xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ญี่ปุ่นอาจเข้าซื้อหนี้รบ.สหรัฐฯแทนจีน ทั้งช่วยอเมริกันแถมทำให้เงินเยน‘อ่อน’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ - ญี่ปุ่นอาจตัดสินใจเข้าช่วยซื้อตราสารหนี้ของสหรัฐฯเพื่อสร้างดุลภาพ ในกรณีที่จีนลดการซื้อตั๋วเงินและพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันลง เพื่อตอบโต้วอชิงตันที่พยายามกดดันให้ปักกิ่งเปลี่ยนนโยบายค่าเงิน
นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตามองกันอย่างใกล้ชิด ถึงความเป็นไปได้ที่กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดเงินด้วยการซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อกดค่าเงินเยนให้ต่ำลงหลังทำสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 13 ปีครึ่งเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และพุ่งขึ้นไปแตะระดับดังกล่าวอีกครั้งในเดือนนี้
ญี่ปุ่นซึ่งต้องพึ่งอาศัยรายได้จากการส่งออกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ประสบปัญหายอดการส่งออกดิ่งลงอย่างรุนแรงถึง 35 เปอร์เซ็นต์ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ. ระบุว่าปัจจุบันญี่ปุ่นมีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการเป็นยอดเงิน 1.03 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นที่จับตามองว่าญี่ปุ่นจะใช้ทุนสำรองนั้นในการแทรกแซงตลาด เพื่อทำให้ค่าเงินเยนอ่อนตัวลงหรือไม่
ญี่ปุ่นเวลานี้เป็นชาติที่ถือตราสารหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯมากเป็นอันดับสองรองจากจีน จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะตัดสินใจเข้าซื้อตัวเงินและพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯเพิ่มขึ้น หากจีนลดการซื้อลง เพื่อเป็นการตอบโต้กรณีทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์นโยบายค่าเงินของจีน
“(การที่ญี่ปุ่นเข้าซื้อสินทรัพย์สกุลดอลลาร์) ค่าเงินเยนญี่ปุ่นก็จะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้ส่งออกของญี่ปุ่น ขณะเดียวกันปัญหาตราสารหนี้(ของสหรัฐฯ)โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯก็ได้รับการแก้ไข เป็นประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย” ดัสติน รีด นักยุทธศาสตร์ค้าเงินอาวุโสของ อาร์บีเอส โกลบอล แบงกิ้ง แอนด์ มาร์เก็ตส์ ในชิคาโกกล่าว
รีดชี้ด้วยว่า ในอนาคตอันใกล้นี้รัฐบาลสหรัฐฯมีความจำเป็นต้องออกตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้น สืบเนื่องจากการใช้จ่ายเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ไขวิกฤตภาคการเงิน ขณะที่ญี่ปุ่นเองก็ต้องการกดค่าเงินเยนให้อ่อนตัวลงเช่นเดียวกัน
สัปดาห์ที่แล้ว ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอ่อนตัวลง ส่วนหนึ่งเกิดจากความวิตกกังวลกรณีไกธ์เนอร์วิพากษ์วิจารณ์นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีน ระหว่างการตอบกระทู้ถามในที่ประชุมวุฒิสภา โดยเกรงกันว่าอาจทำให้จีนตอบโต้ด้วยการลดซื้อตราสารหนี้ของสหรัฐฯลงได้
อย่างไรก็ตาม ผลการประมูลพันธบัตรอายุ 2 ปีของรัฐบาลสหรัฐฯมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์เมื่อวันอังคาร(27)ที่ผ่านมา ยังไม่มีสัญญาณว่าความต้องการของต่างประเทศจะลดต่ำลงแต่อย่างใด
ปัจจุบันธนาคารกลางของต่างประเทศและนักลงทุนเอกชน ถือตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐฯรวมกันคิดเป็นมูลค่าเกินกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าหนี้รัฐบาลทั้งหมด 5.8 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีญี่ปุ่นและจีนถือพันธบัตรดังกล่าวรวมกันประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าตราสารหนี้ทั้งหมด
ปี 2008 จีนแซงญี่ปุ่นขึ้นเป็นผู้ถือตั๋วเงินและพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯมากที่สุด หลังใช้รายได้จากการส่งออกสินค้าไปยังอเมริกาเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันสามารถใช้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างสนุกมือ
เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ญี่ปุ่นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยเหลือโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นหัวใจทางเศรษฐกิจของประเทศให้ดำเนินกิจการต่อไปได้ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯก็มีแผนจะออกพันธบัตรในปี 2009 นี้เป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
“มีความเป็นไปได้ที่การแทรกแซงตลาดของญี่ปุ่น จะเป็นไปในรูปของการซื้อตราสารหนี้ของสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น” โอเมอร์ อีไซเนอร์ นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ รอยช์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในกรุง วอชิงตันกล่าวและเสริมว่า “ถ้าจีนลดการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯลง และญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงแทน ทั้งสหรัฐฯและญี่ปุ่นต่างก็จะได้ประโยชน์ร่วมกัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น