ททท. เร่งเครื่องโปรโมตอีสาน จับจุดพิษเศรษฐกิจชะลอตัว ชูราคาถูก เป็นจุดขาย อัด 14 ล้านบาท จัดงานอีสาน แฟร์ ดึงผู้ประกอบการร่วมออกบูธ 90 ราย นำเสนอ 7 เส้นทางท่องเที่ยวน่าสนใจ เจาะกลุ่มครอบครัวและเยาวชน ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 24.4 ล้านบาท รายได้ 4.1 ล้านบาท โตกว่าปีก่อนเท่าตัว พร้อมเสนอแผนใช้งบฉุกเฉิน มอบอินเซนทีฟนักท่องเที่ยวจูงใจ
นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดกิจกรรมตอกย้ำจากการที่ได้ประกาศให้ปี 2551-2553 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวภาคอีสาน ด้วยการจัดงาน อะเมซิ่ง อีสาน แฟร์ 2009 หรือ Amazing I-San fair 2009 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 15-18 ม.ค. 52 ใช้งบประมาณจัดงานราว 14 ล้านบาท โดยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคอีสาน อาทิ บริษัทนำเที่ยว โรงแรม รีสอร์ท สินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ มาร่วมออกบูธจำหน่ายตรงถึงผู้บริโภค ล่าสุดมีผู้จองบูธแล้ว 80 บูธ จากทั้งหมดที่เตรียมไว้ 90 บูธ ตั้งเป้าหมายมีผู้สนใจเข้าชมและเลือกซื้อสินค้าทางการท่องเที่ยว ใน 4 วันที่จัดงานนี้ไม่น้อยกว่า 2 แสนคน เกิดการซื้อขายภายในงานไม่น้อยกว่า 3-5 ล้านบาท
ททท.บูมการท่องเที่ยวภาคอีสาน เพื่อกระตุ้นให้คนไทย และต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย ได้เดินทางเขาไปเที่ยวชมมากขึ้น ชูจุดขาย "ดินแดนแห่งการเรียนรู้อู่อารยธรรม" เหมาะสำหรับ กลุ่มเยาวชน และ ครอบครัว ในอนาคตจะโปรโมตให้ชาวต่างชาติ เดินทาเข้าไปเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ตลาดเป้าหมายสำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น และ สิงคโปร์ เน้นกลุ่มเยาวชน เช่นกัน เพราะ ทั้งสองประเทศดังกล่าว นิยมให้เยาวชนมีการเดินทางเพื่อศึกษาหาความรู้ โดยเฉพาะเรื่องอารยธรรมโบราณ และแหล่งไดโนเสาร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำโบว์ชัวร์ภาษาต่างประเทศ
"จุดเด่นของอีสานอีกอย่างหนึ่งคือ เป็นการท่องเที่ยวที่ได้ความรู้ เหมาะกับทุกวัยในครอบครัว และ ที่สำคัญราคาไม่แพง ทั้ง ที่พัก ร้านอาหาร เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยวในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวันสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 1,000 บาท ส่วนคนไทยก็จะถูกกว่านี้ โรงแรมที่พักก็มีหลายแบบ และ ราคาไม่แพง เริ่มที่หลักร้อยบาทถึง พันบาท "
อย่างไรก็ตาม จากการโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวภาคอีสาน โดยจัดเป็นเส้นทางท่องเที่ยว นั้น ได้รับการตอบรับดี ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวนิยมที่จะเดินทางไปเที่ยวที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมากันจำนวนมาก ซึ่งเป็นประตูสู่อีสาน และ ททท. จะใช้จุดนี้ ขยายต่อไปยังเส้นทางอื่นๆ กระจายให้ทั่วทั้ง 19 จังหวัด โดยครั้งนี้ได้นำเสนอ 7 เส้นทางเที่ยวอีสาน ได้แก่ เส้นทางตามรอยบูรพาจารย์ ,เส้นทางตามรอยพระพุทธเจ้า ,เส้นทางอารยธรรมขอม ,เส้นทาง ไดโนเสาร์ , อะเมซิ่ง คาทอริก 2 อันซีน ,เสน่ห์มนตราริมฝั่งโขง เป็นต้น
นายวันเด็จ กล่าวอีกว่า ททท. ตั้งเป้าหมายว่า ในปี 2552 จะมี นักท่องเที่ยว เดินทางเข้าภาคอีสานเป็นจำนวน 24.40 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ประมาณ 6.55% หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 22.90 ล้านคน ในที่นี้ กว่า 90% จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย คาดว่า เมื่อมีการเปิดเสรีอาเซียนในปี 2553 จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางสู่ภาคอีสานมีมากขึ้น โดยเป็นการเดินทางมาทางบก ผ่านด่านชายแดนโดยไม่ต้องขอวีซ่า เช่น ลาว เวียดนาม และ กัมพูชา สำหรับรายได้ ปี 2552 ตั้งเป้าเฉพาะภาคอีสานจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวราว 41,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 12.33%
ทางด้านนางอรุณศรี ศรีเมฆานนท์ ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ททท. กล่าวว่า การเลือกจักงานอีสาน แฟร์ 2009 ในวันและเวลาดังกล่าว ก็เพื่อต้องการให้เกิดการเดินทางในช่วงเทศกาลตรุษจีน และ ปิดเทอมใหญ่ ที่ใกล้จะมาถึงแล้ว ขณะเดียวกัน ในส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เตรียมแผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้งบประมาณ ฉุกเฉิน ที่ ททท.เตรียทยื่นเสนอขอต่อรัฐบาล วงเงิน 1,9000 ล้านบาท ในที่นี้แบ่งเป็นตลาด ในประเทศ 200 ล้านบาท เฉลี่ยภูมิภาคละ 50 ล้านบาท ภาคอีสาน จะให้อินเซนทีฟแก่นักท่องเที่ยวที่ไปเป็นหมู่คณะ เช่น 80 คนขึ้นไป ททท.จะจัดเลี้ยงอาหารค่ำให้หนึ่งมื้อ หรือ 100 คน ขึ้นไป เลี้ยงอาหารค่ำพร้อมการแสดงโชว์ เป็นต้น โดยเงื่อนไขต้องอยู่ในความสามารถที่ทำได้ และ ต้องไม่ทับซ้อนกับกรุ๊ปประชุมสัมมนา ซี่งเป็นหน้าที่ของ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สสปน.) เป็นผู้รับผิดชอบ
นอกจากนั้น ยังได้ปรับเปลี่ยนการใช้งบประมาณ ปี 2552 ในส่วนที่จะพาภาคเอกชนเดินทางไปโรดโชว์ ประเทศสิงคโปร์ เดือนมี.ค.นี้ วงเงิน 6 ล้านบาท ซึ่งจะงดไป เพราะ สถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวย โดยจะหารือกับผู้ประกอบการว่าต้องการใช้งบจำนวนนี้ทำกิจกรรมใด
นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดกิจกรรมตอกย้ำจากการที่ได้ประกาศให้ปี 2551-2553 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวภาคอีสาน ด้วยการจัดงาน อะเมซิ่ง อีสาน แฟร์ 2009 หรือ Amazing I-San fair 2009 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 15-18 ม.ค. 52 ใช้งบประมาณจัดงานราว 14 ล้านบาท โดยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคอีสาน อาทิ บริษัทนำเที่ยว โรงแรม รีสอร์ท สินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ มาร่วมออกบูธจำหน่ายตรงถึงผู้บริโภค ล่าสุดมีผู้จองบูธแล้ว 80 บูธ จากทั้งหมดที่เตรียมไว้ 90 บูธ ตั้งเป้าหมายมีผู้สนใจเข้าชมและเลือกซื้อสินค้าทางการท่องเที่ยว ใน 4 วันที่จัดงานนี้ไม่น้อยกว่า 2 แสนคน เกิดการซื้อขายภายในงานไม่น้อยกว่า 3-5 ล้านบาท
ททท.บูมการท่องเที่ยวภาคอีสาน เพื่อกระตุ้นให้คนไทย และต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย ได้เดินทางเขาไปเที่ยวชมมากขึ้น ชูจุดขาย "ดินแดนแห่งการเรียนรู้อู่อารยธรรม" เหมาะสำหรับ กลุ่มเยาวชน และ ครอบครัว ในอนาคตจะโปรโมตให้ชาวต่างชาติ เดินทาเข้าไปเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ตลาดเป้าหมายสำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น และ สิงคโปร์ เน้นกลุ่มเยาวชน เช่นกัน เพราะ ทั้งสองประเทศดังกล่าว นิยมให้เยาวชนมีการเดินทางเพื่อศึกษาหาความรู้ โดยเฉพาะเรื่องอารยธรรมโบราณ และแหล่งไดโนเสาร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำโบว์ชัวร์ภาษาต่างประเทศ
"จุดเด่นของอีสานอีกอย่างหนึ่งคือ เป็นการท่องเที่ยวที่ได้ความรู้ เหมาะกับทุกวัยในครอบครัว และ ที่สำคัญราคาไม่แพง ทั้ง ที่พัก ร้านอาหาร เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยวในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวันสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 1,000 บาท ส่วนคนไทยก็จะถูกกว่านี้ โรงแรมที่พักก็มีหลายแบบ และ ราคาไม่แพง เริ่มที่หลักร้อยบาทถึง พันบาท "
อย่างไรก็ตาม จากการโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวภาคอีสาน โดยจัดเป็นเส้นทางท่องเที่ยว นั้น ได้รับการตอบรับดี ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวนิยมที่จะเดินทางไปเที่ยวที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมากันจำนวนมาก ซึ่งเป็นประตูสู่อีสาน และ ททท. จะใช้จุดนี้ ขยายต่อไปยังเส้นทางอื่นๆ กระจายให้ทั่วทั้ง 19 จังหวัด โดยครั้งนี้ได้นำเสนอ 7 เส้นทางเที่ยวอีสาน ได้แก่ เส้นทางตามรอยบูรพาจารย์ ,เส้นทางตามรอยพระพุทธเจ้า ,เส้นทางอารยธรรมขอม ,เส้นทาง ไดโนเสาร์ , อะเมซิ่ง คาทอริก 2 อันซีน ,เสน่ห์มนตราริมฝั่งโขง เป็นต้น
นายวันเด็จ กล่าวอีกว่า ททท. ตั้งเป้าหมายว่า ในปี 2552 จะมี นักท่องเที่ยว เดินทางเข้าภาคอีสานเป็นจำนวน 24.40 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ประมาณ 6.55% หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 22.90 ล้านคน ในที่นี้ กว่า 90% จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย คาดว่า เมื่อมีการเปิดเสรีอาเซียนในปี 2553 จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางสู่ภาคอีสานมีมากขึ้น โดยเป็นการเดินทางมาทางบก ผ่านด่านชายแดนโดยไม่ต้องขอวีซ่า เช่น ลาว เวียดนาม และ กัมพูชา สำหรับรายได้ ปี 2552 ตั้งเป้าเฉพาะภาคอีสานจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวราว 41,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 12.33%
ทางด้านนางอรุณศรี ศรีเมฆานนท์ ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ททท. กล่าวว่า การเลือกจักงานอีสาน แฟร์ 2009 ในวันและเวลาดังกล่าว ก็เพื่อต้องการให้เกิดการเดินทางในช่วงเทศกาลตรุษจีน และ ปิดเทอมใหญ่ ที่ใกล้จะมาถึงแล้ว ขณะเดียวกัน ในส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เตรียมแผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้งบประมาณ ฉุกเฉิน ที่ ททท.เตรียทยื่นเสนอขอต่อรัฐบาล วงเงิน 1,9000 ล้านบาท ในที่นี้แบ่งเป็นตลาด ในประเทศ 200 ล้านบาท เฉลี่ยภูมิภาคละ 50 ล้านบาท ภาคอีสาน จะให้อินเซนทีฟแก่นักท่องเที่ยวที่ไปเป็นหมู่คณะ เช่น 80 คนขึ้นไป ททท.จะจัดเลี้ยงอาหารค่ำให้หนึ่งมื้อ หรือ 100 คน ขึ้นไป เลี้ยงอาหารค่ำพร้อมการแสดงโชว์ เป็นต้น โดยเงื่อนไขต้องอยู่ในความสามารถที่ทำได้ และ ต้องไม่ทับซ้อนกับกรุ๊ปประชุมสัมมนา ซี่งเป็นหน้าที่ของ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สสปน.) เป็นผู้รับผิดชอบ
นอกจากนั้น ยังได้ปรับเปลี่ยนการใช้งบประมาณ ปี 2552 ในส่วนที่จะพาภาคเอกชนเดินทางไปโรดโชว์ ประเทศสิงคโปร์ เดือนมี.ค.นี้ วงเงิน 6 ล้านบาท ซึ่งจะงดไป เพราะ สถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวย โดยจะหารือกับผู้ประกอบการว่าต้องการใช้งบจำนวนนี้ทำกิจกรรมใด