ในที่สุดธนาคารกลางของอังกฤษก็ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 1.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการปรับลดลงครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ตั้งแต่ที่ธนาคารกลางทั่วโลกปรับดอกเบี้ยลดลงครั้งประวัติศาสตร์พร้อมกัน เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ปีที่แล้ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอังกฤษให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงการคลังจำเป็นที่จะต้องเล่นบทบาทเพิ่มขึ้นในการกำหนดนโยบายการเงิน ถ้าอัตราดอกเบี้ยเข้าใกล้ศูนย์ (ซึ่งต่างจากของไทย ที่กระทรวงการคลังไม่มีบทบาทในการกำหนดนโยบายการเงิน) ในขณะที่เงินปอนด์ตกต่ำลงเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเงินยูโร ด้วยเหตุผลที่ว่าธนาคารกลางน่าจะปรับลดดอกเบี้ยไปเรื่อย เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมเงินของเอกชน ในระหว่างที่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจกำลังรุนแรงขึ้น และภาวการณ์ ว่างงานเพิ่มขึ้น
ภาพเศรษฐกิจครึ่งแรกของปีนี้ดูแย่มาก ซึ่งไม่ว่าธนาคารกลางของอังกฤษจะลด ดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 0% หรือ 0.5% ก็คงไม่ต่างกันมาก แต่ที่สำคัญ กระทรวงการคลังกับธนาคารกลางต้องประสานกันดูแลเศรษฐกิจให้ดี
การลดดอกเบี้ยในครั้งนี้จะทำให้ดอกเบี้ยต่ำที่สุดตั้งแต่การก่อตั้งธนาคารกลางอังกฤษเมื่อ 315 ปีมาแล้ว นอกจากนั้น ดอกเบี้ยทั้งในสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นก็ปรับลดมาอยู่ในระดับใกล้ศูนย์แล้ว
ธนาคารกลางของอังกฤษใกล้ถึงจุดที่จะดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างเต็มที่เพื่อที่จะขยายปริมาณเงินแล้ว (quantitative easing) ซึ่งคาดว่ารัฐบาลอังกฤษคงจะอนุญาตให้ธนาคารกลางซื้อทรัพย์สิน หรือหลักทรัพย์ซึ่งรวมไปถึงพันธบัตรรัฐบาล และสามารถพิมพ์ธนบัตรเพิ่มเพื่อมาซื้อตราสารเหล่านั้น
คณะกรรมการนโยบายการเงินของอังกฤษกำลังไปสู่จุดที่เรียกได้ว่า หมดกระสุนแล้ว หมดอาวุธ หรือเครื่องมือที่จะใช้ ซึ่งเราคงจะเห็นทิศทางไปในการขยายปริมาณเงินและเพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงิน ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่พอที่จะแก้ไขปัญหาภาวการณ์ตึงตัวของสินเชื่อ สถาบันการเงินยังคงเก็บเงินไว้กับตัวเอง เศรษฐกิจของอังกฤษหดตัว 0.6% ในไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว ภาวการณ์ว่างงานพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคตกต่ำสุดในรอบหลายๆ ปี
ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนยวบ ทำให้ธนาคารกลางของอังกฤษไม่กล้าตัดสินใจลดดอกเบี้ยมากๆ ในครั้งเดียว เพราะเกรงว่าจะทำให้ค่าเงินปอนด์ยิ่งตกต่ำเร็วเกินไปจนกระทบต่อความเชื่อมั่น ซึ่งปีที่แล้วเงินปอนด์ลดลงถึง 23 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเงินยูโร และค่าเงินปอนด์ตกต่ำสุด เหลือเพียงแค่ 98 เพนซ์ต่อ 1 ยูโร พูดง่ายๆ คือ ค่าเงินปอนด์กับค่าเงินยูโรตอนนี้เท่ากันแล้ว ทำให้ง่ายต่อการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงอีก และจะทำให้ธนาคารกลางของอังกฤษต้องลดดอกเบี้ยต่อไปอีก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอังกฤษให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงการคลังจำเป็นที่จะต้องเล่นบทบาทเพิ่มขึ้นในการกำหนดนโยบายการเงิน ถ้าอัตราดอกเบี้ยเข้าใกล้ศูนย์ (ซึ่งต่างจากของไทย ที่กระทรวงการคลังไม่มีบทบาทในการกำหนดนโยบายการเงิน) ในขณะที่เงินปอนด์ตกต่ำลงเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเงินยูโร ด้วยเหตุผลที่ว่าธนาคารกลางน่าจะปรับลดดอกเบี้ยไปเรื่อย เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมเงินของเอกชน ในระหว่างที่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจกำลังรุนแรงขึ้น และภาวการณ์ ว่างงานเพิ่มขึ้น
ภาพเศรษฐกิจครึ่งแรกของปีนี้ดูแย่มาก ซึ่งไม่ว่าธนาคารกลางของอังกฤษจะลด ดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 0% หรือ 0.5% ก็คงไม่ต่างกันมาก แต่ที่สำคัญ กระทรวงการคลังกับธนาคารกลางต้องประสานกันดูแลเศรษฐกิจให้ดี
การลดดอกเบี้ยในครั้งนี้จะทำให้ดอกเบี้ยต่ำที่สุดตั้งแต่การก่อตั้งธนาคารกลางอังกฤษเมื่อ 315 ปีมาแล้ว นอกจากนั้น ดอกเบี้ยทั้งในสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นก็ปรับลดมาอยู่ในระดับใกล้ศูนย์แล้ว
ธนาคารกลางของอังกฤษใกล้ถึงจุดที่จะดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างเต็มที่เพื่อที่จะขยายปริมาณเงินแล้ว (quantitative easing) ซึ่งคาดว่ารัฐบาลอังกฤษคงจะอนุญาตให้ธนาคารกลางซื้อทรัพย์สิน หรือหลักทรัพย์ซึ่งรวมไปถึงพันธบัตรรัฐบาล และสามารถพิมพ์ธนบัตรเพิ่มเพื่อมาซื้อตราสารเหล่านั้น
คณะกรรมการนโยบายการเงินของอังกฤษกำลังไปสู่จุดที่เรียกได้ว่า หมดกระสุนแล้ว หมดอาวุธ หรือเครื่องมือที่จะใช้ ซึ่งเราคงจะเห็นทิศทางไปในการขยายปริมาณเงินและเพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงิน ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่พอที่จะแก้ไขปัญหาภาวการณ์ตึงตัวของสินเชื่อ สถาบันการเงินยังคงเก็บเงินไว้กับตัวเอง เศรษฐกิจของอังกฤษหดตัว 0.6% ในไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว ภาวการณ์ว่างงานพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคตกต่ำสุดในรอบหลายๆ ปี
ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนยวบ ทำให้ธนาคารกลางของอังกฤษไม่กล้าตัดสินใจลดดอกเบี้ยมากๆ ในครั้งเดียว เพราะเกรงว่าจะทำให้ค่าเงินปอนด์ยิ่งตกต่ำเร็วเกินไปจนกระทบต่อความเชื่อมั่น ซึ่งปีที่แล้วเงินปอนด์ลดลงถึง 23 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเงินยูโร และค่าเงินปอนด์ตกต่ำสุด เหลือเพียงแค่ 98 เพนซ์ต่อ 1 ยูโร พูดง่ายๆ คือ ค่าเงินปอนด์กับค่าเงินยูโรตอนนี้เท่ากันแล้ว ทำให้ง่ายต่อการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงอีก และจะทำให้ธนาคารกลางของอังกฤษต้องลดดอกเบี้ยต่อไปอีก