xs
xsm
sm
md
lg

บสก.มั่นใจการเมืองดีขึ้น หนุนธุรกิจอสังหาฯ กลับมาทรงตัวได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บสก. หวังการเมืองดีขึ้น หนุนธุรกิจอสังหาฯ กลับมาทรงตัวได้ ชี้ การขยายเวลาต่ออายุมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกไปอีก 1 ปี รวมทั้งมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือภาคอสังหาฯ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน ที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จะช่วยทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด(บสก.) เปิดเผยถึงทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่า คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะชะลอตัวลง แต่หากการเมืองมีทิศทางที่ดีขึ้น ก็จะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาทรงตัวได้ ขณะที่ปัจจัยบวกที่เข้ามาช่วยกระตุ้นในตลาดก็คือ การขยายเวลาต่ออายุมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกไปอีก 1 ปี รวมทั้งมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือภาคอสังหาฯ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน ที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จะช่วยทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น

นายบรรยง กล่าวอีกว่า ในปีนี้ บสก.ได้เพิ่มกลยุทธ์เชิงรุกในการจำหน่ายทรัพย์มากขึ้น เพื่อรองรับสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยมีการวางแผนออกบูธจำหน่ายทรัพย์ในงานอสังหาริมทรัพย์ ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมจำนวน 100 ครั้ง ทั้งนี้การออกบูธนับเป็นช่องทางในการสร้างฐานลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลงานการออกบูธจำหน่ายทรัพย์ปี 2551 ที่ผ่านมา บสก.ออกบูธทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมจำนวน 96 ครั้ง มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 2,235 ล้านบาท

ทั้งนี้ บสก.ได้นำทรัพย์สินรอการขายในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกและพื้นที่ใกล้เคียงจำนวนกว่า 2,000 รายการ ออกขายราคาพิเศษรวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ประกอบด้วย คอนโดมิเนียมตากอากาศตกแต่งพร้อมอยู่อาศัย พัทยา จังหวัดชลบุรี จำนวนหลายสิบยูนิต และที่ดินจัดสรรพัฒนาแล้วในทำเลดี รวมทั้งทรัพย์อื่น ๆ อีกมากมาย จำหน่ายในงาน Money Expo Pattaya 2009 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 8 กุมภาพันธ์ 2552 ณ ศูนย์ประชุมพีช โรงแรมรอยัลคลิฟฯ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

ปัจจุบัน บสก.มีทรัพย์สินรอการขายจำนวน 14,258 รายการ มูลค่ารวม 37,088 ล้านบาท ประกอบด้วยทรัพย์สินหลากหลายประเภท กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยเป็นทรัพย์ที่อยู่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลมีมากที่สุดมูลค่ารวม 17,049 ล้านบาท รองลงมาคือ ภาคตะวันออก มูลค่ารวม 6,706 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น