xs
xsm
sm
md
lg

คนดีๆ ในกระทรวงการต่างประเทศ

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

ในบรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นกระทรวงที่รวมเอาข้าราชการเก่งๆ ไว้มากที่สุด ในสมัยแห่งการพัฒนามีกรมวิเทศสหการอีกกรมหนึ่ง ซึ่งรวมหนุ่มสาวเก่งๆ เอาไว้ คนเหล่านี้ต่อมาก็ไปเป็นอธิบดี และปลัดกระทรวง หรือแม้แต่คณบดี อธิการบดีหลายคน

นักเรียนนอกที่เป็นนักเรียนทุนส่วนตัว และทุนรัฐบาล เมื่อกลับมาแล้วก็เลือกที่จะเข้าไปทำงานอยู่เพียง 2-3 กระทรวง คือ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง ส่วนนักเรียนทุนรัฐบาลก็กลับมาทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการ หลายคนเฉาตายอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ บางคนรอดก็เพราะดิ้นรนออกไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย

ดาวเด่นของกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อ 60 ปีมาแล้ว ก็คือ ดร.ถนัด คอมันตร์ คุณกนตธีร์ ศุภมงคล ดร.บุณย์ เจริญไชย และคุณสุนทร หงส์ลดารมภ์ เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี หลวงวิจิตรวาทการก็แนะนำให้เอาคุณถนัด คุณบุณย์ และคุณสุนทร ซึ่งแต่ละคนเป็นทูตอยู่ต่างประเทศให้มาเป็นรัฐมนตรี

คุณบุณย์ เจริญไชย นั้นเป็นคนสกลนคร ผู้แก่ผู้เฒ่าเล่าว่าครั้งหนึ่งมีดาวแสงสุกใสตกลงในอีสานสองดวง จึงบอกว่า ดวงหนึ่งนั้นคือ คุณจารุบุตร เรืองสุวรรณ อีกดวงหนึ่งก็คือ คุณบุณย์ เจริญไชย

คุณบุณย์ เป็นคนเรียนเก่งมาก เป็นนักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ที่สอบได้ที่ 1 ของทุนไปเรียนเมืองนอกถึง 3 ทุน โดยคุณบุณย์ เลือกไปเรียนกฎหมายที่ฝรั่งเศส

คุณบุณย์ เป็นคนอีสานที่ไม่เคยลืมกำพืด แม้จะไปอยู่ต่างประเทศนาน แต่ก็ยังชอบกินลาบลู่ อยู่บ้านก็ถอดเสื้อนุ่งผ้าขาวม้า และฟังเพลงหมอลำ

คุณบุณย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในยุคจอมพลสฤษดิ์ พอถึงยุคจอมพลถนอม ก็กลับไปเป็นทูตที่ปารีส ตอนกลับมาเป็นรัฐมนตรีนั้น คุณบุณย์เป็นทูตอยู่อินเดีย ส่วนคุณสุนทร เป็นทูตที่มาเลเซีย

คนเก่งๆ ในยุคต่อมาหลังคุณถนัดก็คือ คุณอานันท์ ปันยารชุน คุณสมปอง สุจริตกุล และคุณวิเชียร วัฒนคุณ สองคนแรกเป็นนักเรียนอังกฤษ คุณวิเชียรจบ ชบ. และต่อรัฐศาสตร์มหาบัณฑิตที่ธรรมศาสตร์ สอบได้เกียรตินิยมดีมากถึงกับพระองค์วรรณฯ ขอดูตัว ต่อมาเมื่อไปเป็นเลขานุการทูตที่ปารีส ก็ได้เรียนต่อจนจบปริญญาเอก

ทั้งสามคนนี้อยู่ในสมัยที่คุณถนัดเป็นรัฐมนตรี ว่ากันว่า ใครไม่เก่งจริงอยู่กับคุณถนัดไม่ได้ คุณถนัดจะดุมาก บางคนเล่าว่า หากไม่พอใจก็ขว้างแฟ้มใส่ก็มี

กระทรวงการต่างประเทศในยุคนั้น ใครไม่เก่งจริงก็จะไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ หลายคนติดขั้นไม่ได้เป็นทูตเสียที

รุ่นต่อมาห่างจากคุณอานันท์สัก 7-8 ปี ก็คือ รุ่น ม.ล.พีรพงศ์ เกษมศรี และคุณอาสา สารสิน คุณอาสา เป็นผู้ที่เห็นความสำคัญของธุรกิจก่อนคนอื่น และปรับเปลี่ยนทิศทางของกระทรวงการต่างประเทศให้ไปเน้นเศรษฐกิจระหว่างประเทศมากขึ้น

คุณอาสาเป็นคน “เปิด” กระทรวงการต่างประเทศ โดยเชิญบุคคลภายนอกเข้าไปสอบผู้สมัครเข้าเป็นข้าราชการกระทรวง โดยมีทั้งการสอบข้อเขียน และการสอบสัมภาษณ์ที่เข้มข้น ผู้ผ่านข้อเขียนจะต้องไปอยู่ค่ายร่วมกัน เพื่อทดสอบมนุษยสัมพันธ์และภาวะผู้นำ ผมเองได้ไปเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์อยู่หลายครั้ง

รุ่นต่อจากคุณอาสา ก็มีคุณเตช บุนนาค คุณกษิต ภิรมย์ คุณอัษฎา ชัยนาม คุณสุรพงษ์ ชัยนาม ไล่ๆ กันมาก็มีคุณวีระศักดิ์ ฟูตระกูล คุณจริยวัฒน์ สันตบุตร คุณพิศาล มาณวพัฒน์ คุณสุวิทย์ สิมะสกุล และคุณดอน ปรมัตวินัย

คนเหล่านี้มีอายุใกล้เกษียณ ทุกคนมีฝีมือดี ส่วนผู้ซึ่งจะขึ้นมาในรุ่นถัดไปคือ กลุ่มคนอายุ 50 ต้นๆ ก็มี คุณกิตติพงศ์ ณ ระนอง คุณบรรสาน บุนนาค และคุณนงนุช เพชรรัตน์ เป็นต้น

ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศส่วนใหญ่จะไม่ค่อยแคร์นักการเมือง อาจเป็นเพราะอยู่ต่างประเทศมานาน แต่ส่วนใหญ่ก็มีความสุภาพเรียบร้อย

ทูตที่บู๊ๆ ก็มีคุณอัษฎา และคุณสุรพงษ์ ชัยนาม รวมทั้งคุณกษิต ภิรมย์ ไม่น่าแปลกใจที่ท่านเหล่านี้ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ และพูดจาสุภาพแต่ดุเดือด ตรงไปตรงมาดี

ใครที่ประท้วงจะให้พรรคประชาธิปัตย์ปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็คงเสียแรงเปล่า เพราะคุณกษิตเป็นกำลังสำคัญ และเป็นรัฐมนตรีที่รักษาผลประโยชน์ของประเทศอย่างเต็มที่ ทันเกม ไม่กลัวฝรั่งและซื่อสัตย์สุจริต มีประสบการณ์สูง เป็นทูตประเทศใหญ่ๆ มาแล้ว ที่สำคัญคือมีสำนึกทางการเมืองสูง พร้อมรับมือกับผู้ก่อกวนทางการเมืองได้ เรียกว่าเป็นมวยคนละชั้นกับผู้ที่ทำการประท้วงอยู่ในเวลานี้

เป็นเรื่องที่ดีว่าในเวลานี้มีคนเก่งๆ ที่มีภูมิหลังที่ดี เคยพิสูจน์ตนเองว่าประสบความสำเร็จมาแล้ว ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยทำงาน เข้ามาอยู่ในรัฐบาลหลายคน ส่วนผู้ซึ่งคอยก่อกวนคนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง และไม่เคยประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมาก่อน

คนอย่างกษิต ภิรมย์ และอีกหลายคนมีประวัติความเป็นมา ทำอะไรมามากมาย ดังนั้นจะไปประทับตราว่าเป็น “พันธมิตรฯ” แต่เพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ เขามีบทบาทในทางอื่นมานานหลายสิบปี และได้เข้าร่วมกับพันธมิตรฯ เพียงไม่กี่เดือน พวกเขาได้รับตำแหน่งสำคัญๆ ในขณะนี้ไม่ใช่เพราะเป็น “พันธมิตรฯ” แต่เป็นเพราะคุณงามความดี ประโยชน์ และความสามารถที่มีมานานมากกว่า

ผิดกับคนหลายคนที่หาที่มา-ที่ไปไม่ค่อยจะเจอ และหาประวัติการทำงานในอดีตแสนจะยาก
กำลังโหลดความคิดเห็น