xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์”เน้นสร้างสามัคคีกระตุ้นศก.-เทิดทูลสถาบัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ที่ห้องประชุมวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ 36 หน้า วานนี้ (30 ธ.ค.) โดยสรุปว่าคณะรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินโดยยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขครอบคลุม แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญในหมวด 5 จึงขอแถลงนโยบายต่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อดำเนินการนำสังคมไทยกลับคืนสู่ความสมัครสมานสามัคคีเอื้ออาทร ให้คนไทยมีความสุขถ้วนหน้าและนำประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจครั้งสำคัญเพื่อการพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ทั้งนี้รัฐบาลได้เข้าบริหารประเทศในช่วงที่สังคมมีความขัดแย้งแตกแยกทั้งด้านการเมือง มีความขัดแย้งในกลุ่มประชาชนจนส่งผลให้การบริหารบ้านเมือง ที่ผ่านมาขาดความก้าวหน้าในการบริหารประเทศในเรื่องต่างๆ ส่งผลกระทบต่อ ความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวเป็นความขัดแย้งของประเทศ
ขณะที่วิกฤติเศรษฐกิจโลกทั้งจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเร็วกว่าที่คิด ซึ่งในปี 2552 เศรษฐกิจโลกโดยรวมมีแนวโน้มขยายตัวเพียง เล็กน้อยซึ่งประเทศไทยจะต้องเผชิญกับการชะลอตัวของการส่งออก การลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การชะลอการลงทุนของภาคเอกชน มีแนวโน้มคนว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 5 แสน เป็น 1 ล้านคน หากความขัดแย้ง ทางการเมืองไม่ได้รับการแก้ไขจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
รัฐบาลถือเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่งที่จะต้องนำประเทศไทยให้รอดพ้นจาก วิกฤติเศรษฐกิจโลก แก้ไขวิกฤติความแตกแยกในสังคม ยุติวิกฤติการเมือง และปฏิรูปการเมืองให้มีความมั่นคง โดยจะดำเนินการภายใต้แนวทางพื้นฐานหลัก 4 ประการคือ ปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความปรองดองสมานฉันท์บนพื้นฐานความถูกต้องยุติธรรมและการยอมรับจากทุกภาคส่วน ฟื้นฟูและบรรเทาผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนจะประสบและพัฒนาประชาธิปไตยและระบบการเมืองให้มีความมั่นคง ปฏิบัติตามกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคเป็นธรรม เป็นที่ยอมรับของสากล
1.นโยบายเร่งด่วนซึ่งจะดำเนินการในปีแรกคือ การสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ภาคประชาชนและเอกชนในการลงทุนและการบริโภค การรักษาและเพิ่มรายได้ของประชาชน โดยร่วมมือกับภาคเอกชน ชะลอการเลิกจ้างเพื่อป้องกันปัญหาการว่างงาน การลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จัดตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจและคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (ก.ร.อ.)
2. นโยบายความมั่นคงของรัฐ ปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 3.นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะนโยบายด้านการศึกษาที่จะต้องปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ จัดให้ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี นโยบายด้านแรงงาน นโยบายด้านสาธารณสุข นโยบายศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นโยบายสวัสดิการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนโยบายการกีฬาและนันทนาการ
4.นโยบายเศรษฐกิจ แบ่งเป็นนโยบายการบริหารเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจมีการเจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างความมั่นคงของสถาบันการเงิน พัฒนาตลาดทุน และระบบสถาบันการเงินให้เข้มแข็ง นโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร และพัฒนาระบบโลจิส ติกส์ทางการเกษตร ดูแลเสถียรภาพราคาสินค้าทางการเกษตร ต้องสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ภาคการท่องเที่ยวและบริการ จะต้องเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจบริการ เพิ่มมูลค่า เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน การตลาดการค้าและการลงทุน จะส่งเสริมระบบการค้าเสรีและเป็นธรรมโดยมีภาคเอกชนเป็นผู้นำ ส่วนรัฐจะเป็นผู้ส่งเสริมและสนับสนุน นโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นโยบายพลังงาน ซึ่งจะดำเนินการให้นโยบายด้านพลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติ จะสนับสนุนการผลิตและการใช้พลังงานทดแทน
5. นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6.นโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม 7.นโยบายการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งจะพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในทุกมิติและทุกระดับ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของอาเซียน รวมถึงสร้างความใกล้ชิดกับประเทศมุสลิมและองค์กรมุสลิมระหว่างประเทศ กระชับความร่วมมือและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับประเทศที่มีบทบาทสำคัญของโลกและประเทศคู่ค้าในภูมิภาคต่างๆ ส่งเสริมการมีบทบาทร่วมกับประชาคมโลก สนับสนุนการเข้าร่วมในข้อตกลงระหว่างประเทศทั้งทวิภาคีและพหุภาคี สร้างความเชื่อมั่นของต่างประเทศต่อประเทศไทย
8.นโยบายการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี สนับสนุนการกระจายอำนาจทางการคลังสู่ท้องถิ่นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความเป็นอิสระขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยยึดหลักธรรมาภิบาล สำหรับกฎหมายและการยุติธรรมจะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เปิดช่องให้เกิดการทุจริตเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนโดยออกกฎหมายใหม่เพื่อป้องกันการทุจริต รวมทั้งขยายและยกเลิกอายุความในคดีอาญาและคดีทุจริตบางประเภท โดยจะปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง สนับสนุนให้ประชาชนตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐมากขึ้น โดยเฉพาะการปลูกฝังค่านิยมคนไทยต้องไม่โกง
นอกจากนี้จะส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสรับรู้และเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสาธารณะจากทางราชการและสื่อสาธารณะอื่นได้อย่างกว้างขวางเป็นธรรม ปรับปรุงกลไกสื่อภาครัฐให้ดำรงบทบาทสื่อเพื่อประโยชน์สาธารณะและสร้างความสมานฉันท์ภายในชาติ ซึ่งนโยบายทั้งหมดนี้จะเป็นแนวทางการดำเนินการในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งภายหลังแถลงนโยบายเสร็จสิ้นรัฐบาลจะเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรม จึงขอให้ความเชื่อมั่นแก่รัฐสภาว่า จะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและยึดประโยชน์สุขของประชาชนเป็นที่ตั้งอย่างแท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น