xs
xsm
sm
md
lg

เคาะเลขา-ที่ปรึกษา รมต.แหล่งรวมพลคน"อกหัก"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เลขาฯ-ที่ปรึกษารัฐมนตรี"มาร์ค1" คลอดแล้ว ที่แท้แค่การหางานให้ลูกพรรคสอบตก ไร้ตัวแทนกลุ่มทุน หวังหลบกระแสการถูกจับตามองจากสังคม เพราะแผลเก่าตั้ง"เขยซีพี" นั่งเก้าอี้รัฐมนตรียังไม่ตกสะเก็ด!

ในที่สุดคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก็มีมติแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา และเลขานุการรัฐมนตรี ในส่วนที่เหลือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ครม.ได้มีมติแต่งตั้งไปบางส่วน แต่ก็ยังเหลือตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตำแหน่งเดียว ที่ยังแขวนเอาไว้ เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาตัดสินใจ

ก่อนหน้านี้ สังคมให้ความสนใจจับตาดูผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเหล่านี้พอสมควร เพราะถือเป็นมือไม้สำคัญที่จะช่วยผลักดันให้รัฐมนตรีเดินหน้าทำงานตามนโยบายของรัฐบาลที่วางไว้ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน

แต่เมื่อไล่เรียงดูรายชื่อแต่ละคนแล้ว ต้องขอบอกได้เลยว่า คำว่า"ผิดหวัง" ลอยขึ้นมาในสมองเป็นอันดับแรก

เหตุเพราะการจัดสรรตำแหน่งครั้งนี้ ยึดหลักเพื่อแก้ปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ไม่ได้มองถึงภาพรวม และประชาชนทั่วประเทศเลย เพราะส่วนใหญ่เป็นอดีตผู้สมัครส.ส.ที่สอบตกจากการขับเคี่ยวกับพรรคพลังประชาชนในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่ผ่านมา จึงเป็นแค่"การเยียวยาคนอกหัก" เท่านั้น

แม้ภาพภายนอกจะมองว่ารายชื่อบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเหล่านี้ ไม่ได้จัดอยู่ในพวกที่มีชื่อเสียง หรือเป็นแกนนำที่โดดเด่นมากนัก แต่หากมองปมที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ก็จะเห็นถึงยุทธศาสตร์ "การหลบเลี่ยง" ที่จะเป็นเป้าสายตาของคนในสังคมได้อย่างลุ่มลึกทีเดียว

เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี ต้องถือว่ามีบทบาทสำคัญเทียบได้กับตำแหน่ง"แม่บ้าน" ของรัฐมนตรีเลยทีเดียว ต้องคอยดูแลเรื่องการจัดระเบียบเรียบร้อย การจัดลำดับบุคคลที่จะเข้าพบรัฐมนตรี และจะต้องกลั่นกรองเรื่องขึ้นนำเสนอต่อรัฐมนตรี โดยเฉพาะโครงการสำคัญๆ ซึ่งถือเป็นประตูด่านแรกที่กลุ่มนักธุรกิจจะต้องวิ่งเข้าหา เรียกว่าได้ว่า เนื้อหอมไม่แพ้เก้าอี้รัฐมนตรีเลยทีเดียว

นี่คือที่มาของเหตุผลว่า ทำไม พรรคประชาธิปัตย์ มีการวางกรอบให้มีเพียง 3 แกนนำเท่านั้นที่มีอำนาจเด็ดขาดในการคัดเลือก คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค และนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค ถึงแม้รัฐมนตรีแต่ละคนจะมีสิทธิ์เสนอรายชื่อขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับการตอบสนองตามที่เสนอไป

ดังจะเห็นจากรายชื่อ ไล่มาตั้งแต่ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ไปดึงเอาคนสนิทที่เป็นผู้สมัครสอบตกมา คือนายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ กระทรวงแรงงาน ที่มีนายขภัช นิมมานเหมินท์ อดีตผู้สมัคร จ.เชียงใหม่ หลายชายของนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ มานั่งเป็นเลขา กระทรวงแรงงาน ที่มี น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล อดีตผู้สมัครจากจ.พะเยา มานั่งเป็นแม่บ้าน หรือ นายก้องศักดิ์ ยอดมณี อดีตผู้สมัครสอบตกในสนาม กทม. ลูกชาย นายสุวิทย์ ยอดมณี อดีตรมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา มาเป็นเลขาเขยซีพี นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ

เมื่อมาดูในตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงแล้ว ต้องการให้รัฐมนตรีได้มีบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสายงานในแต่ละกระทรวง มาทำหน้าที่ให้คำปรึกษา เพื่อประกอบการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ

แต่การแต่งตั้งในครั้งนี้กลับพบว่า ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีหลายๆคนไม่ได้มีความรู้ตรงกับสายงานเลย โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจที่จะต้องรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ลุกลามมายังประเทศไทยอย่างหนักในปีนี้ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้คนที่มีความสามารถมากกว่าปกติ พอที่จะเป็นกุนซือชี้ทางพาบรรดารัฐมนตรีหลายๆคนที่สังคมยังไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นว่าจะบริหารได้ดีพอ ให้ทำงานเข้าตาได้

แต่เมื่อดูรายหลายรายชื่อแล้ว กลับยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนได้ อาทิ ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ที่เอานางบุญยิ่ง นิติกาญจนา และมีนายสัญญา สถิรบุตร อดีตส.ส.รุ่นเก่าของพรรคที่หายหน้าไปจากวงการการเมืองมานาน มานั่งเป็นที่ปรึกษาให้กับนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ หรืออย่างกระทรวงงานที่ปีนี้ว่ากันว่าจะเป็นปี”เผาจริง” เพราะจะมีคนตกงานหลายแสนคน ยังไม่รวมนักศึกษาที่รอจ่อคิวจบมาอีกจำนวนมาก แทนที่จะดึงคนที่เชี่ยวชาญทางด้านแรงงานมาให้คำปรึกษา แต่กลับไปดึงนักวิชาการจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่มองแต่นโยบายภาพรวม และยังไม่ใช่บุคคลที่คร่ำหวอดในแวดวงแรงงานไทยเท่าที่ควร

เป็นที่น่าแปลกใจว่า โดยปกติตำแหน่งที่ปรึกษาจะถูกจับจองโดยกลุ่มทุนที่มีความสนิทชิดเชื้อกับพรรคการเมือง โดยจะมีการส่งตัวแทนของตนเองเข้ามานั่งเอาตำแหน่งเพื่อ ชนิดที่ว่า ขอแค่มีตำแหน่งนี้ปรากฏอยู่บนหน้านามบัตรก็พอใจแล้ว เพราะสามารถเป็นใบเบิกทางในแวดวงธุรกิจ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการประสานงานกับราชการได้

น่าประหลาดใจว่า การแต่งตั้งครั้งนี้กลับแทบจะไม่เห็นรายชื่อจากกลุ่มทุนแทรกเข้ามาเลย ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก 3 แกนนำ ที่ต้องการหลีกเลี่ยงแรงเสียดทานจากสังคม จากแผลเก่า กรณีการให้ เขยซีพี มาร่วมนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ส่งผลให้นายสุเทพ ต้องรับแรงกระแทกไปอย่างจัง ทำให้การจัดโผครั้งนี้ต้องระมัดระวังอย่างมาก

แต่ก็ยังมีประเด็นให้สังคมต้องจับตามองนายสุเทพอยู่ นั่นก็คือ ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่มีการเอานางอัญชลี วานิชเทพบุตร อดีตส.ส.ภูเก็ต คนร่วมตำนาน สปก.4-01 กับนายสุเทพ มารับตำแหน่งนี้ ตามโผ

อย่างไรก็ตาม แม้การแต่งตั้งครั้งนี้จะมีตำหนิก็ตาม แต่รัฐบาลยังพอมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองด้วยการเร่งสร้างผลงาน ลบคำครหา ส่วนจะได้หรือไม่ สังคมก็ต้องรอดูกันต่อไป!
กำลังโหลดความคิดเห็น