ASTVผู้จัดการรายวัน - ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ คาดยอดโอนบ้านปี 52 แตะ 61,000 หน่วย ใกล้เคียงปี 51 บ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาทมาแรง 70% ส่วนบ้านเกินกว่า 5 ล้านบาทมีแค่ 10% พร้อมระบุมาตรการลดหย่อนภาษีเงินกู้ 2 แสนบาทบ้านตั้งแต่ 5 ล้านได้รับอานิสงส์
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ข้อมูลที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและคาดว่าจะมีการโอนกันในปี 2552 มีรวมทั้งสิ้น 61,000 หน่วย โดยแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วยในสัดส่วนสูงถึง 70% ที่เหลือแบ่งเป็นราคา 3-5 ล้านบาทสัดส่วน 20% และสูงกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไปในสัดส่วน 10% ซึ่งจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและคาดว่าจะมีการโอนดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับปี 2551 พร้อมกันทางนี้ทางศูนย์ข้อมูลยังได้ส่งข้อมูลเรื่องที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและคาดว่าจะมีการโอนให้กับทางกระทรวงการคลังเพื่อใช้ประกอบในการทำมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ด้วย
“ขณะนี้มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ยังไม่มีความชัดเจน ว่าจะมีการเพิ่มวงเงินลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้จาก 1 แสนบาทเป็น 2 แสนบาทหรือไม่ แต่หากมีการเพิ่มวงเงินภาษีลดหย่อน กลุ่มผู้ที่ได้รับประโยชน์จะเป็นกลุ่มที่ซื้อบ้านราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะจะกระตุ้นให้กลุ่มที่มีเงินได้ใช้จ่าย และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้หลายภาคส่วน โดยเฉพาะการจ้างงานในภาคอสังหาฯเพิ่มมากขึ้น”
อย่างไรก็ตามแม้จะมีปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ยังกระทบต่อความเชื่อมั่นในการปล่อยสินเชื่อของภาคธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักสำคัญสุดที่กระทบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ยังมีปัจจัยบวกเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่ อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลงได้อีกตามดอกเบี้ยตลาดโลกซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้
นอกจากนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้เงินกว่า 1 แสนล้านบาท ช่วยเหลือสองภาคหลัก คือ ท่องเที่ยวและส่งออก มีผลดีกับภาคอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกัน เพราะขณะนี้บ้านพักตากอากาศ และคอนโดมิเนียม ตามแหล่งท่องเที่ยว เช่น พัทยา ภูเก็ตได้รับผลกระทบปิดการขายได้ล่าช้า ผู้ประกอบขาดสภาพคล่องเพราะนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของที่อยู่อาศัยประเภทนี้เดินทางมาท่องเที่ยวน้อยลง
สำหรับตลาดอาคารสำนักงานให้เช่า ได้รับผลกระทบจากธุรกิจส่งออกเช่นเดียวกัน หากภาครัฐเร่งช่วยภาคส่งออก ยอดขายสินค้าเติบโตได้ดี บริษัทเหล่านี้ก็จะมีการขยายธุรกิจและจำทำให้ยอดการใช้อาคารสำนักงานให้เช่าในเขตกรุงเทพมหานครก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ข้อมูลที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและคาดว่าจะมีการโอนกันในปี 2552 มีรวมทั้งสิ้น 61,000 หน่วย โดยแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วยในสัดส่วนสูงถึง 70% ที่เหลือแบ่งเป็นราคา 3-5 ล้านบาทสัดส่วน 20% และสูงกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไปในสัดส่วน 10% ซึ่งจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและคาดว่าจะมีการโอนดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับปี 2551 พร้อมกันทางนี้ทางศูนย์ข้อมูลยังได้ส่งข้อมูลเรื่องที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและคาดว่าจะมีการโอนให้กับทางกระทรวงการคลังเพื่อใช้ประกอบในการทำมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ด้วย
“ขณะนี้มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ยังไม่มีความชัดเจน ว่าจะมีการเพิ่มวงเงินลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้จาก 1 แสนบาทเป็น 2 แสนบาทหรือไม่ แต่หากมีการเพิ่มวงเงินภาษีลดหย่อน กลุ่มผู้ที่ได้รับประโยชน์จะเป็นกลุ่มที่ซื้อบ้านราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะจะกระตุ้นให้กลุ่มที่มีเงินได้ใช้จ่าย และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้หลายภาคส่วน โดยเฉพาะการจ้างงานในภาคอสังหาฯเพิ่มมากขึ้น”
อย่างไรก็ตามแม้จะมีปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ยังกระทบต่อความเชื่อมั่นในการปล่อยสินเชื่อของภาคธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักสำคัญสุดที่กระทบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ยังมีปัจจัยบวกเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่ อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลงได้อีกตามดอกเบี้ยตลาดโลกซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้
นอกจากนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้เงินกว่า 1 แสนล้านบาท ช่วยเหลือสองภาคหลัก คือ ท่องเที่ยวและส่งออก มีผลดีกับภาคอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกัน เพราะขณะนี้บ้านพักตากอากาศ และคอนโดมิเนียม ตามแหล่งท่องเที่ยว เช่น พัทยา ภูเก็ตได้รับผลกระทบปิดการขายได้ล่าช้า ผู้ประกอบขาดสภาพคล่องเพราะนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของที่อยู่อาศัยประเภทนี้เดินทางมาท่องเที่ยวน้อยลง
สำหรับตลาดอาคารสำนักงานให้เช่า ได้รับผลกระทบจากธุรกิจส่งออกเช่นเดียวกัน หากภาครัฐเร่งช่วยภาคส่งออก ยอดขายสินค้าเติบโตได้ดี บริษัทเหล่านี้ก็จะมีการขยายธุรกิจและจำทำให้ยอดการใช้อาคารสำนักงานให้เช่าในเขตกรุงเทพมหานครก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย