แทบไม่น่าเชื่อว่าคนอย่าง นพดล ปัทมะ ที่เคยถูกฝังลงหลุมแล้ว จะกล้าเผยอหน้าขึ้นมาอยู่ในสังคมได้อีกครั้ง จากคนที่เคยตกเป็นจำเลยในข้อหา “ขายชาติ” จนต้องหลบหน้าหลบตาสังคมแทบจะมุดรูหนี แต่มาวันนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะคนๆ เดียวกันนี้จากเดิมที่มีแต่ก้อนอิฐระดมเข้าใส่ไม่ยั้ง มีแต่เสียงด่ากันขรม แต่กลับกลายเป็นว่าอยู่ดีๆก็โผล่ออกมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สอนมารยาท สอนจริยธรรมคนอื่นหน้าตาเฉย
อาการแปลกๆที่เกิดขึ้นหากสังเกตให้ดีมันย่อมมีที่มาที่ไปแน่
ก่อนอื่นต้องย้อนแบ็กกราวด์หมาดๆของ นพดล ปัทมะ ที่ผันตัวเองจากทนายส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในชั่วข้ามคืน เหมือนรับใบสั่งมาทำ “ภารกิจพิเศษให้นาย”
น่าสังเกตก็คือหลังรับตำแหน่งไม่นานก็บินไปฮ่องกงเพื่อนำพาสปอร์ตเล่มแดงซึ่งถูกริบมาในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เอาไปคืนให้อย่างพินอบพิเทา
แต่ประเด็นสำคัญทำให้สังคมต้องชิงชังรังเกียจก็คือมีบทบาทสำคัญในการออกแถลงการณ์ร่วม ยอมให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารแต่เพียงฝ่ายเดียว ไฟเขียวให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกหน้าตาเฉย ทั้งที่ในอดีตไม่เคยมีรัฐบาลไหนเคยยอมรับแบบนี้มาก่อน
แต่ที่เป็นปมปริศนาก็คือการลงนามครั้งนี้ได้ถูกสังคมจับได้ว่าทำไปเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางธุรกิจของ “นายหน้าเหลี่ยม” เท่านั้น
เพราะนี่คือพฤติกรรม “ขายชาติ” จนเวลาต่อมาศาลปกครองได้สั่งระงับการลงนามในแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญก็พิพากษาว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพราะเป็นสนธิสัญญาที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอาณาเขต จะลงนามโดยพลการ โดยไม่ผ่านรัฐสภาไม่ได้
เวลานี้คดีกำลังอยู่รอถูกเชือดในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล สมัครสุนทรเวช ไม่รู้ว่าจะรอดคุกหรือไม่
เมื่อคนอย่าง นพดล โผล่หน้าออกมาในช่วงชุลมุนแบบนี้รับรองว่ามันต้องมีเป้าหมายไม่ธรรมดาแน่
เพราะล่าสุดในระหว่างการแถลงเขาได้ประกาศชัดเจนว่าจะชงข้อมูลเฉพาะประเด็นปราสาทพระวิหารให้บุคคลในพรรค เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ จตุพร พรหมพันธุ์ เป็นผู้อภิปรายถล่มรัฐบาลวันแถลงนโยบาย พุ่งเป้าโจมตี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ กษิต ภิรมย์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นหลัก
พร้อมทั้งยังลอยหน้าลอยตา สั่งสอนจริยธรรม และความซื่อสัตย์ต่อคำพูดไล่หลังไปด้วย
ดังนั้นถ้าพิจารณากันแบบรู้ทันแล้วไม่ใช่เรื่องแปลก ต้องออกมาในรูปนี้แน่นอน เพราะถ้าจะถล่มก็ต้องพุ่งไปที่ระดับตัว “ขุน” กับ “โคน” ก่อน ส่วนจะสำเร็จหรือเปล่านั้นค่อยมาว่ากันอีกที
ขณะเดียวกันเมื่อปะติดปะต่อความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ มาประกอบ ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดว่าเป้าหมายไม่ได้เปลี่ยน เพราะมีผลต่อชะตากรรมในอนาคตของ นายใหญ่-หน้าเหลี่ยม
เมื่อเดิมพันได้เสียแบบนี้มันก็ต้องทำทุกทาง แม้ว่าจะถ้าดูรูปมวยแล้วอาจยังเปะปะมั่วชั่ว แต่เมื่อมีโอกาสก็ต้องเตะตัดขาทำลายจังหวะเอาไว้ก่อน
เพราะถ้าขืนทอดเวลา ปล่อยให้นานไป ยุ่งแน่ !!