ASTVผู้จัดการรายวัน - สป.แนะรัฐประกาศให้หน่วยงานรัฐและสมาชิกสภาฯ จัดสัมมนาในต่างจังหวัด ห้ามไปต่างประเทศ พร้อมแนะอัดฉีดเงินเพิ่มให้แก่ททท.เร่งทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซัพพอร์ตเงินค่าตั๋วให้การบินไทยไปจัดแคมเปญตั๋วโดยสารราคาถูก ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยก่อนเอกชนสิ้นลม
นางภรณี ลีนุตพงษ์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจภาคบริการ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สป.) เปิดเผยว่า ทางรอดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงวิกฤตว่า ให้รัฐบาลใช้วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยประกาศอย่างเป็นทางการให้ข้าราชการและสมาชิกรัฐสภาใช้งบประมาณสำหรับเดินทางดูงานในต่างประเทศ ซึ่งแต่ละปีมีจำนวนมากถึง 1,000 ล้านบาท ให้กลับมาใช้เงินเพื่อเดินทางภายในประเทศแทน และควรเพิ่มงบประมาณให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำหรับใช้ทำตลาดในและต่างประเทศ เนื่องจากงบประจำปีที่ได้อยู่แล้วนั้นเป็นงบที่ใช้สำหรับช่วงภาวะเหตุการณ์ปกติเท่านั้น
นอกจากนั้นรัฐควรให้เงินอุดหนุนการบินไทย เพื่อให้ทำโปรโมชั่นลดราคาตั๋วโดยสาร จะได้ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาประเทศไทย อีกทั้งควรลดสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการการบินไทย เช่นตั๋วลดราคาสำหรับครอบครัว และ ควรให้พนักงานเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคลเองจากปัจจุบัน บริษัทเสียภาษีให้
ด้านนายราชันย์ วีระพันธุ์ รองประคณะทำงานเศรษฐกิจภาคบริการ สป. กล่าวว่า รัฐบาลควรให้งบ 2% ของงบกลางปี2552 กระตุ้นเศรษฐกิจรวม 100,000 ล้านบาท หรือราว 2,000 ล้านบาท แก่ ททท. เพื่อนำไปใช้ทำตลาดในและต่างประเทศ นอกจากนั้นรัฐควรจัดให้มีวันหยุดยาว โดยเลื่อนหรือปรับวันหยุดที่มีอยู่แล้ว ให้มีช่วงที่ติดต่อกับวันศุกร์และวันจันทร์ ไปใช้ทำตลาดในประเทศและต่างประเทศ เพราะเห็นว่า ททท. มีแผนทำตลาดที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ขาดงบสนับสนุน และรัฐบาลต้องเพิ่มวันหยุดยาว เพื่อจูงใจให้คนท่องเที่ยวในประเทศ เช่น ถ้ามีวันหยุดวันสำคัญตรงกับวันพุธ หรือ พฤหัสบดี รัฐบาลต้องกล้าประกาศเลื่อนวันหยุดไปเป็นวันศุกร์ หรือ วันจันทร์ เพื่อให้เกิดวันหยุดยาวต่อเนื่อง เป็นต้น และต้องกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐใช้งบประมาณจัดการประชุมและสัมมนาในประเทศ ตั้งแต่ไตรมาสแรกถึงไตรมาสที่ 2 จากเดิมนิยมไปใช้งบจัดสัมมนากระจุกตัวในช่วงท้ายปีงบประมาณ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนได้ทั่วถึงขึ้น
อย่างไรก็ตามคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะหายไป 30-40% ส่งผลให้ขาดรายได้ 150,000 ล้านบาท จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องหันมากระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้มากขึ้นโดยเฉาพการเดินทางเป็นทริปใหญ่อย่างการประชุมสัมมนา
ทั้งนี้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการมีแรงงานที่เป็นคนไทยอยู่ราว 350,000 คน และเป็นแรงงานในภาคอุตสหกรรมที่ต่อเนื่องจากท่องเที่ยวอีกราว 1 ล้านคน ดังนั้นหากรัฐบาลไม่เร่งช่วยเหลือหรือออกมาตรการใดๆมาช่วย อาจทำให้แรงงานเหล่านี้ต้องว่างงานได้ เพราะบริษัท หรือโรงแรมมีอันต้องปิดกิจการ ขณะนี้มีหลายโรงแรมเริ่มไม่มีค่าล่วงเวลา(โอที) ขณะที่ร้านขายของชำร่วยยอดขายหายไปแล้วกว่า 50%
////////////////////////////////
นางภรณี ลีนุตพงษ์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจภาคบริการ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สป.) เปิดเผยว่า ทางรอดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงวิกฤตว่า ให้รัฐบาลใช้วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยประกาศอย่างเป็นทางการให้ข้าราชการและสมาชิกรัฐสภาใช้งบประมาณสำหรับเดินทางดูงานในต่างประเทศ ซึ่งแต่ละปีมีจำนวนมากถึง 1,000 ล้านบาท ให้กลับมาใช้เงินเพื่อเดินทางภายในประเทศแทน และควรเพิ่มงบประมาณให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำหรับใช้ทำตลาดในและต่างประเทศ เนื่องจากงบประจำปีที่ได้อยู่แล้วนั้นเป็นงบที่ใช้สำหรับช่วงภาวะเหตุการณ์ปกติเท่านั้น
นอกจากนั้นรัฐควรให้เงินอุดหนุนการบินไทย เพื่อให้ทำโปรโมชั่นลดราคาตั๋วโดยสาร จะได้ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาประเทศไทย อีกทั้งควรลดสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการการบินไทย เช่นตั๋วลดราคาสำหรับครอบครัว และ ควรให้พนักงานเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคลเองจากปัจจุบัน บริษัทเสียภาษีให้
ด้านนายราชันย์ วีระพันธุ์ รองประคณะทำงานเศรษฐกิจภาคบริการ สป. กล่าวว่า รัฐบาลควรให้งบ 2% ของงบกลางปี2552 กระตุ้นเศรษฐกิจรวม 100,000 ล้านบาท หรือราว 2,000 ล้านบาท แก่ ททท. เพื่อนำไปใช้ทำตลาดในและต่างประเทศ นอกจากนั้นรัฐควรจัดให้มีวันหยุดยาว โดยเลื่อนหรือปรับวันหยุดที่มีอยู่แล้ว ให้มีช่วงที่ติดต่อกับวันศุกร์และวันจันทร์ ไปใช้ทำตลาดในประเทศและต่างประเทศ เพราะเห็นว่า ททท. มีแผนทำตลาดที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ขาดงบสนับสนุน และรัฐบาลต้องเพิ่มวันหยุดยาว เพื่อจูงใจให้คนท่องเที่ยวในประเทศ เช่น ถ้ามีวันหยุดวันสำคัญตรงกับวันพุธ หรือ พฤหัสบดี รัฐบาลต้องกล้าประกาศเลื่อนวันหยุดไปเป็นวันศุกร์ หรือ วันจันทร์ เพื่อให้เกิดวันหยุดยาวต่อเนื่อง เป็นต้น และต้องกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐใช้งบประมาณจัดการประชุมและสัมมนาในประเทศ ตั้งแต่ไตรมาสแรกถึงไตรมาสที่ 2 จากเดิมนิยมไปใช้งบจัดสัมมนากระจุกตัวในช่วงท้ายปีงบประมาณ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนได้ทั่วถึงขึ้น
อย่างไรก็ตามคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะหายไป 30-40% ส่งผลให้ขาดรายได้ 150,000 ล้านบาท จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องหันมากระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้มากขึ้นโดยเฉาพการเดินทางเป็นทริปใหญ่อย่างการประชุมสัมมนา
ทั้งนี้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการมีแรงงานที่เป็นคนไทยอยู่ราว 350,000 คน และเป็นแรงงานในภาคอุตสหกรรมที่ต่อเนื่องจากท่องเที่ยวอีกราว 1 ล้านคน ดังนั้นหากรัฐบาลไม่เร่งช่วยเหลือหรือออกมาตรการใดๆมาช่วย อาจทำให้แรงงานเหล่านี้ต้องว่างงานได้ เพราะบริษัท หรือโรงแรมมีอันต้องปิดกิจการ ขณะนี้มีหลายโรงแรมเริ่มไม่มีค่าล่วงเวลา(โอที) ขณะที่ร้านขายของชำร่วยยอดขายหายไปแล้วกว่า 50%
////////////////////////////////