นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(NBT)และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค. พาคณะกรรมการรัฐมนตรีชุดพิเศษที่เกี่ยวข้องกับ 3 จังหวัดและ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงไปในพื้นที่ และได้ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ตรงนั้น รวมทั้งพบปะกับพี่น้องประชาชน วันหลังคงจะมาเล่าให้ฟัง ซึ่งมีเรื่องดีๆ ที่กำลังเกิดขึ้นที่นั่นเยอะ และปัญหาที่ยังค้างอยู่แต่อยากจะเรียนว่า สิ่งหนึ่งที่ขอพูดไว้สั้นๆในช่วงนี้คือว่าการแก้ปัญหาที่สุดแล้ว เราจะต้องนำความสันติสุข สงบสุข แบบยั่งยืนมาให้ได้
วันนี้ต้องขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่ตรึงสถานการณ์อยู่ แต่ต้องใช้คนจำนวนมาก ต้องใช้กฎหมายพิเศษมากมาย แต่บางครั้งการใช้กฎหมาย ก็เกิดการกระทบกระทั่งกัน ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ผมเรียนยืนยันและได้พูดคุยกับทางฝ่ายความมั่นคงว่า การแก้ปัญหาทั้งหมดยังจะต้องเคารพในเรื่องของ สิทธิมนุษยชน ซึ่งใครที่มีข้อมูล ยังมีความคลางแคลงใจว่าไม่ได้เป็นไปตามแนวทางนี้ สามารถร้องเรียนมาได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าและในวันพรุ่งนี้(19ม.ค.ได้นัดคณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ มาพูดคุยกัน เพื่อที่จะได้คลี่คลายปัญหาต่างๆ ชี้แจงให้ต่างประเทศได้รับทราบด้วย ในทุก ๆเรื่องไม่ใช่เฉพาะเรื่องของจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้กระทั่งเรื่องของแรงงานต่างด้าว หรือเรื่องอื่น ๆ จะได้มีการเอาข้อมูลมาแลกเปลี่ยนและทำความเข้าใจกัน
แต่หัวใจของแนวทางที่เรากำลังจะทำในเรื่องของจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือว่า สุดท้ายไม่ใช่ปัญหาในด้านความมั่นคงอย่างเดียว สิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนา การสร้างโอกาส การให้ความเป็นธรรม และเรามีคณะกรรมการรัฐมนตรีพิเศษชุดนี้ ขึ้นมา เพื่อที่จะให้ทุกคนรู้ว่าเป็นงานของตัวเอง ไม่ใช่งานของตำรวจ ทหาร แล้ว เป็นงานของรัฐมนตรีศึกษาด้วย เป็นงานของรัฐมนตรีสาธารณสุขด้วย เป็นงานของรัฐมนตรีวัฒนธรรมด้วย เชื่อมั่นว่าแนวทางนี้จะช่วยทำให้เรามีความคืบหน้า ในการคลี่คลายสถานการณ์ปัญหาต่าง ๆ ที่นำไปสู่ความสงบสุข ความสันติสุข ในภาคใต้
พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาภาคใต้ของนายกรัฐมนตีโดยไม่ต้องพึ่งพากำลังพลของกองทัพและกฎหมายพิเศษว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องใดที่จะทำให้ประเทศชาติ และงานด้านความมั่นคงเดินต่อไปได้ อะไรที่ดีก็คงอยู่ สิ่งไหนที่ไม่ดีก็ต้องปรับ เรามีองค์กร รัฐบาล กองทัพ มีกระทรวงต่างๆ ต้องคุยหารือกัน แต่ละเรื่องที่จะดำเนินการไม่ใช่นึกจะทำก็ทำ แต่ผู้ใหญ่ได้พูดคุยหารือกันแล้ว บางเรื่องจำเป็นต้องเปลี่ยนก็เปลี่ยน บางเรื่องไม่เปลี่ยนดีกว่าก็ไม่เปลี่ยน ได้หารือกันแล้ว
ด้าน พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงแนวทางการทำงานแก้ปัญหาภาคใต้ของนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนโยบายคงต้องสอบถาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ส่วนนโยบายการตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภาคใต้นั้น คงต้องมีการคุยกันในรายละเอียด แต่ไม่น่ามีปัญหาอะไร ซึ่งจากการเข้าร่วมประชุมรับมอบนโยบายกับนายกรัฐมนตรี ทุกคนมีความสุขดีทั้งนายพระนาย สุวรรณรัต ผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศอ.บต.) พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็ยิ้มแย้มดี ซึ่งการทำงานร่วมกับ ศอ.บต.คงไม่มีปัญหาอะไร
ทั้งนี้ ไม่มีความขัดแย้งอะไร ซึ่งก่อนออกจากห้องประชุมนายกรัฐมนตรียังพูดเชิงงงถึงข่าวความขัดแย้ง ซึ่งได้บอกในที่ประชุมว่ายังทำงานกับ พล.อ.อนุพงษ์ ได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ที่ยังมีระเบิดเกิดขึ้นต่อเนื่อง พล.ท.พิเชษฐ์ กล่าวว่า ผลจากการทำงานอย่งจริงจังของเจ้าหน้าที่ ทำให้การเกิดเหตุร้ายลดน้อยลง แต่กลุ่ม ก่อความไม่สงบก้ยังพยายามสร้างผลงานด้วยการก่อเหตุระเบิดขึ้น ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อต้องการนับคะแนน
ผู้สื่อข่าวถามถึงภาพทรมานคนร้าย ในพื้นที่ภาคใต้ของเจ้าหน้าที่ พล.ท.พิเชษฐ์ กล่าวว่า เป็นภาพเก่าเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2551 ผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งตนยังไม่เข้าตำแหน่ง แต่ภายหลังที่ผู้บัญชาการทหารบกกำชับและไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก หากมีก็จะถูกลงโทษขั้นรุนแรง แต่สิ่งนี้เขาพยายามสร้างประเด็น เพื่อทำลายความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่าเราไม่มีนโยบายกระทำรุนแรงเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เห็นได้จากการจับกุมวัตถุระเบิดและคนร้ายหลายครั้งที่ผานมา เนื่องจากประชาชนในพื้นที่แจ้งเบาะแสเจ้าหน้าที่ทั้งนั้น
วันนี้ต้องขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่ตรึงสถานการณ์อยู่ แต่ต้องใช้คนจำนวนมาก ต้องใช้กฎหมายพิเศษมากมาย แต่บางครั้งการใช้กฎหมาย ก็เกิดการกระทบกระทั่งกัน ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ผมเรียนยืนยันและได้พูดคุยกับทางฝ่ายความมั่นคงว่า การแก้ปัญหาทั้งหมดยังจะต้องเคารพในเรื่องของ สิทธิมนุษยชน ซึ่งใครที่มีข้อมูล ยังมีความคลางแคลงใจว่าไม่ได้เป็นไปตามแนวทางนี้ สามารถร้องเรียนมาได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าและในวันพรุ่งนี้(19ม.ค.ได้นัดคณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ มาพูดคุยกัน เพื่อที่จะได้คลี่คลายปัญหาต่างๆ ชี้แจงให้ต่างประเทศได้รับทราบด้วย ในทุก ๆเรื่องไม่ใช่เฉพาะเรื่องของจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้กระทั่งเรื่องของแรงงานต่างด้าว หรือเรื่องอื่น ๆ จะได้มีการเอาข้อมูลมาแลกเปลี่ยนและทำความเข้าใจกัน
แต่หัวใจของแนวทางที่เรากำลังจะทำในเรื่องของจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือว่า สุดท้ายไม่ใช่ปัญหาในด้านความมั่นคงอย่างเดียว สิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนา การสร้างโอกาส การให้ความเป็นธรรม และเรามีคณะกรรมการรัฐมนตรีพิเศษชุดนี้ ขึ้นมา เพื่อที่จะให้ทุกคนรู้ว่าเป็นงานของตัวเอง ไม่ใช่งานของตำรวจ ทหาร แล้ว เป็นงานของรัฐมนตรีศึกษาด้วย เป็นงานของรัฐมนตรีสาธารณสุขด้วย เป็นงานของรัฐมนตรีวัฒนธรรมด้วย เชื่อมั่นว่าแนวทางนี้จะช่วยทำให้เรามีความคืบหน้า ในการคลี่คลายสถานการณ์ปัญหาต่าง ๆ ที่นำไปสู่ความสงบสุข ความสันติสุข ในภาคใต้
พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาภาคใต้ของนายกรัฐมนตีโดยไม่ต้องพึ่งพากำลังพลของกองทัพและกฎหมายพิเศษว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องใดที่จะทำให้ประเทศชาติ และงานด้านความมั่นคงเดินต่อไปได้ อะไรที่ดีก็คงอยู่ สิ่งไหนที่ไม่ดีก็ต้องปรับ เรามีองค์กร รัฐบาล กองทัพ มีกระทรวงต่างๆ ต้องคุยหารือกัน แต่ละเรื่องที่จะดำเนินการไม่ใช่นึกจะทำก็ทำ แต่ผู้ใหญ่ได้พูดคุยหารือกันแล้ว บางเรื่องจำเป็นต้องเปลี่ยนก็เปลี่ยน บางเรื่องไม่เปลี่ยนดีกว่าก็ไม่เปลี่ยน ได้หารือกันแล้ว
ด้าน พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงแนวทางการทำงานแก้ปัญหาภาคใต้ของนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนโยบายคงต้องสอบถาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ส่วนนโยบายการตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภาคใต้นั้น คงต้องมีการคุยกันในรายละเอียด แต่ไม่น่ามีปัญหาอะไร ซึ่งจากการเข้าร่วมประชุมรับมอบนโยบายกับนายกรัฐมนตรี ทุกคนมีความสุขดีทั้งนายพระนาย สุวรรณรัต ผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศอ.บต.) พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็ยิ้มแย้มดี ซึ่งการทำงานร่วมกับ ศอ.บต.คงไม่มีปัญหาอะไร
ทั้งนี้ ไม่มีความขัดแย้งอะไร ซึ่งก่อนออกจากห้องประชุมนายกรัฐมนตรียังพูดเชิงงงถึงข่าวความขัดแย้ง ซึ่งได้บอกในที่ประชุมว่ายังทำงานกับ พล.อ.อนุพงษ์ ได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ที่ยังมีระเบิดเกิดขึ้นต่อเนื่อง พล.ท.พิเชษฐ์ กล่าวว่า ผลจากการทำงานอย่งจริงจังของเจ้าหน้าที่ ทำให้การเกิดเหตุร้ายลดน้อยลง แต่กลุ่ม ก่อความไม่สงบก้ยังพยายามสร้างผลงานด้วยการก่อเหตุระเบิดขึ้น ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อต้องการนับคะแนน
ผู้สื่อข่าวถามถึงภาพทรมานคนร้าย ในพื้นที่ภาคใต้ของเจ้าหน้าที่ พล.ท.พิเชษฐ์ กล่าวว่า เป็นภาพเก่าเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2551 ผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งตนยังไม่เข้าตำแหน่ง แต่ภายหลังที่ผู้บัญชาการทหารบกกำชับและไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก หากมีก็จะถูกลงโทษขั้นรุนแรง แต่สิ่งนี้เขาพยายามสร้างประเด็น เพื่อทำลายความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่าเราไม่มีนโยบายกระทำรุนแรงเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เห็นได้จากการจับกุมวัตถุระเบิดและคนร้ายหลายครั้งที่ผานมา เนื่องจากประชาชนในพื้นที่แจ้งเบาะแสเจ้าหน้าที่ทั้งนั้น
