ASTVผู้จัดการรายวัน- ยูเนี่ยนแพนฯสวนกระแสศก.ยอดขายพุ่ง 15% เหตุเจ้าของธุรกิจหันใช้งานแฟร์เป็นช่องทางตลาดทำรายได้ ล่าสุดผนึกผู้ประกอบการร่วมดีไซน์New Product -New Promotion หวังนำสินค้าเปิดตัวในงาน "เฟอร์นิเจอร์ แฟร์ ครั้งที่ 29 " คาดเม็ดเงินสะพัดในงาน100ล้านบาท
นาย วีระเดช จิตศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเนี่ยนแพน เอ็กซิบิชั่นส์ จำกัด ผู้นำการจัดแสดงสินค้า เปิดเผยว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศจะอยู่ในช่วงขาลง โดยธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่น ยอดขายตกถึง 30 - 40% แต่ในส่วนของธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าของบริษัทฯนั้น กลับสวนกระแสที่อยู่ในขาขึ้น มียอดขายเพิ่มขึ้น 10-15% จากปี 2551
"ที่ผ่านมาผู้ประกอบการบางรายจะเน้นการออกบู๊ธตามช่องทางการตลาดอื่นๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะเสียค่าเช่าพื้นที่ในอัตราที่แพง ประกอบกับช่วงนี้เศรษฐกิจอยู่ในสภาวะขาลง ผู้บริโภคจะชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป โดยรอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวก่อน เพราะมองว่าสามารถรอได้ แต่ถ้าหากเป็นงานแสดงสินค้า ที่จัดเพียงปีละไม่กี่ครั้งจะให้ความสนใจมากกว่า เพราะมีสินค้าหลากหลาย ราคาถูกกว่าซื้อจากภายนอกถึง 10-20%"
โดยการจัดงานในปีนี้ จะเน้นสินค้าประเภท New Product มากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีบรรดาผู้ประกอบการที่เป็นแกนหลักประมาณ 300 ราย ที่ให้ความสนใจ และคาดว่าในงานจัดแสดงสินค้าของบริษัทในครั้งถัดไปจะมีสินค้าใหม่ๆประมาณ 10-15%
ดังนั้น ในช่วงระหว่างวันที่ 14-22 ก.พ.นี้ บริษัทจึงได้กำหนดจัดงาน "เฟอร์นิเจอร์ แฟร์ ครั้งที่ 29"ขึ้นมา ณ บริเวณ ฮอลล์ 5-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ลดสุดขีด ไม่แฮบปี้ ไม่ต้องแห่จอง จับตาดูให้ดี แม้เศรษฐี ยังรีบซื้อเลย" โดยภายในงานจะมีงาน แฟชั่น แอนด์ จิวเวลรี่ แฟร์ ,งานเวดดิ้ง แฟร์ และงานบิวตี้ สปา แอนด์ เฮลท์ แฟร์ ร่วมอยู่ด้วย ใช้พื้นที่ในการจัดงานประมาณ 20,000 ตร.ม. รวมผู้ประกอบการประมาณ 350 ราย โดยขณะนี้ยอดจองบูธได้เต็มหมดแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทได้ทุ่มงบประมาณ 1.5 ล้านบาท ในการแจกกระเป๋าเก็บรองเท้า และกล่องอเนกประสงค์ ฟรีจำนวน 10,000 ชิ้น แบ่งเป็น 5,000 รายแรก สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าภายในงานและมียอดการชำระเงินตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปสามารถมาเลือกรับสินค้าได้ทันทีจำนวน 5,000 ราย ส่วนอีก 5,000 ราย จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ได้รับคูปองของบริษัทที่แนบไปพร้อมกับใบแจ้งหนี้ของการไฟฟ้านครหลวงและจากบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) จำนวน 9 แสนครอบครัว หากรายใดนำคูปองมายื่นก่อนก็มีสิทธิ์ก่อนจนกว่าสินค้าจะหมด คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน ประมาณ 200,000-250,000 คน มีเม็ดเงินสะพัดภายในงาน 80-100 ล้านบาท
นาย วีระเดช จิตศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเนี่ยนแพน เอ็กซิบิชั่นส์ จำกัด ผู้นำการจัดแสดงสินค้า เปิดเผยว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศจะอยู่ในช่วงขาลง โดยธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่น ยอดขายตกถึง 30 - 40% แต่ในส่วนของธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าของบริษัทฯนั้น กลับสวนกระแสที่อยู่ในขาขึ้น มียอดขายเพิ่มขึ้น 10-15% จากปี 2551
"ที่ผ่านมาผู้ประกอบการบางรายจะเน้นการออกบู๊ธตามช่องทางการตลาดอื่นๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะเสียค่าเช่าพื้นที่ในอัตราที่แพง ประกอบกับช่วงนี้เศรษฐกิจอยู่ในสภาวะขาลง ผู้บริโภคจะชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป โดยรอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวก่อน เพราะมองว่าสามารถรอได้ แต่ถ้าหากเป็นงานแสดงสินค้า ที่จัดเพียงปีละไม่กี่ครั้งจะให้ความสนใจมากกว่า เพราะมีสินค้าหลากหลาย ราคาถูกกว่าซื้อจากภายนอกถึง 10-20%"
โดยการจัดงานในปีนี้ จะเน้นสินค้าประเภท New Product มากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีบรรดาผู้ประกอบการที่เป็นแกนหลักประมาณ 300 ราย ที่ให้ความสนใจ และคาดว่าในงานจัดแสดงสินค้าของบริษัทในครั้งถัดไปจะมีสินค้าใหม่ๆประมาณ 10-15%
ดังนั้น ในช่วงระหว่างวันที่ 14-22 ก.พ.นี้ บริษัทจึงได้กำหนดจัดงาน "เฟอร์นิเจอร์ แฟร์ ครั้งที่ 29"ขึ้นมา ณ บริเวณ ฮอลล์ 5-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ลดสุดขีด ไม่แฮบปี้ ไม่ต้องแห่จอง จับตาดูให้ดี แม้เศรษฐี ยังรีบซื้อเลย" โดยภายในงานจะมีงาน แฟชั่น แอนด์ จิวเวลรี่ แฟร์ ,งานเวดดิ้ง แฟร์ และงานบิวตี้ สปา แอนด์ เฮลท์ แฟร์ ร่วมอยู่ด้วย ใช้พื้นที่ในการจัดงานประมาณ 20,000 ตร.ม. รวมผู้ประกอบการประมาณ 350 ราย โดยขณะนี้ยอดจองบูธได้เต็มหมดแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทได้ทุ่มงบประมาณ 1.5 ล้านบาท ในการแจกกระเป๋าเก็บรองเท้า และกล่องอเนกประสงค์ ฟรีจำนวน 10,000 ชิ้น แบ่งเป็น 5,000 รายแรก สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าภายในงานและมียอดการชำระเงินตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปสามารถมาเลือกรับสินค้าได้ทันทีจำนวน 5,000 ราย ส่วนอีก 5,000 ราย จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ได้รับคูปองของบริษัทที่แนบไปพร้อมกับใบแจ้งหนี้ของการไฟฟ้านครหลวงและจากบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) จำนวน 9 แสนครอบครัว หากรายใดนำคูปองมายื่นก่อนก็มีสิทธิ์ก่อนจนกว่าสินค้าจะหมด คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน ประมาณ 200,000-250,000 คน มีเม็ดเงินสะพัดภายในงาน 80-100 ล้านบาท
