xs
xsm
sm
md
lg

"จตุพร"แว้งใส่เสื้อแดงทรยศไม่เข้าร่วมชุมนุม-พีทีไอลั่นฟ้องคนปูดข่าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จตุพร พรหมพันธุ์
"อภิสิทธิ์" ไม่สนม็อบเสื้อแดงปิดล้อมยันเดินหน้าแถลงนโยบาย 29-30 ธ.ค. กำชับเจ้าหน้าที่เอาเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ เป็นบทเรียน วิปรัฐบาลใจป้ำเพิ่มเวลาให้ฝ่ายค้านอีก 2 ชั่วโมง พันธมิตรฯ เชื่อม็อบมาน้อยกว่าทุกครั้ง เหตุมีปัญหาการนำและมวลชนพื้นที่ แนะจับตากลุ่มฮาร์ดคอร์ หวั่นซ้ำร้อยเหตุการณ์หน้าบ้านป๋าเปรม เตือนให้เอาเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ เป็นบทเรียน ด้าน มท.1 เช็คแล้วไม่น่าห่วง"จตุพร"จวกเสื้อแดงทรยศที่ไม่มาร่วมชุมนุม พร้อมโหมโปรโมทรายการมีแฉแหลก โดยเฉพาะกรณี ทีพีไอฯ จ่ายเงินให้ ปชป. ด้าน ผู้บริหาร ทีพีไอ ปฏิเสธข้อกล่าวหา ลั่นหากนำไปอภิปรายในสภาและเผยแพร่ทางอื่นเจอฟ้องแน่ทั้งแพ่งและอาญา ด้าน"เพื่อไทย"วางตัวคนอภิปราย มอบ"เสนาะ"เป็นแกนนำ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลุ่มเสื้อแดงหรือ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะชุมนุมในวันแถลงนโยบาย ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปพบแกนนำคนรักอุดรหลังประกาศไม่เข้าร่วมชุมนุมหน้ารัฐสภาว่า ขณะนี้พยายามทำความเข้าใจกับทุกกลุ่ม อยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า แต่ใครอยากจะแสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกก็ทำได้ เท่าที่ฟังดูขณะนี้ยังเรียบร้อยอยู่ การจะมาชุมนุมก็เป็นสิทธิที่ทำได้ ไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่รุนแรง

ส่วนที่ นายสมชาย ลงไปจ.อุดรธานี ครั้งนี้มีนัยยะอะไรหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ท่านคงมีความคิดของท่าน แต่ในส่วนรัฐบาลต้องยึดเอาประโยชน์ส่วนรวมเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าให้ได้ ตนยังเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่อยากให้ก้าวพ้นความขัดแย้ง และเมื่อรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนว่าเราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกกลุ่ม และจะดูแลเรื่องการพัฒนาประชาธิปไตยโดยให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม จึงอยากให้เราเดินหน้าในเรื่องเหล่านี้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้ความเป็นธรรมกับทุกกลุ่มจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนย้ำมาตลอดมี 3 เรื่อง คือ เรื่องของคดีความ เรื่องการปฏิรูปการเมือง โดยเชิญทุกฝ่ายเข้าร่วม และการทำงานของรัฐบาลต้องทำงานให้แก่คนทุกกลุ่ม ทุกภาค เมื่อถามว่า เรื่องคดีความขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งประชาชนต้องการเห็นคนทำความผิด ความเสียหายให้ประเทศชาติถูกลงโทษ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามขบวนการ แต่เมื่อแถลงนโยบายเสร็จแล้ว ตนจะมาพิจารณาเรื่องกลไกเสริมเข้าไปช่วยเพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นภาพรวมของปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั้งปี ซึ่งจะมีในส่วนการสนับสนุนองค์กรอิสระ และถ้ามีความจำเป็นจะต้องมีกลไกพิเศษอะไรขึ้นมาจะต้องพิจารณา

ส่วนจะต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนระดับชาติ ตามที่เอ็นจีโอ เสนอหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไปสอบถามทางหน่วยงานที่เขาทำหน้าที่เรื่องนี้ก่อนว่ามีความคืบหน้าอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมามีหลายส่วนที่สอบสวนเรื่องนี้ ทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ปช และตำรวจ ตั้งคณะกรรมการสอบ อีกทั้งรัฐบาลชุดที่แล้วตั้งคณะกรรมการสอบสวนด้วย แต่ก็ยังไม่สำเร็จเรียบร้อย เพราะไม่ได้รับความร่วมมือ

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีให้นโยบายในการรับมือกับเหตุการณ์วันที่ 29-30 ธ.ค. เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เกิดความรุนแรงมีความสูญเสียที่เกิดขึ้นเหมือนที่ผ่านมาอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ชัดเจนคือต้องเก็บเกี่ยวบทเรียนจากเหตุการณ์ 7 ต.ค. ซึ่งแม้แต่คณะกรรมการที่สอบไป ไม่ได้ข้อสรุปในทุกเรื่องที่ตรงกัน เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องให้ความระมัดระวัง ศึกษาขั้นตอนในเรื่องการชุมนุม และการจัดการการชุมนุมให้ได้ตามมาตรฐานสากล บุคคลากรที่ทำหน้าที่ต้องได้รับการฝึกฝนมีความพร้อมมา

ต่อข้อถามว่ายังไม่คิดที่จะเปลี่ยนสถานที่การแถลงนโยบายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มี ท่านประธานสภาออกหนังสือนัดหมายประชุมที่รัฐสภา ซึ่งขณะนี้ในเรื่องการทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายตนพยายามทำทุกทาง ทุกคนต้องช่วยกัน

รัฐบาลพร้อมให้ชุมนุมโดยไม่มีอาวุธ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการแถลงนโยบายที่รัฐสภาของรัฐบาลในครั้งแรกในวันที่ 29-30 ธ.ค.นี้ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับทุกฝ่ายแล้วว่าให้เตรียมความพร้อมและหากเป็นการชุมนุมที่ไม่มีอาวุธก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้เป็นการขอความร่วมมือว่าถึงเวลาที่เราจะต้องทำให้ประเทศเกิดความสงบและเดินไปข้างหน้า แต่หากเกิดความรุนใดๆ เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ก็จะไม่มีการใช้ความรุนแรงตอบโต้จัดการกับการชุมนุมแต่อย่างใด แต่หากเกิดความรุนแรงเหมือนเช่นในวันที่มีการเลือกนายกฯก่อนหน้านี้ ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการจัดการเพื่อที่จะทำให้เห็นการณ์คลี่คลาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีความรุนแรงในวันแถลงนโยบายจะเลื่อนการแถลงนโยบายหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า หากสามารถดำเนินการได้ก็จะแถลง แต่หากทำไม่ได้ก็ได้คุยกับประธานรัฐสภาแล้วว่าจะเลื่อนออกไป ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของประธานสภา ในส่วนของทางคณะรัฐมนตรีจะเป็นการชี้แจงตามปกติ ส่วนเรื่องการเตรียมการภายนอกจะเป็นเรื่องของ นายสุเทพ เทือกสุรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบทางฝ่ายความั่นคง ซึ่งได้มีการประสานกับทางเจ้าที่ตำรวจและฝ่ายต่างๆ โดยมีแผนที่จะดำเนินการไว้อยู่แล้ว จะต้องไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่ตนเชื่อว่าการแถลงของรัฐบาลในครั้งนี้จะแตกต่างจากของรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะในขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายไปมากแล้วและประชาชนเองก็อยากเห็นความสงบและประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ก็ต้องขอความร่วมมือกับทุกฝ่ายและขอขอบคุณพี่น้องเสื้อแดงที่หลายจังหวัดประกาศว่าจะให้โอกาสรัฐบาลก่อน ซึ่งในนามรัฐบาลก็ต้องขอขอบคุณและคิดว่าหากทุกฝ่ายให้โอกาสรัฐบาลก็จะต้องทำงานและเหตุการณ์ความไม่สงบหากเบาลงก็จะเป็นผลดี

สงสัยเจตนาสมชายไปอุดรฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองเจตนาของนายสมชาย วง์สวัสด์ ที่เดินทางลงพื้นที่ที่จังหวัดอดรธานี อย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า หากเป็นไปตามที่ท่านประกาศไว้ว่าเป็นการมาเยี่ยมก็ไม่เป็นไร แต่ภาพที่ออกมาคนก็อาจตีความไปได้ว่า ชมรมคนรักอุดร ประกาศไม่เข้ามาในกรุงเทพฯท่านจึงลงไปพบ ก็จะทำให้คนตีความไปได้ ความจริงคนที่เป็นนายกท่านก็น่าจะรู้ว่าวิกฤติบ้านเมืองนั้นหนักหนาเท่าใดและต้องช่วยกันแก้ไขอย่างไร อย่าเพิ่งคิดไปในแง่ร้าย

ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้ที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านเมื่อมีการปิดล้อมในวันที่7ต.ค.ทางพรรคก็ประกาศจะไม่เข้าร่วมการประชุม ซึ่งหากในวันที่ 26ธ.ค.มีการชุมนุมของคนเสื้อแดงทางรัฐบาลจะทำอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า เราประกาศอยู่ตลอดว่าเราพร้อมเข้าประชุม แต่วันที่ 7ต.ค.ได้มีความรุนแรงเกิดขึ้นในช่วงเช้า เราก็คิดว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่สมควรที่จะทำให้เกิดความรุนแรง เราก็บอกว่าเราไม่อาจที่จะข้ามกองเลือด และความเสียหายเข้าไปประชุม ไม่ได้แปลว่าทันที่มีการชุมนุมเราจะไม่ไป เหตุการณ์แตกต่างกัน และทางแกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็ได้บอกแล้วว่าเป็นการไปฟังการประชุมไม่ได้ปิดไม่ให้มีการประชุม

ส่วนที่มีกระแสข่าวการปลุกระดมคนเสื้อแดงให้เข้ามาในกรุงเทพฯนั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนก็ได้ข่าวเช่นนั้นแต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็มีหน้าที่ดูแล กระทรวงมหาดไทยก็พยายามประสานงานกันอยู่ แต่ตนเข้าใจว่าที่จะมีการเจรจาเพื่อขอร้องให้โอกาสรัฐบาลก็อาจจะมีการพูดคุยกันอยู่

รัฐบาลพร้อมแจงนโยบาย

สำหรับการอภิปรายเนื้อหานโยบายของฝ่ายค้านนั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ได้หวั่นไหวอะไร ซึ่งเนื้อหาของนโยบาย นายอภิสิทธิ์ ได้ให้คณะรัฐมนตรีเตรียมชี้แจงไว้แล้ว หากนอกเหนือไปจากนี้ก็เป็นเรื่องที่ประธานรัฐสภาจะต้องควบคุม คนที่เกี่ยวข้องก็ต้องพร้อมที่จะตอบชี้แจง ไม่มีการตั้งองค์รักษ์พิทักษ์ใคร เพราะถือว่ารัฐมนตรีจะต้องทำหน้าที่อภิปราย ตอนเราเป็นฝ่ายค้านเราก็อภิปรายมาก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจหรือไม่ที่ประธานวิปรัฐบาลจะให้เวลากับทางฝ่ายค้านมากกว่านายสาทิตย์ กล่าวว่า ได้ประสานกับนายสามารถ แก้วมีชัย ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อคืนนี้ตนบอกไปว่าที่เฉลี่ยเวลานั้นถูกต้องแล้ว เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยึดเสมอเมื่อเราเป็นฝ่านค้านขอเวลาฝ่ายค้านให้มากกว่าฝ่ายรัฐบาล ซึ่งในครั้งนี้ประธานวิปก็ได้กล่าวว่า พร้อมที่จะดำเนินการตามนั้นคือให้เวลาฝ่ายค้านมากกว่าฝ่ายรัฐบาลในการอภิปรายเพราะถือเป็นการทำหน้าที่

ปณิธานนั่งรักษาการโฆษกรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่านายนายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะมาเป็นโฆษกรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า นายปณิธาน จะเป็นรองเลขาธิการและรักษาการตำแหน่งโฆษกรัฐบาลซึ่งอาจจะเป็นยิ่งกว่าตัวจริง ส่วนตำแหน่งเลขาธิการนายกฯตัวจริงคือนายพิพนธ์ พร้อมพันธ์ สำหรับปัญหาข้อกฎหมายของการเป็นราชการที่ห้ามเล่นการเมืองนั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ยังช้าอยู่ก็เนื่องจากนายปณิธาน กำลังดำเนินการเรื่องกฎหมายระเบียบข้อบังคับ ให้ถูกต้อง ตนขอยืนยันว่าทำตามระเบียบอย่างถูกต้อง

ปณิธานรับพุทธิพงษ์ว่าที่รองโฆษก

นายปณิธาน วัฒนายากร ว่าที่รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเป็นครั้งแรก วานนี้ (26 ธ.ค.)หลังจากนายกรัฐมนตรีวางตัวให้ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยได้ทักทายกับสื่อมวลชนในห้องผู้สื่อข่าว และสำรวจที่ทำงาน ที่ตึกนารีสโมสร

นายปณิธาน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมติสั่งให้มาช่วยราชการชั่วคราว สำหรับทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ทราบว่ามี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ มาทำหน้าที่รองโฆษก อย่างไรก็ตามส่วนตัว หลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว อยากให้นักการเมืองเข้ามาทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแทนมากกว่า

วิปรัฐบาลเพิ่มเวลาอภิปรายให้ฝ่ายค้าน

นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า วิปรัฐบาลได้ปรับกรอบเวลาในการอภิปรายนโยบาย โดยเพิ่มเวลาของพรรคร่วมฝ่ายค้านจากเดิม 6 ชั่วโมง เป็น 8 ชั่วโมง เพิ่มเวลาอภิปรายของส.ว.จาก 6 ชั่วโมง เป็น 7 ชั่วโมง ขณะที่ลดเวลาอภิปรายของพรรคร่วมรัฐบาลจาก 6 ชั่วโมงเหลือ 5 ชั่วโมง และลดเวลาชี้แจงของคณะรัฐมนตรีจา ก 6 ชั่วโมงเหลือ 4 ชั่วโมง ส่วนกรอบเวลาอภิปรายนโยบายของนายกรัฐมนตรีหัวหน้าพรรคการเมืองยังคงอยู่ที่ฝ่ายละ 2 ชั่วโมง และกรอบเวลาในการอภิปรายทั้งสองวันยังคงอยู่ที่ 28 ชั่วโมง ส่วนสาเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงกรอบเวลาครั้งล่าสุดเนื่องจากส..ว.และพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ทักท้วงว่า เวลาที่จัดให้ไม่เพียงพอกับผู้อภิปรายที่แสดงความจำนงไว้ อย่างไรก็ดีวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านมีกำหนดประชุมเพื่อกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนครั้งสุดท้ายในวันที่ 29 ธ.ค. เวลา 08.00 น.

ส.ส.จัด 35 คนร่วมอภิปรายนโยบาย

ด้านนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี กรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อพิจารณากรอบเวลาในการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลของส.ว. ว่า ได้แจ้งจากที่ประชุมถึงกรอบเวลาที่ได้รับจากจัดสรรจากวิปรัฐบาลในสัดส่วนของ ส.ว.อภิปรายอยู่ที่ 7 ชั่วโมง (หรือ 420 นาที) โดยผู้อภิปรายของส.ว.จะมาจากตัวแทนของคณะกรรมาธิการสามัญของวุฒิสภา 22 คณะ และการคัดเลือกของวิปวุฒิ 10 คน ทั้งนี้หากเป็นไปตามตามจำนวนส.ว.และสัดส่วนเวลาจะมีผู้อภิปรายได้ 32 คน โดยสามารถอภิปรายคนละ 15 นาที เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ส.ว.ได้อภิปรายมากขึ้นจึงเสนอให้ลดเวลาอภิปรายต่อคนจาก 15 นาที เหลือคนละ 12 นาทีจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้อภิปรายได้อีก 3 คน ทำให้ส.ว.จะมีจำนวนผู้อภิปรายจำนวน 35 คน

ทั้งนี้ที่ประชุมมีความเห็นคล้อยตามที่ประชุม จึงเสนอให้นำรายชื่อส.ว.ที่แสดงความจำนงจะอภิปรายนอกเหนือจากคัดเลือกไว้เดิมเพิ่มเติมไปอีก 3 คน คือ นายประเสริฐ ชิตพงษ์ ส.ว.สงขลา , นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา และนายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหา ทั้งนี้การอภิปรายวิปวุฒิฯได้จัดลำดับการอภิปรายตามลำดับนโยบายของรัฐบาลเพื่อสอดคล้องกับคำแถลงนโยบาย สำหรับแนวทางในการอภิปรายที่ส.ว.จะอภิปรายเพื่อเสนอข้อแนะนำและข้อมูลที่กรรมาธิการได้ศึกษามาเพื่อนำไปประกอบการดำเนินนโยบายของรัฐบาล

พันธมิตรฯ เชื่อม็อบเสื้อแดงคนร่วมน้อย

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดง หรือ นปช. เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาในวันแถลงนโยบายนั้น น่าจะมีคนเข้าร่วมน้อยกว่าทุกครั้ง เพราะในขณะนี้ขบวนมวลชนเสื้อแดงเริ่มมีปัญหาทั้งการนำ และมวลชนพื้นฐาน เพราะแกนนำเริ่มไม่เป็นเอกภาพ เนื่องจากช่วงระยะหลังๆ การนำผูกขาดอยู่กับพิธีกรรายการความจริงวันนี้ ทำให้บทบาทของแกนนำคนอื่นหดหายไป ไม่ว่าจะเป็น นพ.เหวง โตจิราการ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ ครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และอีกหลายคนเริ่มไม่มีบทบาท

ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะแกนนำบางกลุ่มไม่ต้องการเอาขบวนการเสื้อแดงไปผูกหรือขึ้นต่อการบัญชาการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มากเกินไป เพราะยิ่งเคลื่อน ยิ่งทำให้เกิดแรงต้านจากสังคมว่าเคลื่อนไหวเพื่อคนๆ เดียว ไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทำให้แกนนำบางส่วนเริ่มหายหน้าไปจากเวที จนกระทั่งไม่เข้าร่วมเคลื่อนไหว

ส่วนมวลชนพื้นฐานเดิมที่เป็นกำลังสำคัญของคนเสื้อแดง มาจากการจัดตั้งของ ส.ส.ในขุมข่ายของนายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งมี ส.ส.และอดีต ส.ส.หลายคนเป็นแกนนำ ไม่ว่าจะเป็น นายสุทิน คลังแสง นายนิสิต สินธุไพร ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง นายธีรชัย แสนแก้ว ฯลฯ พอเปลี่ยนขั้วการเมือง คนกลุ่มนี้ก็เป็นแนวร่วมมุมกลับเกิดแรงต้านภายในของเครือข่ายคนเสื้อแดงไปโดยปริยาย จึงเป็นเรื่องยากที่จะระดมมวลชนได้มากเหมือนที่ผ่านๆ มา

มท.1ไม่กังวลเชื่อม็อบมาน้อย

นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเฝ้าจับตาดูกลุ่ม นปช.วันแถลงนโยบายว่า เชื่อว่า ผู้ชุมนุมยังมีจำนวนไม่มาก ซึ่งเป็นหน้าที่ทางตำรวจที่ได้เตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ส่วนตนไม่ได้วิตกกังกลเพราะเชื่อว่าไม่น่าจะมีเหตุรุนแรง กลุ่มผู้ที่มาชุมนุมน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าอะไรดีหรือไม่ดี ส่วนที่ว่า จังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพ ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือจังหวัดไหนนั้น ก็ได้สั่งการเพียงให้ผู้ว่าฯ รายงานทุกจังหวัด ไม่ได้เจาะจงจังหวัดไหน

ส่วนที่ กลุ่ม นปช.ประกาศจะชุมนุมไปจนกว่ารัฐบาลจะยุบสภา นายชวรัตน์กล่าวว่า ไม่น่าห่วงอะไรเพราะทุกคนรู้หน้าที่กันอยู่แล้ว ว่าจะไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ไม่ได้ห้ามการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย แต่ขอให้ชุมนุมอยู่ในวินัยที่เรารับได้ ถ้าเป็นการชุมนุมถูกต้อง เราให้ความสนับสนุนด้วย ส่วนกรณีหากวันแถลงนโยบายไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้จะมีการเปลี่ยนวาระการประชุมหรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกทีเป็นเรื่องที่ประธานสภาจะต้องวินิจฉัย และจะมีการประเมินครั้งสุดท้ายว่าควรจะมีการเปลี่ยนสถานที่ประชุมหรือไม่ เมื่อใกล้ๆช่วงเวลาประชุม

บุญจงหวั่นม็อบปิดถนนไม่หวั่นเสื้อแดง

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย (มท.2) กล่าว ว่า ได้มีการประชุมหารือทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่บางจังหวัดแล้ว แต่ทั้งนี้การเคลื่อนไหวมีหลายปัจจัยเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เช่นสินค้าราคาเกษตรที่มีปัญหาในหลายจังหวัด อาทิ ปัญหามันสำปะหลัง ที่ จ.นครราชสีมา ดังนั้น ตนจึงมีการสั่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะส่วนงานของกระทรวงมหาดไทย เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของประชาชนเป็นระยะๆ พร้อมทั้งรายงานให้ทางจังหวัดทราบ เพื่อเข้าไปแก้ปัญหาก่อนที่ประชาชนจะเคลื่อนไหวประท้วง หรือ ปิดถนน

ส่วนการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม นปช.ในวันที่ 28 ธ.ค.นี้นั้น นายบุญจง กล่าวว่า จากที่ติดตามดู มีความเชื่อมั่นว่า ประชาชนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นรู้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้เป็นอย่างไร มั่นใจว่าประชาชนที่ร่วมชุมนุมจะเคารพในข้อกฎหมาย เหตุการณ์คงไม่มีปัญหาอะไร และไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปเจารากับแกนนำ

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะมีประชาชนเสื้อแดงออกมาชุมนุมมากเนื่องจากกลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่สามารถควบคุมได้แล้ว นายบุญจง กล่าวว่า วันนี้ไม่มีใครควบคุมคนสวมเสื้อแดงได้ เพราะเป็นเสรีภาพ ถ้าจะมาก็ไม่ได้ว่า เพียงแต่เราต้องติดตามดูเพื่ออำนวยความสะดวกเพราะหากมีผู้ชุมนุมเยอะจะบริการห้องน้ำ เมื่อถามว่าหากมีการชุมนุมล้อมสภาฯ จะเลื่อนการแถลงนโยบายหรือไม่ วันนี้รัฐบาลยังไม่ได้บอกว่าจะเลื่อน แต่ถ้ามีเหตุการณ์ที่ดูแล้วควรจะเลื่อน คิดว่ารัฐบาลคงจะตัดสินใจได้ ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลเป็นรัฐบาลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแต่งตั้งมา เมื่อประชาชนมาแสดงออกรัฐบาลก็จะรับฟัง เหตุรุนแรงมั่นใจว่าจะไม่มี เพราะเจตนาของรัฐบาลไม่มีความคิดในเรื่องนั้น และกระทรวงมหาดไทยก็เข้าไปดูแลปัญหาอย่างใกล้ชิด

เตือนระวังอาจใช้ความรุนแรง

นายสุริยะใส เตือนว่า เมื่อมวลชนมากันน้อย จึงอาจจะเลือกใช้วิธีกดดันรุนแรง เหมือนกับช่วงเปิดสภาฯ ตอนโหวตนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ก็มากันไม่กี่ร้อย แต่เน้นความรุนแรงและก่อจลาจล ตรงนี้ทั้งแกนนำและเจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวัง แม้การชุมนุมโดยสันติ จะเป็นสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องระวังพวกฮาร์ดคอร์ ที่อยู่ส่วนหน้าเพราะเคยปฏิบัติการหน้าบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มาแล้ว อาจจะทำให้มวลชนที่มาโดยสุจริต กลายเป็นเหยื่อได้ในที่สุด เป็นเรื่องที่ดีที่นายกฯ แนะให้ทั้งแกนนำ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เอากรณีเหตุการณ์ 7 ตุลาฯเป็นบทเรียน

ที่สำคัญข้อเรียกร้องเรื่องยุบสภา ในขณะที่รัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบายเลยนั้น ไม่เป็นเหตุเป็นผล อย่างน้อยก็ควรให้รัฐบาลนี้พิสูจน์ฝีมือซัก 2-3 เดือนน่าจะดีกว่า ในช่วงพันธมิตรฯ ต้านรัฐบาลนายสมัคร สนุทรเวช พันธมิตรฯ ก็รู้ทั้งรู้ว่าเป็นรัฐบาลนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เราให้โอกาสบริหารงาน 4 เดือน จึงออกมาเคลื่อนไหว

ที่สำคัญในช่วงรัฐบาลนอมินีมีอำนาจในยุคนายสมัคร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ สังคมเรียกร้องให้ยุบสภาฯ แต่รัฐบาลกลับไม่ยุบสภา พอเปลี่ยนขั้วอำนาจ จะมาเสนอยุบสภาจึงเป็นข้อเสนอที่มีความชอบธรรมต่ำมาก

กองทัพปัดส่งทหารสกัดกลุ่มคนเสื้อแดง

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่ากองทัพไม่ได้ส่งกำลังทหารออกไปสกัดกั้นการเคลื่อนของกลุ่ม นปช.ตามพื้นที่ต่างๆ พร้อมย้ำจุดยืนในความเป็นกลางของกองทัพไม่ฝักใฝฝ่ายใด ขณะเดียวกัน กองทัพยังไม่ได้รับหนังสือ ขอกำลังสนุนให้ไปช่วยดูแลความเรียบร้อยบริเวณหน้ารัฐสภา ในระหว่างวันที่ 29-30 ธันวาคม ที่มีการแถลงนโยบายรัฐบาล จากนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากมีหนังสือมาจริง กองทัพยังดำเนินการตามแผนเดิม คือ เตรียมพร้อมอยู่ในหน่วยที่ตั้ง โดยเบื้องต้นต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โฆษกกองทัพบกยังกล่าวด้วยว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่ได้สั่งกำชับอะไรเป็นพิเศษ หลังถูกจับตาว่าทหารอยู่เบื้องหลังของรัฐบาลชุดนี้

"จตุพร"ซัดใครไม่มาร่วมถือเป็นเสื่อแดงทรยศ

ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และแกนนำ นปช. ร่วมแถลงข่าว เตรียมความพร้อมการชุมนุมวันที่28 ธ.ค.รวมทั้งเตรียมเปิดข้อมูลสำคัญโจมตีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและพรรคประชาธิปัตย์

นายจตุพรกล่าวว่า การนัดชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงวันที่ 28 ธ.ค.ที่ท้องสนามหลวงและอาจจะไปปิดล้อมสภาในวันที่29-30ธ.ค.วันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่ผ่านมาจะเห็นปรากฎการณ์รัฐบาลพยายามใข้กลไกลเดียวกับที่ คมช.เคยใช้ในการสกัดกั้นคนที่จะมาร่วมชุมนุม ช่วงนี้นอกจากจะมีแบ็งค์หนึ่งพันปลอมแล้ว ยังมีพวกแดงปลอมเป็นพวกแดงทรยศอีกด้วย ที่ไปบอกว่าจะไม่มาร่วมชุมนุมด้วยทั้งที่เราก็ไม่เคยไปชวนให้มาชุมนุมเหมือนกัน เพราะฉะนั้นพวกใจทรยศจะไร้ค่า เราไม่เคยบอกจะให้ใครมาหรือไม่มา ดังนั้นการชุมนุมวันที่28-30ธ.ค.หากมีการใช้ความรุนแรง ใช้กำลังปราบปรามก็เชิญเลย ถ้าทำเท่ากับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ สิ้นสุดลงทันที หากอยากท้าทายเสียงสวรรค์ก็เชิญ

นายจตุพรกล่าวว่า การที่รัฐมนตรีกระจงหลงทาง กระจงซึ่งเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่นักการเมืงกลุ่ม 16 เคยจับได้แถวๆจ.ภูเก็ต ขอบอกว่ารัฐมนตรีกระจง ยิ่งตั้งด่านสกัดมากเท่าไหร่ประชาชนยิ่งจะต่อต้าน ไม่มีทางไปสกัดคนเสื้อแดงได้หากทำได้ต้องไปล็อกประตูบ้านคนเสื้อแดงทุกคน

นายจตุพรกล่าวว่า การที่พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้นานเพราะไม่มีทหารเข้ามาป่วนเท่ากับรับสารภาพว่ารัฐบาลนี้สมคบคิดกับทหาร เป็นรัฐบาลภายใต้การกำกับของทหาร นอกจากนี้นโยบายของนายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เคยกล่าวหาว่าเป็นประชานิยม แต่วันนี้นายอภิสิทธิ์ก็ทำตามนโยบายสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งหมด แต่นโยบายที่ไปลอกเขามาถึงอย่างไรก็สู้ต้นฉบับไม่ได้

"นักเขียนที่ใช้ความคิดประกวดงานเขียน เรียกว่างานซีไรท์แต่นายอภิสิทธิ์กำลังจะได้รับ ฉายามาร์คซีร็อกซ์ ที่ไปก็อปปี้นโยบายพ.ต.ท.ทักษิณ มาทั้งหมด"

นายจตุพร กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ยังพยายามสร้างภาพเดินทางไปรับประทานอาหารที่ร้านค้าสวัสดิการทหารบก ตรงข้ามพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่สามารถลบภาพที่นายอภิสิทธิ์หนีทหารได้ รวมทั้งกรณีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ทำหนังสือเรียกร้องให้ออกกฎหมายคุ้มครองอย่าให้ใครเข้ามายึดสนามบิน ทั้งที่ในอดีตตัวเองเคยมีพฤติการณ์ร่วมชุมนุมพันธมิตรฯเป็นผู้ก่อการร้ายยึดสนามบินสุวรรณภูมิ รัฐบาลนี้กำลังเฉลี่ยความชิงชัง มีนายกฯเป็นคนหนีทหาร มีรัฐมนตรีเป็นผู้ก่อการร้ายยึดสนามบิน

โหมโปรโมทมีหลักฐานเด็ดแฉ ปชป.

นายจตุพรกล่าวอีกว่า ในวันที่28ธ.ค.ยังจะมีการเปิดเผยข้อมูลที่นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เคยอภิปรายถึงกรณีการที่บริษัท ทีพีไอ สร้างหลักฐานเท็จ โดยการตั้งบริษัทประชาสัมพันธ์บริษัทหนึ่งที่เคยมีงานมีรายรับไม่กี่ล้านบาท จากนั้นมีการโอนเงินให้พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ จะเห็นได้ว่าเป็นขบวนการที่เลวทรามต่ำช้า ที่ผ่านมานายสุนัยเคยอภิปรายในสภาส.ส.ประชาธิปัตย์ ต่างเรียกร้องให้นำหลักฐานมาเปิดเผยพอส่งให้ส.ส.ปชป.กลับเงียบกริบทุกคน ทั้งนี้หลักฐานเป็นสลิปเงิน การจ่ายเงินมีชัดเจนซึ่งตรงนี้จะหลบเลี่ยงไม่ได้

นายณัฐวุฒิกล่าวว่าในวันที่28ธ.ค.จะมีการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนเชิงลึกถึงตัวละครแต่ละตัวต่อสาธารณชน ขอเรียนเชิญชาวเสื้อแดงและเสื้อไม่แดงหากต้องการรู้ความจริงว่าเงิน 200-300ล้านบาทไหลเข้าพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร มีการแจ้งให้กกต.ทราบหรือไม่ อยากให้มาติดตามฟังในวันดังกล่าว และที่น่าสนใจกว่านั้นก่อนที่จะมีการแจกจ่ายเงินนอกระบบ ในพรรคประชาธิปัตย์น่าจะมีการจิ๊กเงินกันเองอีกด้วย ซึ่งหนักกว่าการยักยอกเก้าอี้รัฐมนตรีไปให้นายทุนและทหารเสียอีก ทั้งนี้หากมีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้อยากให้รมว.สาธารณสุข อยู่ใกล้ๆกับนายอภิสิทธิ์ด้วย เพราะฟังแล้วคงจะเป็นลม จะได้เตรียมหาหยูกหายาเอาไว้ให้ แต่ที่พูดไม่ได้หมายความว่ารมว.สาธารณสุขหรือคนใกล้ชิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ดีการชุมนุมวันดังกล่าวจะเป็นไปอย่างสงบสันติ ปราศจากอาวุธ และขอให้รัฐมนตรีแต่ละคนเร่งทำงาน ให้ขยันสัมภาษณ์ถึงการชุมนุมให้มากๆเพราะจะยิ่งเป็นการเชียร์แจก ยิ่งทำยิ่งคนมาเยอะเราต้องการคนเชียร์แขก

ส่วนที่มีการแฉว่าคนชื่อดิ่งที่มีการระบุว่าเป็นคนชักชวนแกนนำชาวบ้านไปเก็บตัว จ.อยุธยาในวันที่ 27ธ.ค. เพื่อไม่ให้เดินทางมาร่วมชุมนุมที่ท้องสนามหลวงนั้น ว่า นายณัฐวุฒิและนายจตุพร ร่วมกันชี้แจงว่า ต้องไปถามนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทยว่ารู้จักหรือไม่ แต่ยืนยันว่าบุคคลๆนี้มีตัวตนจริง มีความพยายามเชิญชวนแกนนำชาวบ้านไปเก็บตัวจ.อยุธยา เพื่อไม่ให้มาร่วมชุมนุมที่ท้องสนามหลวง หรือไปย้อนดูข่าวเก่า ไปดูข่าวสมัยปิดล้อมสำนักข่าวเนชั่น รู้สึกจะมีการพูดถึงคนๆนี้ด้วย

ทีพีไอปัดให้เงิน ปชป.ขู่ใครแฉเจอฟ้อง

ด้านนายศิลปิน บูรณศิลปิน รองผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ บริษัท ทีพีไอ โพลิน จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์พาดพิงว่า บริษัท ทีพีไอ โพลีนฯ ให้การสนับสนุนเงินกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า ทางบริษัทขอปฎิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยข้อเท็จจริงแล้ว บริษัทได้ว่างจ้างบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เพืทอทำงานสร้างภาพพจน์และการโฆษณาสินค้าตามปกติ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างปี 2547-2548

การที่นายณัฐวุฒิ กล่าวหาบริษัทฯ จ่ายเงินให้กับพรรคประชาธิปัตย์ดังกล่าว ถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ดูเหมิ่นเหยียดหยามบริษัทฯ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบริษัทอย่างร้ายแรง ดังนั้นหากนายณัฐวุฒิ หรือ ส.ส.คนใดนำเรื่องนี้ไปอภิปรายในสภาฯ หรือเผยแพร่สู่สาธารณชนทางอื่นใดก็ตาม บริษัทจะฟ้องร้องค่าเสียหายทางแพ่งและอาญาต่อไป

เพื่อไทยให้สิทธิ"เสนาะ"อภิปรายเต็มที่

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ส.ส.ของพรรครวมทั้งตัวแทนพรรคเพื่อแผ่นดินคือนายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน มาร่วมประชุมในเรื่องการแถลงนโยบายรัฐบาลด้วย โดยวันนี้พรรคได้เชิญนักวิชาการมาร่วมวิพากษ์นโยบายรัฐบาลให้ส.ส.รับฟังเพื่อให้มีความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาล โดยการอภิปรายนั้นจะมี 2 พรรคครึ่งและส่วนหนึ่งคือ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาราช พรรคเพื่อแผ่นดินครึ่งหนึ่ง โดยส่วนหนึ่งคือพรรครวมใจไทยฯ1คน

ส่วนหัวหน้าทีมการอภิปรายนโยยายแต่ละด้านนั้น ได้เตรียมไว้แล้วแต่ไม่ขอเปิดเผยในตอนนี้ ส่วนสิทธิการอภิปรายนั้นพรรคจะให้นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชใช้สิทธินี้เต็มท่ในฐานะผู้อาวุโส ตนนั้นก็ได้อภิปรายเยอะหน่อย ส่วนคนอื่นๆจะเฉลี่ยเวลากันตามที่นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา จะจัดสรรให้ตามความเหมาะสม หากพอก็พอ หากไม่พอก็ไปเจรจากับรัฐบาล ส่วนบุคคลที่จะอภิปรายต่อจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกฯหลังแถลงเสร็จแล้วนั้นขอไม่บอกในตอนนี้แต่ยืนยันว่าให้เวลาอภิปรายเต็มที่

"ตนไม่คิดว่าเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ไปหาเสียงเช่นการแก้ไขปัญหาจราจรและเมกะโปรเจกต์ หรือนโยบายความมั่นคงและสังคมเช่นการปราบยาเสพติดนั้น พรรคประชาธิปัตย์กลับไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนในการแก้ไขเรื่องราวเหล่านี้เลยและนึกไม่ถึงว่าทำไมจึงคิดเเบบนั้นไปได้"ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

เน้นอภิปรายจริยธรรมรัฐบาล

นายวิทยากล่าวเสริมว่า ฝ่ายค้านได้เวลา 18ชั่วโมง ตอนนี้พรรคเพื่อแผ่นดินขอ 2 ชั่วโมง มีผู้อภิปราย 9คน เช่นพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นายนัจมุดดีน อูมา นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ นายสมเกียรติ เป็นต้น ส่วนพรรคประชาราชและตัวแทนจากพรรครวมใจไทยฯยังไม่แจ้งเข้ามาว่าจะใช้เวลาเท่าใด แต่เวลาที่เหลือจะเป็นของพรรคเพื่อไทย พรรคจัดทีมเตียมอภิปรายแล้วในทุกด้าน โดยจะเน้นเรื่องจริยธรรมนักการเมืองเพราะนโยบายนั้นจะปฏิบัติไม่ได้หากที่มาของนายกฯและครม.ไร้จริยธรรม ที่จะบริหารงานบ้านเมืองไม่ได้ ที่มาของนายกฯและครม.ไม่ชอบมาพากล พรรคประชาธิปัตย์บอกว่ารักษาประชาธิปไตย 60กว่าปีแต่ครั้งนี้มันแตกต่างจากเดิมคือไม่น่าเป็นไปได้และไม่ชอบธรรม ส่วนครม.นั้น รัฐมนตรีบางคนก็มาจากพันธมิตรฯก็ไม่ไว้วางใจว่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้ บางคนก็มีที่มาแบบเอื้อประโยชน์กัน

นายวิทยากล่าวว่า ส่วนนโยบายรัฐบาลชุดนี้ก็ล้อมาจากพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนโดยแทบไม่มีความแตกต่าง หลายเรื่องไม่มีคำตอบ เช่นการกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศจากผลกระทบการยึดสนามบินของผู้ก่อการร้ายและความสูญเสียการท่องเที่ยวที่ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม หรือทำได้ยาก โดยประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่กับประชาชน แต่อาจไปตกอยู่กับคนบางคนเท่านั้น

"เพื่อไทย"วางตัวคนชำแหละนโยบาย

ด้าน นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ ว่าที่รต.สุเมธ ฤทธาคนี ส.ส.ปทุมธานี ร่วมแถลงข่าวการเตรียมความพร้อมอภิปรายในวันรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29-30 ธ.ค.

นายประชากล่าวว่าที่ประชุมได้สรุปแนวทางการทำหน้าที่ฝ่ายค้านรวมทั้งการเตรียมอภิปรายในวันที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่29-30ธ.ค.โดยมีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ทำหน้าที่หัวหน้าทีมอภิปราย ขอตั้งข้อสังเกตุว่านโยบายฯที่รัฐบาลจะแถลงนั้นเป็นนโยบายที่รัฐบาลประชาธิปัตย์เคยบอกมาเสมอว่ามีปัญหาใช้งบประมาณมากเป็นการตำน้ำพริละลายแม่น้ำ แต่วันนี้พรรคประชาธิปัตย์กลับนำโยบายดังกล่าวมาตัดแปะเหมือนเป็นการรีไซเคิล แต่ก็ไม่ได้บอกว่านโยบายดังกล่าวจะมีวิธีการขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติได้จริงหรือไม่ ไม่ทราบว่ารัฐบาลนี้มีวิธีการหาเงินเข้าประเทศได้จริงหรือไม่

นายสุรพงษ์กล่าวว่า นายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เชียงราย นายวาสิต พยัคฆบุตร ส.ส.ลำปาง นางนันทนา ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย ขอใช้เอกสิทธิ์ส.ส.ไม่เข้าร่วมรับฟังการแถลงนโยบายฯ เนื่องจากรับไม่ได้กับการปล้นประชาธิปไตยกับการได้เป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่อยากรับฟังให้ระคายเคืองหูจึงไม่เข้าร่วมสังฆกรรม ซึ่งทีมเตรียมข้อมูลอภิปรายก็จะมีการอภิปรายตามปกติ เราจะไม่ใช้วิธีการบอยคอตแน่นอน

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ขอเลื่อนการเดินทางไปยื่นเรื่องต่อศาลสอบสวนกรณีเอสเอมเอส ของนายอภิสิทธิ์ เนื่องจากต้องการทำสำนวนให้ชัดเจนและยังมีเอกสารหลักฐานต่างๆอีกมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงท้ายของการแถลงข่าวนายสุรพงษ์ยังโชว์รูปภาพการ์ตูนล้อเลียน อ้างว่าเป็นหนังสือพิมพ์ประเทศลาว ซึ่งรูปภาพได้ล้อเลียนนายอภิสิทธิ์ กระโดดข้าวหัวเพื่อนโดยมีทหารคอยสนับสนุน ให้ได้มาเป็นรัฐบาล พร้อมทั้งบอกว่ารับไม่ได้ อายประเทศเพื่อนบ้าน ล้อเลียนการได้มาเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์
กำลังโหลดความคิดเห็น