ปัตตานี – ครู 3 จชต.ปลื้ม สร้างขวัญกำลังใจ ผลเอแบคโพลล์ยกย่องว่าเป็นครูผู้เสียสละ อยากฝากกับรัฐบาลดูแลมากกว่าพื้นที่อื่น เชื่อหากพัฒนาการศึกษาที่ดีในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ จะสามารถแก้ปัญหาความไม่สงบได้ในระยะยาว
นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยถึงผลสำรวจความคิดเห็นของศูนย์วิจัยเอแบคโพลล์ เรื่องภาพลักษณ์ของครูในปัจจุบัน ที่ระบุว่า ประทับใจการทำงานของครูใน 3จ.ชายแดนภาคใต้และยกย่องว่าเป็นครูผู้เสียสละว่า ในนามเพื่อนครูต้องขอแสดงความขอบคุณต่อผู้ให้ความคิดเห็นดังกล่าวที่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่แท้จริงว่า การทำงานของครูชายแดนภาคใต้นั้นมีชีวิตที่ไม่ปกติอันเนื่องจากความไม่สงบ ซึ่งผลสำรวจนี้นับเป็นขวัญกำลังใจที่ดี เป็นแรงใจเพิ่มพลังในการทำงานของครูในการขับเคลื่อนเด็กต่อไป
สำหรับสิ่งที่ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยากฝากถึงรัฐบาล คือ การจัดการรักษาความปลอดภัยอย่างมีเอกภาพโดยบูรณาการทำงานทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานความมั่นคง บุคลากรทางการศึกษาตลอดถึงผู้นำชุมชนผู้นำศาสนาและชาวบ้าน รวมถึงการกำหนดนโยบายเร่งพัฒนาการศึกษาให้มากกว่าพื้นที่อื่นเพราะ ต้องยอมรับความจริงว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่พิเศษ จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลมากกว่าพื้นที่อื่น เพราะหากมีการพัฒนาการศึกษาที่ดีในพื้นที่ชายแดนภาคใต้แล้ว ก็เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาความไม่สงบได้ในระยะยาว
“เพราะต้องยอมรับความจริงว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่พิเศษ ซึ่งนอกจากปัญหาความไม่สงบแล้วยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม จึงจำเป็นต้องมีการช่วยเหลือส่งเสริมด้านการศึกษาในหลายมิติ ทั้งการศึกษาสายสามัญและการศึกษาด้านศาสนา ในเงื่อนไขที่ว่าจะทำอย่างไรให้เด็กนักเรียนได้ความรู้ทั้งสองอย่างแล้วยังสามารถนำไปประกอบอาชีพได้หลังเรียนจบ” นายบุญสม กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า ก่อนหน้านี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงที่เป็นฝ่ายค้านเคยเสนอให้มีการส่งผู้บริหารระดับรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี ลงมาประจำการในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพื่อจะได้ตัดสินใจเด็ดขาดรวดเร็วในการแก้ปัญหานั้น
ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า หากรัฐบาลสามารถส่งผู้มีอำนาจตัดสินใจลงมาดำเนินการได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก ในการบริหารจัดการการทำงานในพื้นที่ เพราะต้องยอมรับความจริงว่า ปัจจุบันหน่วยงานหลักที่ดำเนินงานแก้ปัญหาในพื้นที่คือ ศอ.บต ดูแลงานด้านการพัฒนา และกอ.รมน.ดูแลงานด้านความมั่นคง แต่การทำงานของทั้งสองหน่วยงานก็มีความเชื่อมโยงกันอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็จะมุ่งเน้นด้านความมั่นคงเป็นหลัก
ส่วนเรื่องที่คาบเกี่ยวความรับผิดชอบจากหลายหน่วยงานบางครั้งต้องใช้เวลาในการพิจารณาตัดสินใจนานเพราะต้องส่งเรื่องเข้าส่วนกลาง แต่หากมีผู้มีอำนาจตัดสินใจลงมาประจำในพื้นที่ก็จะเร่งรัดการตัดสินใจได้รวดเร็วทันต่อสถานการณ์แบบวันต่อวัน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหน่วยงานในพื้นที่ได้ทันต่อสถานการณ์
นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยถึงผลสำรวจความคิดเห็นของศูนย์วิจัยเอแบคโพลล์ เรื่องภาพลักษณ์ของครูในปัจจุบัน ที่ระบุว่า ประทับใจการทำงานของครูใน 3จ.ชายแดนภาคใต้และยกย่องว่าเป็นครูผู้เสียสละว่า ในนามเพื่อนครูต้องขอแสดงความขอบคุณต่อผู้ให้ความคิดเห็นดังกล่าวที่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่แท้จริงว่า การทำงานของครูชายแดนภาคใต้นั้นมีชีวิตที่ไม่ปกติอันเนื่องจากความไม่สงบ ซึ่งผลสำรวจนี้นับเป็นขวัญกำลังใจที่ดี เป็นแรงใจเพิ่มพลังในการทำงานของครูในการขับเคลื่อนเด็กต่อไป
สำหรับสิ่งที่ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยากฝากถึงรัฐบาล คือ การจัดการรักษาความปลอดภัยอย่างมีเอกภาพโดยบูรณาการทำงานทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานความมั่นคง บุคลากรทางการศึกษาตลอดถึงผู้นำชุมชนผู้นำศาสนาและชาวบ้าน รวมถึงการกำหนดนโยบายเร่งพัฒนาการศึกษาให้มากกว่าพื้นที่อื่นเพราะ ต้องยอมรับความจริงว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่พิเศษ จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลมากกว่าพื้นที่อื่น เพราะหากมีการพัฒนาการศึกษาที่ดีในพื้นที่ชายแดนภาคใต้แล้ว ก็เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาความไม่สงบได้ในระยะยาว
“เพราะต้องยอมรับความจริงว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่พิเศษ ซึ่งนอกจากปัญหาความไม่สงบแล้วยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม จึงจำเป็นต้องมีการช่วยเหลือส่งเสริมด้านการศึกษาในหลายมิติ ทั้งการศึกษาสายสามัญและการศึกษาด้านศาสนา ในเงื่อนไขที่ว่าจะทำอย่างไรให้เด็กนักเรียนได้ความรู้ทั้งสองอย่างแล้วยังสามารถนำไปประกอบอาชีพได้หลังเรียนจบ” นายบุญสม กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า ก่อนหน้านี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงที่เป็นฝ่ายค้านเคยเสนอให้มีการส่งผู้บริหารระดับรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี ลงมาประจำการในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพื่อจะได้ตัดสินใจเด็ดขาดรวดเร็วในการแก้ปัญหานั้น
ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า หากรัฐบาลสามารถส่งผู้มีอำนาจตัดสินใจลงมาดำเนินการได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก ในการบริหารจัดการการทำงานในพื้นที่ เพราะต้องยอมรับความจริงว่า ปัจจุบันหน่วยงานหลักที่ดำเนินงานแก้ปัญหาในพื้นที่คือ ศอ.บต ดูแลงานด้านการพัฒนา และกอ.รมน.ดูแลงานด้านความมั่นคง แต่การทำงานของทั้งสองหน่วยงานก็มีความเชื่อมโยงกันอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็จะมุ่งเน้นด้านความมั่นคงเป็นหลัก
ส่วนเรื่องที่คาบเกี่ยวความรับผิดชอบจากหลายหน่วยงานบางครั้งต้องใช้เวลาในการพิจารณาตัดสินใจนานเพราะต้องส่งเรื่องเข้าส่วนกลาง แต่หากมีผู้มีอำนาจตัดสินใจลงมาประจำในพื้นที่ก็จะเร่งรัดการตัดสินใจได้รวดเร็วทันต่อสถานการณ์แบบวันต่อวัน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหน่วยงานในพื้นที่ได้ทันต่อสถานการณ์
