xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์พาณิชย์ปี51กำไรพุ่งสวนศก.ซบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "กรุงเทพ-ไทยพาณิชย์"นำทีมแบงก์ใหญ่ประกาศผลการดำเนินงานปี 51 โดยภาพรวมยังขยายตัว "กรุงเทพ"กำไรเพิ่ม 941.8 ล้าน หรือเพิ่มขึ้น 4.9% ขณะที่สินเชื่อขยายตัวถึง 13.2% ด้าน"ไทยพาณิชย์"โชว์ความแข็งแกร่ง กำไร 21,414 ล้าน โต 23.4 % และมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงถึง 16.3% และทหารไทยพลิกกำไรทั้งปี 529.60 ล้าน จากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 43,541.18 ล้าน
ธนาคารกรุงเทพรายงานผลการดำเนินงานสำหรับปี 2551 ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 20,043 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 และกำไรก่อนหักสำรองและภาษี จำนวน 35,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 ในปี 2551 สินเชื่อมีการขยายตัวดี ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิรายได้ค่าธรรมเนียม และกำไรจากการปริวรรตเงินตราสูงขึ้น ซึ่งรายรับรวมเพิ่มขึ้นมากกว่าการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย
โดยธนาคารมีการขยายตัวด้านสินเชื่อในปี 2551 ในอัตราร้อยละ 13.2 โดยสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 เป็น 1,171,716 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการที่ลูกค้าธุรกิจมีความต้องการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนและเพื่อการลงทุนในขณะที่เงินฝากขยายตัวร้อยละ 3.5 ทำให้มียอดเงินฝากทั้งสิ้น 1,311,477 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา ธนาคารได้มุ่งเน้นการแก้ไขหนี้มีปัญหา ทำให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นปี ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 33.1 หรือลดลง 27,035 ล้านบาท เป็น 54,636 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 4.6 ของสินเชื่อรวม เทียบกับร้อยละ 7.9 ณ สิ้นเดือนธันวาคม ปี 2550
ในปี 2551 ธนาคารมีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 1,594 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.2 เป็น 17,222 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากธุรกรรมพื้นฐานต่าง ๆ เช่น บริการเอทีเอ็ม บริการบัตรเครดิต และบริการโอนเงิน เป็นต้น และยังเพิ่มขึ้นจากบริการอื่น เช่น บริการด้านการลงทุนผ่านกองทุนรวม
และบริการประกันชีวิตผ่านธนาคาร เป็นต้น ในขณะเดียวกัน ธนาคารมีกำไรจากการปริวรรตเงินตรา เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 7.4 เป็น 4,256 ล้านบาท
ส่วนด้านเงินลงทุน มียอดขาดทุน 2,976 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าเงินลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากความผันผวนในตลาดการเงินในสหรัฐฯ
**ใบโพธิ์โชว์กำไร-ฐานะยังแกร่ง**
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยถึงฐานะการเงิน ณ สิ้นปี 2551 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระดับที่สูงถึง 16.3% มีกำไรสุทธิปี 2551 จำนวน 21,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.4 % จากปี 2550 ซึ่งฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งนี้ เป็นผลจากการที่ธนาคารให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ รายได้รวมของธนาคารปรับเพิ่มขึ้น 12.9% จากปีก่อนหน้า ขณะเดียวกันจากการตระหนักถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ธนาคารได้เพิ่มความระมัดระวังในการดำเนินการและใช้เกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวด ส่งผลให้การขยายตัวของสินเชื่อโดยรวมของธนาคารในปี 2551 อยู่ที่ 5.6% ชะลอลงจากปี 2550 แต่เป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับการขยายตัวของตลาด ขณะที่สินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวลดลงอยู่ที่ 5.1% ในด้านกลยุทธ์ธนาคารได้เข้าสนับสนุนและขยายธุรกิจไปในกลุ่มลูกค้าธุรกิจในประเทศ และมุ่งเพิ่มจำนวนการถือครองผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่อลูกค้าให้มากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าบุคคล ซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่ของธนาคาร ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยสร้างความเจริญเติบโตแก่ธนาคารในปี 2551
สำหรับปี 2552 ธนาคารตระหนักถึงสถาณการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่ยังมีอยู่ ดังนั้น การดำเนินธุรกิจต่างๆ ของธนาคารจะเป็นไปอย่างรอบคอบและระมัดระวัง ตลอดจนติดตามสถาณการณ์ใกล้ชิดและปรับตัวต่อเนื่อง โดยธนาคารมีอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับที่สูงที่ 83.3% นอกจากนี้ เพื่อแสดงถึงการดำเนินการที่รอบคอบและระมัดระวังตลอดจนคำนึงถึงสภาวะเศรษฐกิจในอนาคตที่จะถดถอย ธนาคารได้ปรับเพิ่มการตั้งสำรองรายเดือนจาก 300 ล้านบาทต่อเดือนเป็น 500 ล้านบาทต่อเดือน เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2551 และจะต่อเนื่องไปในปี 2552
ขณะที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB แจ้งงบการเงินประจำปี 2551 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯโดยแจ้งผลกำไรสุทธิ 529.60 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.01 บาท จากปี 2551 ที่มีผลขาดทุน 43,541.18 ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 2.31 บาท
**ทิสโก้-สินเอเซียกำไรยังโต**
นายปลิว มังกรกนก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ บริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2551 (1 ม.ค. -31 ธ.ค. 51) กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิจำนวน 1,720.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากปี 2550 ที่อยู่ที่ 1,651.18 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อมีจำนวน 103,109.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.3% โดยแบ่งออกเป็น สินเชื่อรายย่อย 78,993.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7%, สินเชื่อธุรกิจ 19,488.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8%, และสินเชื่ออื่นๆ 4,628.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4%
สำหรับเงินฝากในปี 2551 มีจำนวน 100,591.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 46.9% ในจำนวนนี้เป็นเงินฝากประเภทกระแสรายวัน 6,414.46 ล้านบาท สัดส่วน 6.4%, เงินฝากออมทรัพย์ 5,140.40 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5.1%, เงินฝากประจำ 4,043.74 สัดส่วน 4.0%, บัตรเงินฝาก 43,221.62 ล้านบาท สัดส่วน 43.0% และเงินกู้ยืมระยะสั้น 41,768.42 ล้านบาท สัดส่วน 41.5%
ทั้งนี้ กลุ่มทิสโก้สามารถเพิ่มส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อจาก 3.5% เป็น 3.7% ได้จากความสามารถในการบริหารสัดส่วนของสินทรัพย์และหนี้สินให้สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ย โดยกลุ่มทิสโก้มีกลยุทธ์ในการขยายตัวในธุรกิจสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง ภายใต้การบริหารจัดการที่ดี ในขณะที่ต้นทุนเงินทุนลดลงจากการขยายฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยด้วยการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากที่หลากหลายตามความต้องการของลูกค้า
สำหรับการบริหารความเสี่ยงทางกลุ่มทิสโก้มีการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL อย่างมีคุณภาพ ส่งผลให้อัตราส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมลดลงมาจาก 4.3% จากสิ้นปี 2550 มาอยู่ที่เพียง 2.9% โดย NPL ทั้งหมดมีจำนวน 2,984.42 ล้านบาท ลดลง 20.4% ซึ่งสัดส่วน NPL ที่ 2.9% นี้ถือว่าต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เงินกองทุนของกลุ่มทิสโก้ ณ สิ้นปี 2550 มีจำนวน 11,535.60 ล้านบาท โดยฐานะเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ณ ไตรมาส 3 ปี 2551 อยู่ที่ 9.90% และขึ้นมาอยู่ที่ 11.75% ณ สิ้นปี 2551 ตามการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเงินให้สินเชื่อ
ทางด้านนายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการอำนวย ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของกลยุทธ์ของธนาคารทิสโก้ในปี 2552 จะยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าเงินฝากที่เป็นลูกค้ารายย่อยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังจะรุกธุรกิจที่กลุ่มทิสโก้มีความเชี่ยวชาญ ได้แก่ธุรกิจเช่าซื้อ โดยเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 17-18% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ได้รวมการซื้อกิจการเช่าซื้อแล้ว สำหรับบัญชีเงินฝากเราตั้งเป้าไว้ที่ 200,000 บัญชี และมีแผนที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อปีนี้ของธนาคารคาดว่าอาจปรับลดลง 0.25-0.50% ภายหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75% โดยในสิ้นเดือนม.ค.นี้สินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารน่าจะมีการปรับลงประมาณ 0.10-0.20% จาก 3.5% เหลือ 3.3% ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้อาจเห็นต่ำสุดที่ 1-1.5% ด้านเศษฐกิจในปีนี้คาดว่าในครึ่งปีแรกจะยังมีการชะลอตัวรุนแรงจนอาจเห็นตัวเลขติดลบ ส่วนครึ่งปีหลังจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น
นายธงชัย อานันโทไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ ACL Bank กล่าวว่า ผลประกอบการในปี 2551 ของธนาคารมีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 571 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 226 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% เมื่อเทียบกับปี 2550 มีกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 370.65 ล้านบาท จากปีก่อนกำไร 342.91 ล้านบาท โดยมีผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย และเงินปันผล รวมทั้งค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลง สินทรัพย์ของธนาคารมีการเติบโตจากขนาด 60,696 ล้านบาท เป็น 70,751 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,055 ล้านบาท หรือ 17% โดยเป็นการเติบโตทั้งจากส่วนของสินเชื่อและเงินฝาก
สำหรับสินเชื่อของธนาคารมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 9,902 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29% โดยพอร์ตสินเชื่อรวมของธนาคาร ณ สิ้นปี 2551 อยู่ที่ 44,611 ล้านบาท ด้านธุรกิจเงินฝากมีการขยายฐานเงินฝากจาก 41,234 ล้านบาท เป็น 55,049 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 34% และในช่วงปีที่ผ่านมา ธนาคารได้มีการควบคุมและจัดการสินทรัพย์ที่มีปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ NPL ของธนาคารลดลงจาก 4.30% เหลือเพียง 3.14% ขณะที่เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดในระบบธนาคารพาณิชย์คือ 23.40% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานที่ธปท.กำหนดอยู่ที่ 8.5 %
ด้านธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)หรือ KK แจ้งผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทร่วมปี 2552 มีกำไร 1,867 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 2,111 ล้านบาท ขณะที่งบการเงินเฉพาะกิจการของธนาคารมีกำไรสุทธิ 3,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 2,892 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น