ท่านผู้อ่านที่เคารพ คนไทยเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน สิ่งที่พรรณนาออกมาทางร้อยกรองหรือบทกวีนั้น ส่วนมากสื่อความหมายได้ยิ่งกว่าร้อยแก้ว เกิดความรู้สึกร่วมทั้งผู้เขียนและผู้อ่านได้ลึกซึ้ง ไม่ว่าความปลาบปลื้มยินดี เจ็บปวดรวดร้าว หรือเสียดแทงแสลงใจ
นายกรัฐมนตรีปัจจุบันกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณต่างก็เคยไปเยี่ยมบุรีรัมย์มาด้วยกัน ภายใต้เจ้าภาพคนเดียวกัน ต่างกรรมต่างวาระ แต่ครั้งนี้ มีผู้เขียนกลอนส่งมาให้ผมกระบุงโกย
ส่วนใหญ่เจ็บปวดรวดร้าวสะเทือนใจ แต่รายข้างล่างนี้ ท่านผู้อ่านเห็นว่าเป็นอย่างไร
โอ้ละหนอ ผักชี ของยี้ห้อย
เชิญน้องน้อย คาดผ้า ราหัวเหน่า
ชวนให้ปลื้ม ลืมงานหลัก ศักดิ์ศรีเรา
ตามกรอบคิด วิถีเก่า เข้าร่องลึก
“นิรนาม”
ผมแนะนำให้บรรดาท่านผู้เขียนส่งถึงนายกฯ อภิสิทธิ์เอาเอง หรือจะพากันส่งสื่อที่ตนนิยมก็คาดว่าจะได้ลงตีพิมพ์ทุกคน เพราะใครๆ ได้อ่านก็คงจะสะเทือนใจหรือเจ็บปวดรวดร้าวเกินกว่าที่จะเก็บไว้เงียบๆ คนเดียว
กลอนที่ผมชอบมากมีอยู่ 2 อัน อันแรกของ ว.แหวนลงยา ขึ้นต้นว่า “เขาจัดให้ ลงพื้นที่ ขี่รถไถ” คงส่งขึ้นเน็ตไปทั่วแล้ว แต่กลอนข้างบนนี้โดนใจผมที่สุด เพราะตรงกับเรื่องที่ผมกำลังอยากเขียนถึงรัฐบาลอยู่พอดี
ที่ผมต้องเขียนเพราะเป็นห่วง เพราะผมตระหนักว่า นอกจากอภิสิทธิ์แล้ว เราไม่มีนายกฯ อะไหล่ ถ้าเรารักษาอภิสิทธิ์ไว้ไม่ได้ เราอาจจะรักษาประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขไว้ไม่ได้
ผมถูกถามว่าไม่รู้หรอกหรือว่า ขณะนี้พระเจ้าอยู่หัวยิ่งอันตรายมากกว่าเดิม อย่างน้อยรัฐบาลสุรยุทธ์ก็ไม่ปล่อยให้พวกทักษิณฮืออย่างทุกวันนี้ เแม้แต่จะหือก็ยังไม่ขึ้น อย่างน้อยรัฐบาลสุรยุทธ์ก็กล้าย้ายพล.ต.อ.โกวิท ที่เป็นทั้ง ผบ.ตร.และเป็น คมช.อย่างน้อยรัฐบาลสุรยุทธ์ก็กล้าย้ายผู้ว่าฯ อุดรฯ ทั้งๆ ที่ไม่กี่เดือนก็จะเกษียณ โทษฐานที่เป็นผู้อุปถัมภ์ชักนำขวัญชัย ไพรพนา ให้ไปกร่างที่เมืองอุดรฯ
ตำรวจที่ให้ท้ายอันธพาลทำร้ายประชาชนที่อุดรฯ จน ป.ป.ช.ชี้มูลให้ปลดแล้วเป็นปี รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะย้าย
เดี๋ยวนี้การโฆษณาชวนเชื่อว่าทักษิณไม่มีความผิดอะไร ทักษิณถูกแกล้ง ทักษิณจะต้องได้รับอภัยโทษแพร่ไปทั่วประเทศเป็นประจำวัน ทั้งโดยสื่อตีพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ นอกกจากทักษิณจะโฟนอินมาแก้ตัวแล้วยังลอยหน้าโทร.มาหาเสียง และท้าทายให้นายกฯ อภิสิทธิ์ไปเหยียบเมืองอุดรฯ ที่ประกาศว่าเป็นเมืองหลวงสีแดงซะด้วย ผมจึงไม่แปลกใจที่ได้ยินว่าตำรวจล่าลายเซ็นถวายฎีกาและเรี่ยไรเงินไปสนับสนุนการชุมนุมเสื้อแดง
ผมอยากให้นายกฯ คิดถึงข้อความในวงเล็บตัวโตข้างล่างนี้ ที่ท่านเองเขียนวิพากษ์สุรยุทธ์
(ทุกนาทีที่ผ่านไปในขณะนี้ โดยที่ยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับประชาชน ไม่ทำให้เหตุผลและความจำเป็นของการทำรัฐประหารประจักษ์ชัด ไม่เกิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ก็จะเกิดผลในทางเพิ่ม อันตราย ล่อแหลม
ประเมินจากความกระตือรือร้นในการทำงานเพื่อสะสางความไม่ถูกต้องของระบอบทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล คมช. คตส. ป.ป.ช. หากไม่ยกระดับการทำงานจากที่เป็นมาในช่วง 3 เดือนแรก ถ้าอยู่ระดับเดิมก็เป็นเรื่องยาก และอันตราย/อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)
จากคำพูดข้างต้นนี้ ผมเสียใจและขอโทษท่านนายกฯ ที่จะต้องเรียนว่า มีคนพูดว่า 3 เดือนแรกของรัฐบาลสุรยุทธ์ยังดีกว่า 6 เดือนของรัฐบาลอภิสิทธิ์เสียอีก เพราะ 6 เดือนของอภิสิทธิ์นอกจากจะไม่สะสางความไม่ถูกต้องของระบอบทักษิณแล้ว ยังปล่อยให้ระบอบทักษิณคืนชีพ จนเกือบจะทำให้ชีวิตของนายกฯ และของบ้านเมืองไปไม่รอด แถมยังปล่อยให้ระบอบทักษิณกลับมาทวงบุญคุณและโฆษณาความดีของตนต่อบ้านเมืองและประชาชนเป็นประจำวันเสียอีก
เรื่องไม่เป็นเรื่องที่กำลังจะบานปลายใหญ่โต หากรั้งไว้ไม่หยุด จะทำให้บ้านเมืองฉิบหายวายวอด คือเรื่อง การทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณ เรื่องหนึ่ง กับเรื่องพันธมิตรฯ รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศถูกตำรวจตั้งข้อหาผู้ก่อการร้ายอีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าใครจะกล่าวหาว่ารัฐบาลทำงานไม่เป็น รัฐบาลจะต้องสำรวจตัวเองว่ารัฐบาลรู้หรือไม่ว่างานหลักของรัฐบาลคืออะไร
งานหลักของรัฐบาลคือการปกครองประเทศหรือรับใช้ประชาชนตามแต่จะเรียกให้มีความผาสุกสงบเรียบร้อยและอยู่ในศีลธรรมอันดี
เครื่องมือของรัฐบาลคือการผูกขาดการใช้กำลัง และการบังคับใช้กฎหมาย โดยรัฐบาลเองและกลไกของรัฐที่มีความรับผิดชอบตามกฎหมาย (ตามคำสั่งของรัฐบาล) โดยไม่ละเว้น
รัฐบาลอภิสิทธิ์ประมาทกลัว ไม่เข้าใจ หรือละเว้นในการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดทำให้เสถียรภาพของประเทศและรัฐบาลไม่มั่นคง ทั้งในสายตาต่างประเทศและภายในประเทศ ทำให้ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนถูกคุกคาม
ตัวอย่างเช่น กรณีที่ปล่อยให้ตำรวจตั้งข้อกล่าวหารัฐมนตรีต่างประเทศของตนเองเป็นผู้ก่อการร้าย โดยอาศัยเพียงคำร้องเรียนของข้าราชการชั้นผู้น้อยในทำเนียบรัฐบาล และซากเดนของระบอบทักษิณในพรรคเพื่อไทย ในสภาผู้แทนราษฎร ในม็อบเสื้อแดง ในวิทยุชุมชน ในการชุมนุมล้มล้างอาเซียนซัมมิต ในการชุมนุมที่พร้อมจะระเบิดถังแก๊ส และการปิดล้อมประทุษร้ายจนนายกฯ เกือบจะเสียชีวิต ทั้งหมดนี้เชื่อมโยงต่อเนื่องกับเงินของคนร้ายหนีคุกที่ต้องการจะกลับมามีอำนาจเพียงคนเดียว คือพ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทยที่ละเมิดกติกาประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
หากรัฐบาลรู้จักตัดไฟแต่หัวลม บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด จะโดยคำสั่งฝ่ายบริหารก็ดี โดยการขอจับกุมคุมขังหรือถอนประกันแกนกลางของผู้กระทำผิดซ้ำซ้อนก็ดี ถอดยศและติดตามจับกุมทักษิณ จักรภพ และคนอื่นๆ ที่หลบหนีไปก็ดี สั่งและคาดโทษตำรวจอัยการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงข้อกฎหมายเรื่องการก่อการร้ายก็ดี การกระทำที่ตื้นเขิน ยั่วยุ และหวังยังประโยชน์ให้กับทักษิณ และการออกหมายเรียกบ้าๆ อย่างนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ภาพลักษณ์อันอ่อนด้อยน่าทุเรศของรัฐบาลเองหรือความน่าเชื่อถือของ รมว.กษิตในเวทีต่างประเทศก็จะไม่กระทบกระเทือน
แม้เรื่องการถวายฎีกาของคนบัดซบพวกเดียวกันนี้ เพียงแต่อ้าปากก็สามารถตบปากให้หุบลงได้ หากชี้แจงให้ประชาชนทราบแต่ต้นทางสารคดีและการประกาศว่า นอกจากจะไม่เข้ากับหลักเกณฑ์หลักการและขั้นตอนของการถวายฎีกาแล้ว บุคคลที่เป็นแกนกลางนรกป่วนกรุงพวกเดียวกันนี้ต้องการถวายฎีกาเพื่อหาพวก และปลุกระดมมวลชนสร้างความปั่นป่วนเพื่อเปิดประตูให้ทักษิณ ประกาศที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูลออกไปเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีนี้ เป็นเรื่องถูกต้อง แต่ช้าไปจนการปลุกระดมล่าชื่อกระจายไปทั่วประเทศแล้ว ยังดีที่ต่อแต่นี้ไปหากยังปรากฏว่ามีตำรวจ ครู ข้าราชการหรือญาติมิตรบริวารพากันเรียกประชุมตั้งโต๊ะล่าลายเซ็น และหลอกลวงชาวบ้านอยู่อีก จะได้จัดการเสีย และจัดการรวบยอดกับระบอบทักษิณตามที่อภิสิทธิ์ได้เขียนไว้
รัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกฯ จะต้องรู้ดีว่าความเชื่อของประชาชนเป็นเรื่องที่อาจจะสำคัญกว่าความจริง หากปล่อยให้ประชาชนถูกทักษิณกรอกหูรายวันอยู่อย่างทุกวันนี้ ในที่สุดจะไม่มีใครเชื่ออภิสิทธิ์และรัฐบาลเลย
อนึ่ง การปล่อยให้ทรราชเลือกตั้งมาอ้างกฎเกณฑ์ประชาธิปไตย แบบมือถือสากปากถือศีลอยู่ทุกวัน เท่ากับรัฐบาลเป็นใจให้มีการทำร้ายประชาชน ประชาธิปไตย และประเทศไทย
รัฐบาลต้องรักษาศักดิ์ศรีและความเป็นผู้นำโดยการกระทำยิ่งกว่าการพูด ด้วยการรักษากฎหมายให้เคร่งครัด ไม่จำเป็นต้องออกไปนั่งรถอีแต๋นคาดผ้าขาวม้าให้หนักพุง อย่างนั้นใครๆ เขาก็รู้ว่าตกเป็นเหยื่อของจอมจัดฉาก แบบที่ทำกับทักษิณมาแล้ว
งานหลัก ศักดิ์ศรี นายกฯ สอบตก? ผักชี ยี้ห้อย
นายกรัฐมนตรีปัจจุบันกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณต่างก็เคยไปเยี่ยมบุรีรัมย์มาด้วยกัน ภายใต้เจ้าภาพคนเดียวกัน ต่างกรรมต่างวาระ แต่ครั้งนี้ มีผู้เขียนกลอนส่งมาให้ผมกระบุงโกย
ส่วนใหญ่เจ็บปวดรวดร้าวสะเทือนใจ แต่รายข้างล่างนี้ ท่านผู้อ่านเห็นว่าเป็นอย่างไร
โอ้ละหนอ ผักชี ของยี้ห้อย
เชิญน้องน้อย คาดผ้า ราหัวเหน่า
ชวนให้ปลื้ม ลืมงานหลัก ศักดิ์ศรีเรา
ตามกรอบคิด วิถีเก่า เข้าร่องลึก
“นิรนาม”
ผมแนะนำให้บรรดาท่านผู้เขียนส่งถึงนายกฯ อภิสิทธิ์เอาเอง หรือจะพากันส่งสื่อที่ตนนิยมก็คาดว่าจะได้ลงตีพิมพ์ทุกคน เพราะใครๆ ได้อ่านก็คงจะสะเทือนใจหรือเจ็บปวดรวดร้าวเกินกว่าที่จะเก็บไว้เงียบๆ คนเดียว
กลอนที่ผมชอบมากมีอยู่ 2 อัน อันแรกของ ว.แหวนลงยา ขึ้นต้นว่า “เขาจัดให้ ลงพื้นที่ ขี่รถไถ” คงส่งขึ้นเน็ตไปทั่วแล้ว แต่กลอนข้างบนนี้โดนใจผมที่สุด เพราะตรงกับเรื่องที่ผมกำลังอยากเขียนถึงรัฐบาลอยู่พอดี
ที่ผมต้องเขียนเพราะเป็นห่วง เพราะผมตระหนักว่า นอกจากอภิสิทธิ์แล้ว เราไม่มีนายกฯ อะไหล่ ถ้าเรารักษาอภิสิทธิ์ไว้ไม่ได้ เราอาจจะรักษาประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขไว้ไม่ได้
ผมถูกถามว่าไม่รู้หรอกหรือว่า ขณะนี้พระเจ้าอยู่หัวยิ่งอันตรายมากกว่าเดิม อย่างน้อยรัฐบาลสุรยุทธ์ก็ไม่ปล่อยให้พวกทักษิณฮืออย่างทุกวันนี้ เแม้แต่จะหือก็ยังไม่ขึ้น อย่างน้อยรัฐบาลสุรยุทธ์ก็กล้าย้ายพล.ต.อ.โกวิท ที่เป็นทั้ง ผบ.ตร.และเป็น คมช.อย่างน้อยรัฐบาลสุรยุทธ์ก็กล้าย้ายผู้ว่าฯ อุดรฯ ทั้งๆ ที่ไม่กี่เดือนก็จะเกษียณ โทษฐานที่เป็นผู้อุปถัมภ์ชักนำขวัญชัย ไพรพนา ให้ไปกร่างที่เมืองอุดรฯ
ตำรวจที่ให้ท้ายอันธพาลทำร้ายประชาชนที่อุดรฯ จน ป.ป.ช.ชี้มูลให้ปลดแล้วเป็นปี รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะย้าย
เดี๋ยวนี้การโฆษณาชวนเชื่อว่าทักษิณไม่มีความผิดอะไร ทักษิณถูกแกล้ง ทักษิณจะต้องได้รับอภัยโทษแพร่ไปทั่วประเทศเป็นประจำวัน ทั้งโดยสื่อตีพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ นอกกจากทักษิณจะโฟนอินมาแก้ตัวแล้วยังลอยหน้าโทร.มาหาเสียง และท้าทายให้นายกฯ อภิสิทธิ์ไปเหยียบเมืองอุดรฯ ที่ประกาศว่าเป็นเมืองหลวงสีแดงซะด้วย ผมจึงไม่แปลกใจที่ได้ยินว่าตำรวจล่าลายเซ็นถวายฎีกาและเรี่ยไรเงินไปสนับสนุนการชุมนุมเสื้อแดง
ผมอยากให้นายกฯ คิดถึงข้อความในวงเล็บตัวโตข้างล่างนี้ ที่ท่านเองเขียนวิพากษ์สุรยุทธ์
(ทุกนาทีที่ผ่านไปในขณะนี้ โดยที่ยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับประชาชน ไม่ทำให้เหตุผลและความจำเป็นของการทำรัฐประหารประจักษ์ชัด ไม่เกิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ก็จะเกิดผลในทางเพิ่ม อันตราย ล่อแหลม
ประเมินจากความกระตือรือร้นในการทำงานเพื่อสะสางความไม่ถูกต้องของระบอบทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล คมช. คตส. ป.ป.ช. หากไม่ยกระดับการทำงานจากที่เป็นมาในช่วง 3 เดือนแรก ถ้าอยู่ระดับเดิมก็เป็นเรื่องยาก และอันตราย/อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)
จากคำพูดข้างต้นนี้ ผมเสียใจและขอโทษท่านนายกฯ ที่จะต้องเรียนว่า มีคนพูดว่า 3 เดือนแรกของรัฐบาลสุรยุทธ์ยังดีกว่า 6 เดือนของรัฐบาลอภิสิทธิ์เสียอีก เพราะ 6 เดือนของอภิสิทธิ์นอกจากจะไม่สะสางความไม่ถูกต้องของระบอบทักษิณแล้ว ยังปล่อยให้ระบอบทักษิณคืนชีพ จนเกือบจะทำให้ชีวิตของนายกฯ และของบ้านเมืองไปไม่รอด แถมยังปล่อยให้ระบอบทักษิณกลับมาทวงบุญคุณและโฆษณาความดีของตนต่อบ้านเมืองและประชาชนเป็นประจำวันเสียอีก
เรื่องไม่เป็นเรื่องที่กำลังจะบานปลายใหญ่โต หากรั้งไว้ไม่หยุด จะทำให้บ้านเมืองฉิบหายวายวอด คือเรื่อง การทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณ เรื่องหนึ่ง กับเรื่องพันธมิตรฯ รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศถูกตำรวจตั้งข้อหาผู้ก่อการร้ายอีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าใครจะกล่าวหาว่ารัฐบาลทำงานไม่เป็น รัฐบาลจะต้องสำรวจตัวเองว่ารัฐบาลรู้หรือไม่ว่างานหลักของรัฐบาลคืออะไร
งานหลักของรัฐบาลคือการปกครองประเทศหรือรับใช้ประชาชนตามแต่จะเรียกให้มีความผาสุกสงบเรียบร้อยและอยู่ในศีลธรรมอันดี
เครื่องมือของรัฐบาลคือการผูกขาดการใช้กำลัง และการบังคับใช้กฎหมาย โดยรัฐบาลเองและกลไกของรัฐที่มีความรับผิดชอบตามกฎหมาย (ตามคำสั่งของรัฐบาล) โดยไม่ละเว้น
รัฐบาลอภิสิทธิ์ประมาทกลัว ไม่เข้าใจ หรือละเว้นในการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดทำให้เสถียรภาพของประเทศและรัฐบาลไม่มั่นคง ทั้งในสายตาต่างประเทศและภายในประเทศ ทำให้ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนถูกคุกคาม
ตัวอย่างเช่น กรณีที่ปล่อยให้ตำรวจตั้งข้อกล่าวหารัฐมนตรีต่างประเทศของตนเองเป็นผู้ก่อการร้าย โดยอาศัยเพียงคำร้องเรียนของข้าราชการชั้นผู้น้อยในทำเนียบรัฐบาล และซากเดนของระบอบทักษิณในพรรคเพื่อไทย ในสภาผู้แทนราษฎร ในม็อบเสื้อแดง ในวิทยุชุมชน ในการชุมนุมล้มล้างอาเซียนซัมมิต ในการชุมนุมที่พร้อมจะระเบิดถังแก๊ส และการปิดล้อมประทุษร้ายจนนายกฯ เกือบจะเสียชีวิต ทั้งหมดนี้เชื่อมโยงต่อเนื่องกับเงินของคนร้ายหนีคุกที่ต้องการจะกลับมามีอำนาจเพียงคนเดียว คือพ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทยที่ละเมิดกติกาประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
หากรัฐบาลรู้จักตัดไฟแต่หัวลม บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด จะโดยคำสั่งฝ่ายบริหารก็ดี โดยการขอจับกุมคุมขังหรือถอนประกันแกนกลางของผู้กระทำผิดซ้ำซ้อนก็ดี ถอดยศและติดตามจับกุมทักษิณ จักรภพ และคนอื่นๆ ที่หลบหนีไปก็ดี สั่งและคาดโทษตำรวจอัยการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงข้อกฎหมายเรื่องการก่อการร้ายก็ดี การกระทำที่ตื้นเขิน ยั่วยุ และหวังยังประโยชน์ให้กับทักษิณ และการออกหมายเรียกบ้าๆ อย่างนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ภาพลักษณ์อันอ่อนด้อยน่าทุเรศของรัฐบาลเองหรือความน่าเชื่อถือของ รมว.กษิตในเวทีต่างประเทศก็จะไม่กระทบกระเทือน
แม้เรื่องการถวายฎีกาของคนบัดซบพวกเดียวกันนี้ เพียงแต่อ้าปากก็สามารถตบปากให้หุบลงได้ หากชี้แจงให้ประชาชนทราบแต่ต้นทางสารคดีและการประกาศว่า นอกจากจะไม่เข้ากับหลักเกณฑ์หลักการและขั้นตอนของการถวายฎีกาแล้ว บุคคลที่เป็นแกนกลางนรกป่วนกรุงพวกเดียวกันนี้ต้องการถวายฎีกาเพื่อหาพวก และปลุกระดมมวลชนสร้างความปั่นป่วนเพื่อเปิดประตูให้ทักษิณ ประกาศที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูลออกไปเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีนี้ เป็นเรื่องถูกต้อง แต่ช้าไปจนการปลุกระดมล่าชื่อกระจายไปทั่วประเทศแล้ว ยังดีที่ต่อแต่นี้ไปหากยังปรากฏว่ามีตำรวจ ครู ข้าราชการหรือญาติมิตรบริวารพากันเรียกประชุมตั้งโต๊ะล่าลายเซ็น และหลอกลวงชาวบ้านอยู่อีก จะได้จัดการเสีย และจัดการรวบยอดกับระบอบทักษิณตามที่อภิสิทธิ์ได้เขียนไว้
รัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกฯ จะต้องรู้ดีว่าความเชื่อของประชาชนเป็นเรื่องที่อาจจะสำคัญกว่าความจริง หากปล่อยให้ประชาชนถูกทักษิณกรอกหูรายวันอยู่อย่างทุกวันนี้ ในที่สุดจะไม่มีใครเชื่ออภิสิทธิ์และรัฐบาลเลย
อนึ่ง การปล่อยให้ทรราชเลือกตั้งมาอ้างกฎเกณฑ์ประชาธิปไตย แบบมือถือสากปากถือศีลอยู่ทุกวัน เท่ากับรัฐบาลเป็นใจให้มีการทำร้ายประชาชน ประชาธิปไตย และประเทศไทย
รัฐบาลต้องรักษาศักดิ์ศรีและความเป็นผู้นำโดยการกระทำยิ่งกว่าการพูด ด้วยการรักษากฎหมายให้เคร่งครัด ไม่จำเป็นต้องออกไปนั่งรถอีแต๋นคาดผ้าขาวม้าให้หนักพุง อย่างนั้นใครๆ เขาก็รู้ว่าตกเป็นเหยื่อของจอมจัดฉาก แบบที่ทำกับทักษิณมาแล้ว
งานหลัก ศักดิ์ศรี นายกฯ สอบตก? ผักชี ยี้ห้อย