วานนี้ ( 11 ม.ค.) เป็นวันเลือกตั้งส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง 29 คน 26 เขตใน 22 จังหวัด และการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ด้วย
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้าว่าได้มีการเปิดศูนย์รายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส. ที่สำนักงานกกต. ศูนย์ราชการอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พร้อมกับระบุว่า ตนได้รับรายงานว่า ตั้งแต่ 08.00 น. ทุกหน่วยเลือกตั้ง สามารถเปิดให้ประชาชนลงคะแนนอย่างเรียบร้อย ซึ่งในการเลือกตั้งส.ส. ครั้งนี้ มีหน่วยเลือกตั้ง 15,967 หน่วย มีผู้มีสิทธิ 8,166,385 คน
"ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงขณะนี้ โดยรวมถือว่าดีมาก คืนที่ผ่านมาก็มีการแจ้งเบาะแสกันบ้างแต่เมื่อส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแต่ก็ไม่พบการกระทำความผิดแต่อย่างใด มีเพียงการแจ้งเหตุที่ จ.อุบลราชธานีว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา มีวิทยุชุมชนนำสปอตของผู้สมัครรับเลือกตั้งรายหนึ่งไปออกอากาศ แต่ผู้สมัครที่ถูกกล่าวหา ก็ได้ไปแจ้งความเป็นหลักฐาน พร้อมทั้งปฏิเสธการกระทำโดยระบุว่าไม่ได้เป็นผู้นำสปอตโฆษณาไปมอบให้สถานีวิทยุดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้หากตรวจสอบแล้วเป็นความจริงก็ต้องดำเนินการต่อไป"
ส่วนที่มีการเกรงว่าจะมีกลุ่มการเมืองไปชุมุนมหน้าหน่วยเลือกตั้งนั้น เชื่อว่า หากมีก็คงไม่ถึงขนาดขัดขวางการเลือกตั้ง เพราะผิดกฎหมาย การชุมนุมเพื่อแสดงความเห็นทางการเมืองสามารถทำได้แต่อย่าถึงขนาดให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งหากเกิดเหตุก็จะถือว่าหมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมาย จึงขอร้องว่าอย่าให้มีเลยและขอให้ประชาชนมาเลือกตั้งโดยสะดวกและไม่มีการชี้นำ
ทั้งนี้ กกต. ก็ได้เตรียมรับมือ หากมีเหตุทางกรรมการประจำหน่วยก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาจจะมีการขอกำลังเพิ่มในกรณีที่จำเป็น เช่นเดียวกับที่ จ. นราธิวาส ที่ กกต.ก็เป็นห่วงสถานการณ์ความไม่สงบ โดยมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อรักษาความปลอดภัยอีกหลายเท่าตัว
นายอภิชาต กล่าวด้วยว่า หากใครพบเห็นเหตุทุจริตสามารถแจ้งเหตุได้ที่ กกต. จังหวัด หรือโทรศัพท์แจ้งเหตุได้ที่หมายเลข 021418047-9 หรือ สายด่วน กกต. หมายเลข 1171 พร้อมทั้งระบุว่าขอให้ผู้มิทธิเลือกคนที่ตัวเองเห็นว่าดีด้วยตัวเองโดยไม่ต้องฟังคำชี้นำจากใคร หากทำเช่นนั้นบ้านเมืองก็จะเป็นประชาธิปไตย
**กกต.พอใจการจัดเลือกตั้ง
ต่อมาเวลาประมาณ 15.20น. ภายหลังปิดหีบเลือกตั้ง นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้งได้แถลงแสดงความพอใจที่การจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะแม้แต่ในพื้นที่เขต 2 จ.นราธิวาส ที่กกต.มีความเป็นห่วง เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการวางระเบิด สถานการณ์ก็เป็นปกติ เพียงแต่ประชาชนออกมาใช้สิทธิน้อย ขณะที่ภาพรวมการเลือกตั้งทั่วประเทศ ผอ.กต.จว.ประเมินว่า จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ร้อยละ 60 ซึ่งน้อยกว่าการเลือกตั้งทั่วไป ส.ส.เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.50 ที่ใช้สิทธิถึงร้อยละ74
สำหรับหน่วยเลือกตั้งที่ 6 ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี ที่ไม่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแม้แต่รายเดียวนั้น ทางกกต.จว.ลพบุรี ได้รายงานเข้ามาว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยดังกล่าวทั้ง 158 คนนั้น เป็นทหารเกณฑ์ที่ปลดระวางแล้ว แต่ยังไม่ได้แจ้งถอนชื่อออกจากทะเบียนราษฎร์ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งต่อไป กกต.จะต้องตรวจสอบทะเบียนผู้มาใช้สิทธิ และครั้งหน้าอาจไม่จำเป็นต้องให้มีหน่วยเลือกตั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
ปชป.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการเลือกตั้งส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง 29 คน อย่างไม่เป็นทางการปรากฏว่า พรรคชาติไทยพัฒนาได้ 10 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้ 7 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทย 5 ที่นั่ง พรรคประชาราช 4 ที่นั่ง และพรรคเพื่อแผ่นดิน 3 ที่นั่ง ดังนี้
กทม. เขต 10 นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 72,909 คะแนน ส่วนนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ พรรคเพื่อไทย ได้ 53,243 คะแนน
ฉะเชิงเทรา เขต 1 นายรัชพล ตันเจริญ พรรคเพื่อแผ่นดินได้ 52,451 คะแนน ส่วนนายสิครินทร์ จันทรศร พรรคเพื่อไทย ได้ 42,042 คะแนน
นครปฐม เขต 1 นายมารุต บุญมี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 104,490 คะแนน ส่วนนายฐานุพงศ์ รังสิไตรพงศ์ พรรคประชาราช ได้ 63,048 คะแนน
นครพนม เขต 1 นายสุริยา พรมดี พรรคเพื่อไทย ได้ 48,559 คะแนน ส่วนนางสาวสุมาลี พูลศิริกุล พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้47,107 คะแนน
นราธิวาส เขต 2 นายนิอาริส เจตาภิวัฒน์ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 47,931 คะแนน ส่วนนายอับดุลอาซิ หามะ พรรคประชาราช ได้ 28,390 คะแนน
บุรีรัมย์ เขต 2 นายจักรกฤษณ์ ทองศรี พรรคประชาราช ได้ 84,673 คะแนน ส่วนนายจำรัส เวียงสงค์ พรรคเพื่อไทย ได้ 41,903 คะแนน
บุรีรัมย์ เขต 4 นายพีระพงษ์ เฮงสวัสดิ์ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ 66,180 คะแนน ส่วนนางสาวเจติยา เลี้ยงผ่องพันธ์ พรรคชาติไทยพัฒนาได้ 55,524 คะแนน
ปทุมธานี เขต 1 นางชนากานต์ ยืนยง พรรคประชาราช ได้ 86,078 คะแนน ส่วนนายอภินันท์ ช่วยบำรุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 71,804 คะแนน
มหาสารคาม เขต 1 นายขจิตร ชัยนิคม พรรคเพื่อไทย ได้ 74,059 คะแนน ส่วนนางสาวกุสุมาลวดี ศิริโกมุท พรรคเพื่อแผ่นดินได้ 50,934 คะแนน
ร้อยเอ็ด เขต2 นายปิยะรัช หมื่นแสน พรรคเพื่อไทยได้ 109,601 คะแนน ส่วนนางรัชนี พลซื่อ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ 74,539 คะแนน
ราชบุรี เขต 1 นายยศศักดิ์ ชีววิญญู พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 144,199 คะแนน ส่วนนายเดชา ตุลาธาร พรรคเพื่อไทย ได้ 37,190 คะแนน
ลพบุรี เขต 1 นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 104,968 คะแนน ส่วนนายประสงค์ สอนมานะ พรรคเพื่อไทย ได้ 41,352 คะแนน
ลำปาง เขต 1 นายสมโภช สายเทพ พรรคเพื่อไทย ได้ 95,602 คะแนน ส่วนนายมัธยม นิภาเกษม พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 91,888 คะแนน
ลำพูน เขต 1 นายขยัน วิพรหมชัย พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 85,828 คะแนน ส่วนนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล พรรคเพื่อไทยได้ 74,435 คะแนน
ศรีสะเกษ เขต 1 นายสุตา พรมดวง พรรคประชาราช ได้ 66,402 คะแนน ส่วนนางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 50,823 คะแนน
ศรีสะเกษเขต 2 นางสาวจิรวดี จึงวรานนท์ พรรคประชาราช ได้ 88,612 คะแนน ส่วนนางมาลินี อินฉัตร พรรคร่วมใจไทยชาติพัฒนา ได้ 80,003 คะแนน
สมุทรปราการ เขต 1 นางสาวสรชา วีรชาติวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 70,138 คะแนน ส่วนนางอรุณลักษณ์ กิจเลิศไพโรจน์ พรรคเพื่อไทย ได้ 55,170 คะแนน
สระบุรี เขต 2 นายองอาจ วงษ์ประยูร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 72,690 คะแนน ส่วนนายตระกูล จันทร์แจ่มใส พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ 19,636 คะแนน
สิงห์บุรี เขต 1 นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 51,940คะแนน ส่วนนายพายัพ ปั้นเกตุ พรรคเพื่อไทย ได้ 46,909 คะแนน
สุพรรณบุรี เขต 1 นายนพดล มาตรศรี พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 137,866 คะแนน
สุพรรณบุรี เขต 1 นายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 132,760 คะแนน
สุพรรณบุรี เขต 1 นายนิติวัฒน์ จันทร์สว่าง พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 129,808 คะแนน ส่วนนางเรืองดาว ดุษกุล พรรคเพื่อไทย ได้ 6,937 คะแนน
สุพรรณบุรี เขต 2 นางพัชรี โพธสุธน พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 108,451 คะแนน
สุพรรณบุรี เขต 2 นายเจรจา เที่ยงธรรม พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 103,746 คะแนน ส่วนนายทวี พิมพขันธ์ พรรคความหวังใหม่ ได้ 11,397 คะแนน
อ่างทอง เขต 1 นายภคิน ปริศนานันทกุล พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 72,380 คะแนน ส่วนนางสาวเพ็ญชิสา หงส์อุปถัมภ์ชัย พรรคเพื่อไทย ได้ 36,930 คะแนน
อุดรธานี เขต 2 นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ พรรคเพื่อไทย ได้ 83,477 คะแนน ส่วนนางสาวณฐกมล นนทะโชติ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ 68,286 คะแนน
อุทัยธานี เขต 1 นายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 81,422 คะแนน ส่วนนายกลุเดช พัวพัฒนกุล พรรคประชาราช ได้ 30,757 คะแนน
อุบลราชธานี เขต 2 นายอุดร ทองประเสริฐ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ 86,690คะแนน ส่วนนายสุขุมรัฎฐ์ สาริบุตร พรรคเพื่อไทย ได้ 48,667 คะแนน
อุบลราชธานี เขต 3 นางอุดร จินตะเวช พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 92,078 คะแนน ส่วนนายกิติพงษ์ เทียมสุวรรณ พรรคเพื่อไทย ได้74,062 คะแนน
**เสียงรัฐบาลทิ้งห่างฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ นอกจากจะคว้าที่นั่งส.ส.ในพื้นที่ภาคกลางแล้วยังสามารถเอาชนะนายนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ซึ่งเป็นแกนนำ"กลุ่มเสื้อแดง" จากพรรคเพื่อไทยด้วย รวมทั้งที่เขต 10 กทม. ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีคะแนนทิ้งห่างจากผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยกว่า 2 หมื่นคะแนนทั้งนี้ ยอดรวมส.ส.ในฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลจากการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็น 20 ที่นั่ง ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้าน 9 ที่นั่ง เมื่อรวมกับเสียงสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี 235 เสียง จะทำให้รัฐบาลมีเสียงสนับสนุน 255 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านมี 207 เสียง
**ประกาศผลเลือกตั้งภายใน30วัน
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. เปิดเผยถึงแนวทางการพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งว่า ในส่วนของการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.นั้นยังมีประกาศของคปค. ที่ต้องประกาศรับรองภายใน30วัน ขณะที่การเลือกตั้งส.ส. นั้น ก็มีกฎหมายว่าต้องประกาศรับรองภายใน30วันเช่นกัน ดังนั้นแม้ว่าจะมีเรื่องร้องเรียนที่กกต.ยังสอบไม่เสร็จ ก็จำเป็นต้องประกาศรับรองไปก่อน และหลังจากนั้นค่อยพิจารณา และให้ศาลมีคำสั่งต่อไป
**มีฉีกบัตรเลือกตั้ง 2 แห่ง
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณ๊การทำผิดกม.เลือกตั้งว่า พบกรณีการฉีกบัตรเลือกตั้ง 2 แห่ง ที่จ.ร้อยเอ็ด หน่วยเลือกตั้งที่14 บ้านป่ายาง ต. เกษตรวิสัย อ.เกษตรวิสัย น.ส.บังอร ออมอด อายุ 34 ปี ได้เข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งแล้วเดินออกไปโดยไม่หย่อนบัตรเลือกตั้งลงในหีบบัตรเลือกตั้ง เมื่อกรรมการประจำหน่วยได้ทักท้วง น.ส.บังอรได้ฉีกบัตรเลือกตั้ง ส่วนที่ จ.นครพนม เขต 1 ต.หนองซน อ.นาทม นายปัญญา กาลสุข อายุ 44 ปี ได้กาเบอร์ผิดจึงฉีกบัตรเลือกตั้ง และได้ขอรับบัตรเลือกตั้งใบใหม่ ขณะนี้ทั้ง 2 รายได้ถูกควบคุมตัวไว้แล้ว
สำหรับเรื่องร้องเรียนเรื่องเจ้าหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลางนั้น มีเพียง 1 เรื่องที่ จ.ลำพูน ที่นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ผู้ร้องได้ร้องว่านายขยัน วิพรหมชัย ผู้สมัครหมายเลข 2 พรรคประชาธิปัตย์ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งเข้าช่วยนายขยัน
ส่วนเรื่องที่ผู้สมัครเป็นห่วงเรื่องการเปลี่ยนหีบบัตรเลือกตั้งนั้น ยืนยันว่าได้มีมาตรการป้องกันไว้แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้องวงจรปิด และปฏิบัติด้วยความเป็นกลางโปร่งใส
**มีร้องคัดค้าน11เรื่อง
ด้านพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการด้านกิจการสืบสวนสอบสวน แถลงว่าในส่วนการเลือกตั้ง ส.ส. มีเรื่องร้องคัดค้าน ขณะนี้จำนวน 11 เรื่อง โดยอยู่ระหว่างที่ กกต.จังหวัดจะพิจารณารับเป็นเรื่องร้องคัดค้านหรือไม่ ประกอบด้วย จ.ลำพูน 3 เรื่อง จ.อุทัยธานี 1 เรื่อง จ.สิงห์บุรี 1 เรื่อง จ.นครพนม 2 เรื่อง จ.มหาสารคาม 1 เรื่อง จ.ร้อยเอ็ด 1 เรื่อง จ.อุบลราชธานี 1 เรื่อง จ.อ่างทอง 1 เรื่อง โดยข้อกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นการกระทำผิด โดยการโฆษณาหาเสียง ด้วยการหลอกลวง ใส่ร้าย ใช้รูปคนอื่นในการหาเสียง เช่น นำรูปของ พ.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน มาใช้ในการหาเสียง
**"มาร์ค"แถลงขอบคุณประชาชน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 18.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เปิดแถลงข่าว ที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอบคุณประชาชนที่ลงคะแนนให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ของพรรค และผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.ทั้ง 9 เขต ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังให้ความไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ โดยในเบื้องต้นทราบว่าผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคได้รับเลือกเข้ามา 7 เขต จากที่ส่งไป 9 เขต จึงขอขอบคุณประชาชนที่กรุณาเพิ่มเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล เพราะถือเป็นความสำคัญต่อการทำงานในสภาของรัฐบาลด้วย โดยตนยืนยันว่า รัฐบาลจะพยายามบริหารประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตัวเลขที่นั่งโดยรวมของรัฐบาลในขณะนี้ ต้องรอดูว่าสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นด้วยว่า เพิ่มขึ้นเท่าไร ซึ่งในเขตเลือกตั้งทั้ง 26 เขตนี้ เดิมไม่มีคนของพรรคประชาธิปัตย์เลย เราตัดสินใจส่ง 9 เขต ได้ 7 เขต และได้ประเมินว่า เราอาจจะได้ 5-7 เขต โดยผลปรากฎว่าในส่วนภาคกลางได้ทั้งหมด และที่ลำพูน อีก1 เขต ซึ่งจะถือเป็นแรงสำคัญช่วยให้รัฐบาลมีพลังในการทำงานมากขึ้น และเชื่อว่าในส่วนของพรรคร่วม ก็ไม่น่าจะต่ำกว่าเดิม
" ขณะนี้เสียงรัฐบาลมีความมั่นคงมากขึ้น เพราะตอนที่โหวตเลือกนายกฯ เรามีเกินฝ่ายค้านอยู่ 37 เสียง แต่วันนี้ทำให้เรามีเสียงมากขั้น ถึงแม้จะไม่เด็ดขาด แต่ก็ช่วยลดปัญหาในกรณีที่ฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ เพราะตัวรัฐมนตรีที่เป็นส.ส.ไม่อาจลงคะแนนได้ แต่ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่มีส่วนทำให้การตรวจสอบอ่อนแอลง รัฐบาลยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอย่างเต็มที่" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ไม่ปรับครม.ภายใน 6 เดือนนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่พรรคร่วมรัฐบาลได้เสียงเพิ่มขึ้น จะต้องมีการปรับครม.ใหม่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงเพิ่มขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องมีการต่อรองใดๆ ในเรื่องตำแหน่งอีก และใน 6 เดือนจะไม่มีการปรับครม. เพราะแม้จะได้เพิ่มขึ้นสัดส่วนก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก มีกรณีของพรรคชาติไทยพัฒนาเท่านั้น แต่ก็ได้ประเมินกันไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงความเป็นห่วงในการประชุมสภานัดแรก ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ห่วงอะไร แต่คิดว่าก็ต้องขอความร่วมมือสมาชิกว่าต้องประชุมกันหนักหน่อยเพราะมีหนังสือข้อตกลงและสัญญาจำนวนมากที่ต้องผ่านสภา และเรื่องความปั่นป่วนในสภาก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คิดว่าน่าจะทำให้ทุกฝ่ายได้แสดงให้เห็นว่าการเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อที่จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายในการทำงานต่อไป สำหรับที่ฝ่ายค้านยังไม่มีผู้นำฝ่ายค้านก็คงไม่เป็นปัญหา คิดว่าทางฝ่ายค้านคงจะมีวิธีการปรับหาแนวทางที่จะมีผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ
"ผมได้ให้แนวทางกับคณะรัฐมนตรี หนี่งในแนวที่ให้ไว้ก็คือว่า รัฐมตรีจะต้องรับผิดชอบต่อสภา ซึ่งหมายถึงการประชุมสภา หมายถึงการไปตอบกระทู้ถาม ไปชี้แจงกับตัวแทนของประชาชน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในวันนี้ เป็นการสะท้อนว่าประชาชนยังให้โอกาสพวกเราที่จะทำงาน ตรงนี้จะเป็นเรื่องของเราที่จะตอบสนองให้ได้" นายอภิสิทธิ์กล่าว
**ชาติไทยพัฒนารอจังหวะปรับครม.
ส่วนที่พรรคชาติไทยพัฒนา ภายหลังจากปิดหีบเลือกตั้งส.ส. เป็นไปอย่างเงียบเหงาไม่มีแกนนำคนสำคัญของพรรคเดินทางเข้ามาที่พรรคแม้แต่คนเดียว มีเพียง นายกฤต รัตนคามินี หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และนายกมลวิทย์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการพรรค ที่เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคชาติไทยเดิม
โดยนายกฤต กล่าวว่า ล่าสุดตรวจสอบแล้วอย่างเป็นทางการ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ส.ส.ทั้งหมด 10 คนจากที่ส่งไปทั้งหมด13 คน พื้นที่ที่ไม่ได้คือ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ ซึ่งก็น่าเสียดายมาก ที่จ.ศรีษะเกษ เพราะทางพรรคหวังไว้ แต่แพ้พรรคประชาราชไปประมาณ 6,000 คะแนน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณประชาชนทุกคนที่ลงคะแนนให้พรรคชาติไทยพัฒนา และเชื่อว่า 10 เสียง ที่พรรคชาติไทยพัฒนาได้มาเพิ่มนั้น ก็จะสร้างเสถียรภาพให้กับพรรคมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากเดิมที่พรรคเราไม่สามารถเสนอกฎหมายได้ เพราะเสียงไม่ถึง 22 เสียง แต่เมื่อมาเพื่ออีก 10 เสียง ก็สามารถเสนอกฎหมายเข้าไปได้ จากนี้ไปก็คงต้องรอ กกต.รับรองผู้สมัครอย่างเป็นทางการต่อไป
ด้านนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนระดับหนึ่ง และวันนี้(12 ม.ค.)ก็อาจจะมีการหารือกันภายในพรรค ส่วนเรื่องการปรับครม. ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอีกครั้ง ซึ่งเข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นแกนนำน่าจะเห็นศักยภาพของพรรคชาติไทยพัฒนามากยิ่งขึ้น แต่เชื่อว่าการปรับครม. คงไม่ปรับในทันที คงต้องให้แต่ละคนทำงานต่อไปก่อน และเข้าใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะหารือกันอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้าว่าได้มีการเปิดศูนย์รายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส. ที่สำนักงานกกต. ศูนย์ราชการอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พร้อมกับระบุว่า ตนได้รับรายงานว่า ตั้งแต่ 08.00 น. ทุกหน่วยเลือกตั้ง สามารถเปิดให้ประชาชนลงคะแนนอย่างเรียบร้อย ซึ่งในการเลือกตั้งส.ส. ครั้งนี้ มีหน่วยเลือกตั้ง 15,967 หน่วย มีผู้มีสิทธิ 8,166,385 คน
"ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงขณะนี้ โดยรวมถือว่าดีมาก คืนที่ผ่านมาก็มีการแจ้งเบาะแสกันบ้างแต่เมื่อส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแต่ก็ไม่พบการกระทำความผิดแต่อย่างใด มีเพียงการแจ้งเหตุที่ จ.อุบลราชธานีว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา มีวิทยุชุมชนนำสปอตของผู้สมัครรับเลือกตั้งรายหนึ่งไปออกอากาศ แต่ผู้สมัครที่ถูกกล่าวหา ก็ได้ไปแจ้งความเป็นหลักฐาน พร้อมทั้งปฏิเสธการกระทำโดยระบุว่าไม่ได้เป็นผู้นำสปอตโฆษณาไปมอบให้สถานีวิทยุดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้หากตรวจสอบแล้วเป็นความจริงก็ต้องดำเนินการต่อไป"
ส่วนที่มีการเกรงว่าจะมีกลุ่มการเมืองไปชุมุนมหน้าหน่วยเลือกตั้งนั้น เชื่อว่า หากมีก็คงไม่ถึงขนาดขัดขวางการเลือกตั้ง เพราะผิดกฎหมาย การชุมนุมเพื่อแสดงความเห็นทางการเมืองสามารถทำได้แต่อย่าถึงขนาดให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งหากเกิดเหตุก็จะถือว่าหมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมาย จึงขอร้องว่าอย่าให้มีเลยและขอให้ประชาชนมาเลือกตั้งโดยสะดวกและไม่มีการชี้นำ
ทั้งนี้ กกต. ก็ได้เตรียมรับมือ หากมีเหตุทางกรรมการประจำหน่วยก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาจจะมีการขอกำลังเพิ่มในกรณีที่จำเป็น เช่นเดียวกับที่ จ. นราธิวาส ที่ กกต.ก็เป็นห่วงสถานการณ์ความไม่สงบ โดยมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อรักษาความปลอดภัยอีกหลายเท่าตัว
นายอภิชาต กล่าวด้วยว่า หากใครพบเห็นเหตุทุจริตสามารถแจ้งเหตุได้ที่ กกต. จังหวัด หรือโทรศัพท์แจ้งเหตุได้ที่หมายเลข 021418047-9 หรือ สายด่วน กกต. หมายเลข 1171 พร้อมทั้งระบุว่าขอให้ผู้มิทธิเลือกคนที่ตัวเองเห็นว่าดีด้วยตัวเองโดยไม่ต้องฟังคำชี้นำจากใคร หากทำเช่นนั้นบ้านเมืองก็จะเป็นประชาธิปไตย
**กกต.พอใจการจัดเลือกตั้ง
ต่อมาเวลาประมาณ 15.20น. ภายหลังปิดหีบเลือกตั้ง นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้งได้แถลงแสดงความพอใจที่การจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะแม้แต่ในพื้นที่เขต 2 จ.นราธิวาส ที่กกต.มีความเป็นห่วง เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการวางระเบิด สถานการณ์ก็เป็นปกติ เพียงแต่ประชาชนออกมาใช้สิทธิน้อย ขณะที่ภาพรวมการเลือกตั้งทั่วประเทศ ผอ.กต.จว.ประเมินว่า จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ร้อยละ 60 ซึ่งน้อยกว่าการเลือกตั้งทั่วไป ส.ส.เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.50 ที่ใช้สิทธิถึงร้อยละ74
สำหรับหน่วยเลือกตั้งที่ 6 ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี ที่ไม่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแม้แต่รายเดียวนั้น ทางกกต.จว.ลพบุรี ได้รายงานเข้ามาว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยดังกล่าวทั้ง 158 คนนั้น เป็นทหารเกณฑ์ที่ปลดระวางแล้ว แต่ยังไม่ได้แจ้งถอนชื่อออกจากทะเบียนราษฎร์ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งต่อไป กกต.จะต้องตรวจสอบทะเบียนผู้มาใช้สิทธิ และครั้งหน้าอาจไม่จำเป็นต้องให้มีหน่วยเลือกตั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
ปชป.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการเลือกตั้งส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง 29 คน อย่างไม่เป็นทางการปรากฏว่า พรรคชาติไทยพัฒนาได้ 10 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้ 7 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทย 5 ที่นั่ง พรรคประชาราช 4 ที่นั่ง และพรรคเพื่อแผ่นดิน 3 ที่นั่ง ดังนี้
กทม. เขต 10 นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 72,909 คะแนน ส่วนนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ พรรคเพื่อไทย ได้ 53,243 คะแนน
ฉะเชิงเทรา เขต 1 นายรัชพล ตันเจริญ พรรคเพื่อแผ่นดินได้ 52,451 คะแนน ส่วนนายสิครินทร์ จันทรศร พรรคเพื่อไทย ได้ 42,042 คะแนน
นครปฐม เขต 1 นายมารุต บุญมี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 104,490 คะแนน ส่วนนายฐานุพงศ์ รังสิไตรพงศ์ พรรคประชาราช ได้ 63,048 คะแนน
นครพนม เขต 1 นายสุริยา พรมดี พรรคเพื่อไทย ได้ 48,559 คะแนน ส่วนนางสาวสุมาลี พูลศิริกุล พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้47,107 คะแนน
นราธิวาส เขต 2 นายนิอาริส เจตาภิวัฒน์ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 47,931 คะแนน ส่วนนายอับดุลอาซิ หามะ พรรคประชาราช ได้ 28,390 คะแนน
บุรีรัมย์ เขต 2 นายจักรกฤษณ์ ทองศรี พรรคประชาราช ได้ 84,673 คะแนน ส่วนนายจำรัส เวียงสงค์ พรรคเพื่อไทย ได้ 41,903 คะแนน
บุรีรัมย์ เขต 4 นายพีระพงษ์ เฮงสวัสดิ์ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ 66,180 คะแนน ส่วนนางสาวเจติยา เลี้ยงผ่องพันธ์ พรรคชาติไทยพัฒนาได้ 55,524 คะแนน
ปทุมธานี เขต 1 นางชนากานต์ ยืนยง พรรคประชาราช ได้ 86,078 คะแนน ส่วนนายอภินันท์ ช่วยบำรุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 71,804 คะแนน
มหาสารคาม เขต 1 นายขจิตร ชัยนิคม พรรคเพื่อไทย ได้ 74,059 คะแนน ส่วนนางสาวกุสุมาลวดี ศิริโกมุท พรรคเพื่อแผ่นดินได้ 50,934 คะแนน
ร้อยเอ็ด เขต2 นายปิยะรัช หมื่นแสน พรรคเพื่อไทยได้ 109,601 คะแนน ส่วนนางรัชนี พลซื่อ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ 74,539 คะแนน
ราชบุรี เขต 1 นายยศศักดิ์ ชีววิญญู พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 144,199 คะแนน ส่วนนายเดชา ตุลาธาร พรรคเพื่อไทย ได้ 37,190 คะแนน
ลพบุรี เขต 1 นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 104,968 คะแนน ส่วนนายประสงค์ สอนมานะ พรรคเพื่อไทย ได้ 41,352 คะแนน
ลำปาง เขต 1 นายสมโภช สายเทพ พรรคเพื่อไทย ได้ 95,602 คะแนน ส่วนนายมัธยม นิภาเกษม พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 91,888 คะแนน
ลำพูน เขต 1 นายขยัน วิพรหมชัย พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 85,828 คะแนน ส่วนนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล พรรคเพื่อไทยได้ 74,435 คะแนน
ศรีสะเกษ เขต 1 นายสุตา พรมดวง พรรคประชาราช ได้ 66,402 คะแนน ส่วนนางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 50,823 คะแนน
ศรีสะเกษเขต 2 นางสาวจิรวดี จึงวรานนท์ พรรคประชาราช ได้ 88,612 คะแนน ส่วนนางมาลินี อินฉัตร พรรคร่วมใจไทยชาติพัฒนา ได้ 80,003 คะแนน
สมุทรปราการ เขต 1 นางสาวสรชา วีรชาติวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 70,138 คะแนน ส่วนนางอรุณลักษณ์ กิจเลิศไพโรจน์ พรรคเพื่อไทย ได้ 55,170 คะแนน
สระบุรี เขต 2 นายองอาจ วงษ์ประยูร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 72,690 คะแนน ส่วนนายตระกูล จันทร์แจ่มใส พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ 19,636 คะแนน
สิงห์บุรี เขต 1 นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 51,940คะแนน ส่วนนายพายัพ ปั้นเกตุ พรรคเพื่อไทย ได้ 46,909 คะแนน
สุพรรณบุรี เขต 1 นายนพดล มาตรศรี พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 137,866 คะแนน
สุพรรณบุรี เขต 1 นายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 132,760 คะแนน
สุพรรณบุรี เขต 1 นายนิติวัฒน์ จันทร์สว่าง พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 129,808 คะแนน ส่วนนางเรืองดาว ดุษกุล พรรคเพื่อไทย ได้ 6,937 คะแนน
สุพรรณบุรี เขต 2 นางพัชรี โพธสุธน พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 108,451 คะแนน
สุพรรณบุรี เขต 2 นายเจรจา เที่ยงธรรม พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 103,746 คะแนน ส่วนนายทวี พิมพขันธ์ พรรคความหวังใหม่ ได้ 11,397 คะแนน
อ่างทอง เขต 1 นายภคิน ปริศนานันทกุล พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 72,380 คะแนน ส่วนนางสาวเพ็ญชิสา หงส์อุปถัมภ์ชัย พรรคเพื่อไทย ได้ 36,930 คะแนน
อุดรธานี เขต 2 นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ พรรคเพื่อไทย ได้ 83,477 คะแนน ส่วนนางสาวณฐกมล นนทะโชติ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ 68,286 คะแนน
อุทัยธานี เขต 1 นายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 81,422 คะแนน ส่วนนายกลุเดช พัวพัฒนกุล พรรคประชาราช ได้ 30,757 คะแนน
อุบลราชธานี เขต 2 นายอุดร ทองประเสริฐ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ 86,690คะแนน ส่วนนายสุขุมรัฎฐ์ สาริบุตร พรรคเพื่อไทย ได้ 48,667 คะแนน
อุบลราชธานี เขต 3 นางอุดร จินตะเวช พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 92,078 คะแนน ส่วนนายกิติพงษ์ เทียมสุวรรณ พรรคเพื่อไทย ได้74,062 คะแนน
**เสียงรัฐบาลทิ้งห่างฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ นอกจากจะคว้าที่นั่งส.ส.ในพื้นที่ภาคกลางแล้วยังสามารถเอาชนะนายนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ซึ่งเป็นแกนนำ"กลุ่มเสื้อแดง" จากพรรคเพื่อไทยด้วย รวมทั้งที่เขต 10 กทม. ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีคะแนนทิ้งห่างจากผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยกว่า 2 หมื่นคะแนนทั้งนี้ ยอดรวมส.ส.ในฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลจากการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็น 20 ที่นั่ง ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้าน 9 ที่นั่ง เมื่อรวมกับเสียงสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี 235 เสียง จะทำให้รัฐบาลมีเสียงสนับสนุน 255 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านมี 207 เสียง
**ประกาศผลเลือกตั้งภายใน30วัน
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. เปิดเผยถึงแนวทางการพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งว่า ในส่วนของการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.นั้นยังมีประกาศของคปค. ที่ต้องประกาศรับรองภายใน30วัน ขณะที่การเลือกตั้งส.ส. นั้น ก็มีกฎหมายว่าต้องประกาศรับรองภายใน30วันเช่นกัน ดังนั้นแม้ว่าจะมีเรื่องร้องเรียนที่กกต.ยังสอบไม่เสร็จ ก็จำเป็นต้องประกาศรับรองไปก่อน และหลังจากนั้นค่อยพิจารณา และให้ศาลมีคำสั่งต่อไป
**มีฉีกบัตรเลือกตั้ง 2 แห่ง
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณ๊การทำผิดกม.เลือกตั้งว่า พบกรณีการฉีกบัตรเลือกตั้ง 2 แห่ง ที่จ.ร้อยเอ็ด หน่วยเลือกตั้งที่14 บ้านป่ายาง ต. เกษตรวิสัย อ.เกษตรวิสัย น.ส.บังอร ออมอด อายุ 34 ปี ได้เข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งแล้วเดินออกไปโดยไม่หย่อนบัตรเลือกตั้งลงในหีบบัตรเลือกตั้ง เมื่อกรรมการประจำหน่วยได้ทักท้วง น.ส.บังอรได้ฉีกบัตรเลือกตั้ง ส่วนที่ จ.นครพนม เขต 1 ต.หนองซน อ.นาทม นายปัญญา กาลสุข อายุ 44 ปี ได้กาเบอร์ผิดจึงฉีกบัตรเลือกตั้ง และได้ขอรับบัตรเลือกตั้งใบใหม่ ขณะนี้ทั้ง 2 รายได้ถูกควบคุมตัวไว้แล้ว
สำหรับเรื่องร้องเรียนเรื่องเจ้าหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลางนั้น มีเพียง 1 เรื่องที่ จ.ลำพูน ที่นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ผู้ร้องได้ร้องว่านายขยัน วิพรหมชัย ผู้สมัครหมายเลข 2 พรรคประชาธิปัตย์ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งเข้าช่วยนายขยัน
ส่วนเรื่องที่ผู้สมัครเป็นห่วงเรื่องการเปลี่ยนหีบบัตรเลือกตั้งนั้น ยืนยันว่าได้มีมาตรการป้องกันไว้แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้องวงจรปิด และปฏิบัติด้วยความเป็นกลางโปร่งใส
**มีร้องคัดค้าน11เรื่อง
ด้านพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการด้านกิจการสืบสวนสอบสวน แถลงว่าในส่วนการเลือกตั้ง ส.ส. มีเรื่องร้องคัดค้าน ขณะนี้จำนวน 11 เรื่อง โดยอยู่ระหว่างที่ กกต.จังหวัดจะพิจารณารับเป็นเรื่องร้องคัดค้านหรือไม่ ประกอบด้วย จ.ลำพูน 3 เรื่อง จ.อุทัยธานี 1 เรื่อง จ.สิงห์บุรี 1 เรื่อง จ.นครพนม 2 เรื่อง จ.มหาสารคาม 1 เรื่อง จ.ร้อยเอ็ด 1 เรื่อง จ.อุบลราชธานี 1 เรื่อง จ.อ่างทอง 1 เรื่อง โดยข้อกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นการกระทำผิด โดยการโฆษณาหาเสียง ด้วยการหลอกลวง ใส่ร้าย ใช้รูปคนอื่นในการหาเสียง เช่น นำรูปของ พ.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน มาใช้ในการหาเสียง
**"มาร์ค"แถลงขอบคุณประชาชน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 18.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เปิดแถลงข่าว ที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอบคุณประชาชนที่ลงคะแนนให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ของพรรค และผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.ทั้ง 9 เขต ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังให้ความไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ โดยในเบื้องต้นทราบว่าผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคได้รับเลือกเข้ามา 7 เขต จากที่ส่งไป 9 เขต จึงขอขอบคุณประชาชนที่กรุณาเพิ่มเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล เพราะถือเป็นความสำคัญต่อการทำงานในสภาของรัฐบาลด้วย โดยตนยืนยันว่า รัฐบาลจะพยายามบริหารประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตัวเลขที่นั่งโดยรวมของรัฐบาลในขณะนี้ ต้องรอดูว่าสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นด้วยว่า เพิ่มขึ้นเท่าไร ซึ่งในเขตเลือกตั้งทั้ง 26 เขตนี้ เดิมไม่มีคนของพรรคประชาธิปัตย์เลย เราตัดสินใจส่ง 9 เขต ได้ 7 เขต และได้ประเมินว่า เราอาจจะได้ 5-7 เขต โดยผลปรากฎว่าในส่วนภาคกลางได้ทั้งหมด และที่ลำพูน อีก1 เขต ซึ่งจะถือเป็นแรงสำคัญช่วยให้รัฐบาลมีพลังในการทำงานมากขึ้น และเชื่อว่าในส่วนของพรรคร่วม ก็ไม่น่าจะต่ำกว่าเดิม
" ขณะนี้เสียงรัฐบาลมีความมั่นคงมากขึ้น เพราะตอนที่โหวตเลือกนายกฯ เรามีเกินฝ่ายค้านอยู่ 37 เสียง แต่วันนี้ทำให้เรามีเสียงมากขั้น ถึงแม้จะไม่เด็ดขาด แต่ก็ช่วยลดปัญหาในกรณีที่ฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ เพราะตัวรัฐมนตรีที่เป็นส.ส.ไม่อาจลงคะแนนได้ แต่ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่มีส่วนทำให้การตรวจสอบอ่อนแอลง รัฐบาลยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอย่างเต็มที่" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ไม่ปรับครม.ภายใน 6 เดือนนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่พรรคร่วมรัฐบาลได้เสียงเพิ่มขึ้น จะต้องมีการปรับครม.ใหม่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงเพิ่มขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องมีการต่อรองใดๆ ในเรื่องตำแหน่งอีก และใน 6 เดือนจะไม่มีการปรับครม. เพราะแม้จะได้เพิ่มขึ้นสัดส่วนก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก มีกรณีของพรรคชาติไทยพัฒนาเท่านั้น แต่ก็ได้ประเมินกันไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงความเป็นห่วงในการประชุมสภานัดแรก ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ห่วงอะไร แต่คิดว่าก็ต้องขอความร่วมมือสมาชิกว่าต้องประชุมกันหนักหน่อยเพราะมีหนังสือข้อตกลงและสัญญาจำนวนมากที่ต้องผ่านสภา และเรื่องความปั่นป่วนในสภาก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คิดว่าน่าจะทำให้ทุกฝ่ายได้แสดงให้เห็นว่าการเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อที่จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายในการทำงานต่อไป สำหรับที่ฝ่ายค้านยังไม่มีผู้นำฝ่ายค้านก็คงไม่เป็นปัญหา คิดว่าทางฝ่ายค้านคงจะมีวิธีการปรับหาแนวทางที่จะมีผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ
"ผมได้ให้แนวทางกับคณะรัฐมนตรี หนี่งในแนวที่ให้ไว้ก็คือว่า รัฐมตรีจะต้องรับผิดชอบต่อสภา ซึ่งหมายถึงการประชุมสภา หมายถึงการไปตอบกระทู้ถาม ไปชี้แจงกับตัวแทนของประชาชน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในวันนี้ เป็นการสะท้อนว่าประชาชนยังให้โอกาสพวกเราที่จะทำงาน ตรงนี้จะเป็นเรื่องของเราที่จะตอบสนองให้ได้" นายอภิสิทธิ์กล่าว
**ชาติไทยพัฒนารอจังหวะปรับครม.
ส่วนที่พรรคชาติไทยพัฒนา ภายหลังจากปิดหีบเลือกตั้งส.ส. เป็นไปอย่างเงียบเหงาไม่มีแกนนำคนสำคัญของพรรคเดินทางเข้ามาที่พรรคแม้แต่คนเดียว มีเพียง นายกฤต รัตนคามินี หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และนายกมลวิทย์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการพรรค ที่เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคชาติไทยเดิม
โดยนายกฤต กล่าวว่า ล่าสุดตรวจสอบแล้วอย่างเป็นทางการ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ส.ส.ทั้งหมด 10 คนจากที่ส่งไปทั้งหมด13 คน พื้นที่ที่ไม่ได้คือ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ ซึ่งก็น่าเสียดายมาก ที่จ.ศรีษะเกษ เพราะทางพรรคหวังไว้ แต่แพ้พรรคประชาราชไปประมาณ 6,000 คะแนน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณประชาชนทุกคนที่ลงคะแนนให้พรรคชาติไทยพัฒนา และเชื่อว่า 10 เสียง ที่พรรคชาติไทยพัฒนาได้มาเพิ่มนั้น ก็จะสร้างเสถียรภาพให้กับพรรคมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากเดิมที่พรรคเราไม่สามารถเสนอกฎหมายได้ เพราะเสียงไม่ถึง 22 เสียง แต่เมื่อมาเพื่ออีก 10 เสียง ก็สามารถเสนอกฎหมายเข้าไปได้ จากนี้ไปก็คงต้องรอ กกต.รับรองผู้สมัครอย่างเป็นทางการต่อไป
ด้านนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนระดับหนึ่ง และวันนี้(12 ม.ค.)ก็อาจจะมีการหารือกันภายในพรรค ส่วนเรื่องการปรับครม. ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอีกครั้ง ซึ่งเข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นแกนนำน่าจะเห็นศักยภาพของพรรคชาติไทยพัฒนามากยิ่งขึ้น แต่เชื่อว่าการปรับครม. คงไม่ปรับในทันที คงต้องให้แต่ละคนทำงานต่อไปก่อน และเข้าใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะหารือกันอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม