xs
xsm
sm
md
lg

"สาระ ล่ำซำ"ประเมินธุรกิจประกัน แข่งขยายผลิตภัณฑ์รับเศรษฐกิจซบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "สาระ ล่ำซำ"กรรมการผู้จัดการ บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย ประเมินธุรกิจประกันปีนี้ ยังเติบโตได้ แต่ไม่รุ่งเท่าปีก่อน โดยเป็นขยายตัวที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ขณะที่แนวโน้มการแข่งขันจะเพิ่มขึ้นตามแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ ยันฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีเงินกองทุนเพียบ และไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง เพราะเงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ที่ตราสารหนี้ระยะยาว

มองการเติบโตของธุรกิจปีนี้เป็นอย่างไร
ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในปี 2552 จะเติบโตประมาณ 5-6% โดยอัตราการเติบโตจะชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจที่มีการคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0-2% โดยตัวเลขดังกล่าวแตกต่างจากปี 2551 ที่ธุรกิจประกันชีวิตขยายตัวประมาณ 16% เบี้ยรับรวม 200,000 ล้านบาท โดยประชาชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจประกันชีวิตมากขึ้นว่า เป็นผลประโยชน์ในการคุ้มครองและเป็นการออมเงิน ประกอบกับรูปแบบของประกันชีวิตมีการพัฒนาที่หลากหลายเพื่อให้ตรงใจกับประชาชน และมีช่องทางการจำหน่ายในหลายช่องทาง ทั้งผ่านตัวแทนและสาขาธนาคารพาณิชย์ ทำให้ในปี 2551 ธุรกิจประกันชีวิตมีอัตราการขยายตัวในอัตราที่ดี

แต่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงเกิดวิกฤติสถาบันการเงินสหรัฐ และส่งผลกระทบมาถึงธุรกิจประกันชีวิตนั้น ประชาชนหรือลูกค้าก็มีความตื่นตระหนกบ้างในช่วงแรก แต่หลังจากที่สำนักงานคณะกรรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. และสมาคมประกันชีวิต ออกมายืนยันว่า ธุรกิจประกันภัยของไทยไม่มีปัญหา ก็ทำให้ความมั่นใจของลูกค้ากลับมา

ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวกระทบธุรกิจหรือไม่
ในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวในปีนี้ถือว่า เป็นโอกาสที่ดีที่ธุรกิจประกันจะเดินหน้ารุกมากขึ้น เพราะเมื่อคนไม่มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมแล้วก็จะเกิดการออมเงินเพิ่มซึ่งธุรกิจประกันก็เป็นการออมเงินอีกประเภทหนึ่งเช่นกันและมีการคุ้มครองชีวิตเพิ่มให้ด้วย น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ดีในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้

ทั้งนี้ สัดส่วนของคนไทยที่มีการทำประกันชีวิต ณ สิ้นปีที่ผ่านมามีอยู่เพียง 22.5% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศเท่านั้นโอกาสที่ธุรกิจนี้จะเติบโตก็มีอีกมาก จึงไม่น่าเป็นห่วงอัตราการเติบโตมากเท่าใดนัก และอย่างที่กล่าวมาแล้วว่าประชาชนมีความเข้าใจในธุรกิจประกันชีวิตมากขึ้น ว่ามีความจำเป็นต่อตนเองมากน้อยเพียงใด รวมทั้งสินค้าก็มีครอบคลุมสำหรับลูกค้าทุกกลุ่มทั้งในเมืองและชนบท รากหญ้าถึงระดับบน

สภาพการแข่งขันโดยรวมของธุรกิจ
สิ่งแรกที่ต้องยอมรับคือด้วยสภาพธุรกิจโดยรวมของประเทศที่มีแนวโน้มชะลอลงนั้น จะเป็นส่วนที่กดดันให้ต้องทำงานกันมากขึ้นอยู่แล้วต้องจับกลุ่มเป้าหมายให้ได้ พัฒนาช่องทางการจำหน่ายให้มีความหลากหลาย แข็งแกร่งและสามารถเข้าถึงประชาชนได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งโดยปกติของธุรกิจประกันชีวิตนั้นก็มีการแข่งขันกันอยู่เสมอด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยก็ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นกันทุกคน

"แต่สิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นก็คือประชาชนจะได้รับผลประโยชน์จากการแข่งขันของผู้ประกอบการที่จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีและแปลกใหม่ออกมานำเสนอให้กับประชาชน เป็นการแข่งขันในระดับที่ยอมรับได้ภายใต้กฎหมายที่กำหนดและมีการควบคุมดูแลที่ดีโดยสำนักงานคปภ. อีกทั้งวงเงินลดหย่อนภาษีที่เพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนบาทที่จะมีผลบังคับใช้ก็ทำให้ตลาดมีการเติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน"

ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อธุรกิจประกันชีวิต
ธุรกิจประกันชีวิตจะไม่มีปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว 10 ปีขึ้นไป และลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ ขึ้นไป ความเสี่ยงจึงมีต่ำ และเน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น ไม่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นหรือลง ก็ไม่มีผล เพราะบริษัทประกันชีวิตจะลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้จนครบอายุ นอกจากนี้ยังยืนยันว่า เงินกองทุนและเงินสำรองมีสูงเพียงพอตามกฎเกณฑ์ของ คปภ.

ขณะนี้ในธุรกิจประกันชีวิตมีเงินหมุนเวียนประมาณ 900,000 ล้านบาท ซึ่งเน้นการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งหากรัฐบาลมีการออกพันธบัตรที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนเหมาะสม ธุรกิจประกันชีวิตก็พร้อมที่จะเข้าลงทุน ซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกับรัฐบาลได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น