกระทรวงพัฒนาสังคม บอกว่า ถุงยังชีพทั้งหมดจัดซื้อตามราคากลาง ราชการทำอย่างโปร่งใสว่าของทุกชิ้นได้ตรวจสอบคุณภาพ ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ( อย.) อยากรู้ว่าได้ดำเนินการอะไรกับปลัดกระทรวงหรือยัง เพราะสิ่งที่พูดสวนทางโดยสิ้นเชิง และนายวิเชญ ที่อุปโลกน์ขึ้นมา ทำไมไม่นำมาแสดงตัว เพราะเขาต้องถูกดำเนินคดีว่า เอาอาหารเป็นพิษไปบริจาค เพราะทำลายชื่อเสียงของกระทรวง และยังให้อาหารเป็นพิษกับประชาชน
นายวิทูรย์ ชี้แจงว่า สิ่งที่นายจตุพร พูดเป็นการคิดไปเองฝันไปเองว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หรือเป็นสิ่งที่เคยทำมาก่อน ต่อไปก็จะปรากฎออกมาเรื่องการเคหะฯ ขาดทุน 8 หมื่นกว่าล้านบาท และรัฐมนตรีที่อยู่แถว จ.นนทบุรี พาคนไปเที่ยวเกินงบจริง การตรวจสอบกันและกันเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้ต้องให้เวลาคณะกรรมการชุดต่างๆ ได้ตรวจสอบก่อน ส่วนนายวิเชญ จะมาให้การเมื่อไร ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการจะเรียกมา ไม่อยากให้เรื่องนี้ทำให้ประเทศเสียหาย ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ตนไม่มาปกป้องใคร ยืนยันว่าไม่เคยรู้จัก นายวิเชญ แต่เชื่อว่าคณะกรรมการต้องตามหาเจอ เพราะเป็นนักธุรกิจ มีชื่อเสียง
"หาก คณะกรรมการบอกว่าปลัดกระทรวงผิด ก็ต้องผิดตามระเบียบราชการ หรือถ้าบอกว่าผมผิดในฐานะนักการเมือง ก็ต้องรับผิดชอบทางการเมือง ผมต้องขอโทษคนพัทลุงไม่ต้องการไปซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน อยากช่วยเหลือด้วยความบริสูทธ์ใจ ผมเป็นผู้แทนมา 20 ปี คนอีสานเลือกอุบลฯ เลือกมา ถ้าผมไม่ดี ไม่มีคุณธรรมเพียงพอ ผมสู้พวกท่านไม่ได้ ผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ท่านก็รู้ว่าการเลือกตั้งยากลำบากแค่ไหน แต่ละครั้งเลือดตาแทบกระเด็น ผมก็เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยย้ายไปจากพรรคนี้ ทั้งที่ลำบากในภาคอีสาน พรรคพวกหลายคนก็เป็นห่วง ในเรื่องนี้ ผมไม่ให้นายกฯต้องลำบากเพราะงานใหญ่กำลังเดินหน้าไปด้วยดี ในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน สร้างความมั่นใจให้กับต่างประเทศ ผมเป็นส.ส. รอท่านอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ มา 17 ปี หากมีการทุจริตจริง ผมพร้อมจะแสดงสปิริต พร้อมรับผิดชอบทันที ผมจะไม่ให้เสียมาตรฐานของพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่รอให้ศาลตัดสินเพียงแต่ ป.ป.ช.ชี้มูล ยังไม่ต้องบอกว่าผิดเหมือนผู้ว่าฯ อภิรักษ์ (เกษะโยธิน) เรื่องรถดับเพลิง ผมจะแสดงสปิริตลาออก และหากมีการทุจริต นอกจากจะลาออกแล้ว ผมจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต".