เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ(21)เริ่มปฏิบัติหน้าที่แบบเต็มวันในตำแหน่งนี้เป็นวันแรก โดยโชว์ให้เห็นความคึกคักทำงานอย่างพายุบุแคม ทั้งผลักดันความพยายามทางการทูตในตะวันออกกลาง , ออกคำสั่งให้จัดทำแผนถอนทหารออกจากอิรัก, ประชุมกับทีมงานเศรษฐกิจ, และประกาศมาตรการคุมเงินเดือนของสตาฟฟ์ ตลอดจนออกกฎห้ามรับของกำนัลจากนักล็อบบี้
ประธานาธิบดีโอบามาเริ่มต้นการทำงานในวันพุธ ด้วยการใช้เวลาช่วงสั้นๆ อยู่ตามลำพังในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว โดยได้อ่านจดหมายส่วนตัวที่ทิ้งเอาไว้ให้เขา จากประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้หมดวาระลงจากอำนาจไปในวันอังคาร(20)
จากนั้น โอบามาได้โทรศัพท์พูดคุยกับ มาหมุด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์, ประธานาธิบดี โฮสนี มูบารัค แห่งอียิปต์, นายกรัฐมนตรี เอฮุด โอลเมิร์ต แห่งอิสราเอล, และกษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เขาใช้ความพยายามทางการทูตในปัญหาตะวันออกกลาง
ตามคำแถลงของ รอเบิร์ต กิบส์ โฆษกทำเนียบขาว โอบามา "ใช้โอกาสที่เขาเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นวันแรกในการติดต่อสื่อสารให้เห็นความมุ่งมั่นผูกพันของเขาที่จะมีส่วนอย่างเป็นฝ่ายกระทำในการแสวงหาสันติภาพอาหรับ-อิสราเอล ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นวาระดำรงตำแหน่งของเขา"
ตั้งแต่วานนี้(22) โอบามาจะได้ผู้ช่วยทางด้านนโยบายการต่างประเทศมาปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มตัวแล้ว ภายหลังที่วุฒิสภาลงมติด้วยคะแนนเสียง 94 ต่อ 2 รับรอง ฮิลลารี คลินตัน เป็นรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ และเรื่องตะวันออกกลางก็จะเป็นวาระสำคัญที่สุดของเธอ
เป็นที่คาดหมายอย่างกว้างขวางว่าโอบามาจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารวานนี้ เพื่อเริ่มกระบวนการการปิดคุกคุมขังนักโทษที่อ่าวกวนตานาโม โดยผู้สื่อข่าวหลายรายระบุว่าได้เห็นร่างคำสั่งนี้แล้วด้วยซ้ำ
ทางด้านนโยบายด้านภายในประเทศ เมื่อวันพุธโอบามาก็ได้พยายามผลักดันเรื่องความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่
ระหว่างพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของพวกเจ้าหน้าที่อาวุโสของเขาที่ทำเนียบขาว โอบามาได้กล่าวย้ำว่า ความโปร่งใสและหลักนิติธรรมจะต้องเป็นเสาหลักในสมัยการเป็นประธานาธิบดีของเขา
เขายังได้ประกาศใช้ระเบียบที่คุมเข้มการติดต่อระหว่างนักล็อบบี้กับสมาชิกในคณะรัฐบาลของเขา ตลอดจนจำกัดการติดต่อระหว่างพวกอดีตสมาชิกในคณะรัฐบาลกับอดีตเพื่อนร่วมงาน ภายหลังจากที่พวกเขาออกจากตำแหน่งกันไปแล้ว
กฎเหล็กในเรื่องนี้ข้อหนึ่งก็คือ ห้ามเจ้าหน้าที่ของเขารับของขวัญจากพวกนักล็อบบี้
นอกจากนั้น โอบามายังแจ้งว่าจะตั้งเพดานเงินค่าจ้างของพวกเจ้าหน้าที่ของเขาไม่ให้เกินปีละ 100,000 ดอลลาร์ โดยเขาให้เหตุผลว่า ในช่วงแห่งภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจเช่นปัจจุบัน ครอบครัวคนอเมริกันจำนวนมากยังต้องรัดเข้มขัด ดังนั้นคนในคณะรัฐบาลก็ควรต้องทำเช่นนั้นด้วย
ประธานาธิบดีโอบามาเริ่มต้นการทำงานในวันพุธ ด้วยการใช้เวลาช่วงสั้นๆ อยู่ตามลำพังในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว โดยได้อ่านจดหมายส่วนตัวที่ทิ้งเอาไว้ให้เขา จากประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้หมดวาระลงจากอำนาจไปในวันอังคาร(20)
จากนั้น โอบามาได้โทรศัพท์พูดคุยกับ มาหมุด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์, ประธานาธิบดี โฮสนี มูบารัค แห่งอียิปต์, นายกรัฐมนตรี เอฮุด โอลเมิร์ต แห่งอิสราเอล, และกษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เขาใช้ความพยายามทางการทูตในปัญหาตะวันออกกลาง
ตามคำแถลงของ รอเบิร์ต กิบส์ โฆษกทำเนียบขาว โอบามา "ใช้โอกาสที่เขาเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นวันแรกในการติดต่อสื่อสารให้เห็นความมุ่งมั่นผูกพันของเขาที่จะมีส่วนอย่างเป็นฝ่ายกระทำในการแสวงหาสันติภาพอาหรับ-อิสราเอล ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นวาระดำรงตำแหน่งของเขา"
ตั้งแต่วานนี้(22) โอบามาจะได้ผู้ช่วยทางด้านนโยบายการต่างประเทศมาปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มตัวแล้ว ภายหลังที่วุฒิสภาลงมติด้วยคะแนนเสียง 94 ต่อ 2 รับรอง ฮิลลารี คลินตัน เป็นรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ และเรื่องตะวันออกกลางก็จะเป็นวาระสำคัญที่สุดของเธอ
เป็นที่คาดหมายอย่างกว้างขวางว่าโอบามาจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารวานนี้ เพื่อเริ่มกระบวนการการปิดคุกคุมขังนักโทษที่อ่าวกวนตานาโม โดยผู้สื่อข่าวหลายรายระบุว่าได้เห็นร่างคำสั่งนี้แล้วด้วยซ้ำ
ทางด้านนโยบายด้านภายในประเทศ เมื่อวันพุธโอบามาก็ได้พยายามผลักดันเรื่องความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่
ระหว่างพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของพวกเจ้าหน้าที่อาวุโสของเขาที่ทำเนียบขาว โอบามาได้กล่าวย้ำว่า ความโปร่งใสและหลักนิติธรรมจะต้องเป็นเสาหลักในสมัยการเป็นประธานาธิบดีของเขา
เขายังได้ประกาศใช้ระเบียบที่คุมเข้มการติดต่อระหว่างนักล็อบบี้กับสมาชิกในคณะรัฐบาลของเขา ตลอดจนจำกัดการติดต่อระหว่างพวกอดีตสมาชิกในคณะรัฐบาลกับอดีตเพื่อนร่วมงาน ภายหลังจากที่พวกเขาออกจากตำแหน่งกันไปแล้ว
กฎเหล็กในเรื่องนี้ข้อหนึ่งก็คือ ห้ามเจ้าหน้าที่ของเขารับของขวัญจากพวกนักล็อบบี้
นอกจากนั้น โอบามายังแจ้งว่าจะตั้งเพดานเงินค่าจ้างของพวกเจ้าหน้าที่ของเขาไม่ให้เกินปีละ 100,000 ดอลลาร์ โดยเขาให้เหตุผลว่า ในช่วงแห่งภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจเช่นปัจจุบัน ครอบครัวคนอเมริกันจำนวนมากยังต้องรัดเข้มขัด ดังนั้นคนในคณะรัฐบาลก็ควรต้องทำเช่นนั้นด้วย