นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลง วานนี้ (11 ธ.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา และสมาชิก ส.ว. รวม 24 คน ยื่นเรื่องให้นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สิ้นสุดลง จะมีผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลงไปด้วยหรือไม่ และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี จะสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 ธันวาคม ได้หรือไม่ โดยอาศัยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคสาม ประกอบมาตรา 91
นายไพบูลย์ กล่าวว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้เห็นคำร้องแล้ว จึงได้นัดให้มีการพิจารณาคำร้องดังกล่าวในวันอังคารที่ 16 ธันวาคม 2551 เวลา 09.30 น. โดยจะเป็นการพิจารณาขอบเขตของ ส.ว.สรรหาว่า สามารถยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยได้หรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการวินิจฉัยได้หรือไม่ก่อน ส่วนประเด็นที่ต้องมีการตีความ ต้องขึ้นอยู่กับองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้พิจารณา
ส่วนกรณีที่กลุ่ม ส.ว.ดังกล่าวได้ขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นสมาชิกภาพของ ส.ส.สัดส่วนที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าว ทางประธานวุฒิสภาส่งความเห็นแนบมาว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 91 ไม่ให้สิทธิ ส.ว. เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของ ส.ส. ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ จึงได้ยกประเด็นดังกล่าวออกไปจากการพิจารณา
ส่วนกรณีรักษาการนายกรัฐมนตรีจะสามารถยุบสภาได้หรือไม่ รวมทั้งกรณี ส.ส.สัดส่วน ของพรรคที่ถูกยุบ จะสามารถย้ายพรรคได้หรือไม่นั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคมีความชัดเจนในตัวแล้ว ที่ให้เพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีกับหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ดังนั้น ในประเด็นดังกล่าว จึงเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเป็นผู้วินิจฉัย โดยอาศัยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่เบื้องต้นยังไม่มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ศาล จึงไม่สามารถให้รายละเอียดได้
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ยังยืนยันว่า ผู้ที่มีอำนาจชี้ขาดเรื่องสมาชิกภาพของ ส.ส.สัดส่วน ของพรรคการเมืองที่ถุกยุบ น่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ แม้นายทะเบียนพรรคการเมืองจะมีอำนาจในการพิจารณา แต่ก็จะต้องนำเข้าที่ประชุม กกต. ซึ่งจะเร่งพิจารณา เพราะมีผู้ยื่นคำร้องมาที่ กกต. อีกทั้งจะมีการประชุมสภาฯ เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 15 ต.ค.นี้
นายอภิชาต ยังให้สัมภาษณ์ แสดงความไม่พอใจ ที่สื่อมวลชน เสนอข่าวว่าตน ให้สัมภาษณ์ว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัรฐมนตรี และนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ควรปฎิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะจะก่อให้เกิดความ เสียหายกับประเทศชาติ โดยยืนยันว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์ลักษณะดังกล่าว และจะถอดเทปคำให้สัมภาษณ์แจกสื่อมวลชน
เรื่องสถานภาพการดำรงตำแหน่งของนายชวรัตน์ และนายชัย เป็นหน้าที่ของ ศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัย ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. และในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็จะไม่เป็นผู้ชี้ชัดในเรื่องสถานภาพ ตามที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ร้องไปก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน นพ.เหวง โตจิราการ คณะกรรมการประชาชนแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมด้วย นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้ายื่นหนังสือถึง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ผ่าน น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รักษาการรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
หนังสือดังกล่าวเรียกร้องให้นายชวรัตน์ ตรา พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร คืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้ง ส.ส.และนายกรัฐมนตรี คนใหม่ เข้ามาบริหารประเทศ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 108 เพราะการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้สร้างความสับสนวุ่นวายในกลุ่ม ส.ส. มีการเปลี่ยนขั้ว แย่งชิงผลประโยชน์ของกลุ่มการเมืองต่างๆ อีกทั้งมีข่าวนายทหารผู้ใหญ่ในกองทัพอยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งผิดหลักการของระบอบประชาธิปไตย
นพ.เหวง กล่าวว่า ท่าทีของการปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ที่นิ่งเฉยลังเลต่อการยุบสภา ทำให้ทุกฝ่ายไม่สบายใจว่า อาจถูกครอบงำจากบางพวก ดังนั้น การยุบสภาจะเป็นทางออก ในการคลี่คลายวิกฤติการเมือง ลดความขัดแย้งได้ดีที่สุด โดยได้หารือนักกฎหมายหลายคนแล้ว ยืนยันว่าสามารถยุบสภาได้
นพ.เหวง ยืนยันว่า หากมีการเปิดประชุมสภาฯ เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี คนใหม่ นปช.จะไม่ไปปิดล้อมรัฐสภา เหมือนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำ แต่จะมีการหารืออีกครั้งว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร เพราะการเคลื่อนไหว ของ นปช.อยู่ภายใต้กฎหมาย และต้องการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ตามครรลองของประชาธิปไตย
ขณะที่ นายวิภูแถลง กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง นปช.กับกลุ่มเพื่อนเนวิน ขณะนี้ว่าความสัมพันธ์เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล และส่วนตัวไม่ได้รังเกียจนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน เพียงแต่เห็นว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาชนต้องการเลือกพรรคพลังประชาชน แต่เมื่อมีการยุบพรรค ก็ไม่ควรไปร่วมกับพรรคคู่แข่ง เพราะไม่ถูกต้องและไม่สง่างาม
นายไพบูลย์ กล่าวว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้เห็นคำร้องแล้ว จึงได้นัดให้มีการพิจารณาคำร้องดังกล่าวในวันอังคารที่ 16 ธันวาคม 2551 เวลา 09.30 น. โดยจะเป็นการพิจารณาขอบเขตของ ส.ว.สรรหาว่า สามารถยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยได้หรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการวินิจฉัยได้หรือไม่ก่อน ส่วนประเด็นที่ต้องมีการตีความ ต้องขึ้นอยู่กับองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้พิจารณา
ส่วนกรณีที่กลุ่ม ส.ว.ดังกล่าวได้ขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นสมาชิกภาพของ ส.ส.สัดส่วนที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าว ทางประธานวุฒิสภาส่งความเห็นแนบมาว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 91 ไม่ให้สิทธิ ส.ว. เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของ ส.ส. ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ จึงได้ยกประเด็นดังกล่าวออกไปจากการพิจารณา
ส่วนกรณีรักษาการนายกรัฐมนตรีจะสามารถยุบสภาได้หรือไม่ รวมทั้งกรณี ส.ส.สัดส่วน ของพรรคที่ถูกยุบ จะสามารถย้ายพรรคได้หรือไม่นั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคมีความชัดเจนในตัวแล้ว ที่ให้เพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีกับหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ดังนั้น ในประเด็นดังกล่าว จึงเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเป็นผู้วินิจฉัย โดยอาศัยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่เบื้องต้นยังไม่มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ศาล จึงไม่สามารถให้รายละเอียดได้
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ยังยืนยันว่า ผู้ที่มีอำนาจชี้ขาดเรื่องสมาชิกภาพของ ส.ส.สัดส่วน ของพรรคการเมืองที่ถุกยุบ น่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ แม้นายทะเบียนพรรคการเมืองจะมีอำนาจในการพิจารณา แต่ก็จะต้องนำเข้าที่ประชุม กกต. ซึ่งจะเร่งพิจารณา เพราะมีผู้ยื่นคำร้องมาที่ กกต. อีกทั้งจะมีการประชุมสภาฯ เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 15 ต.ค.นี้
นายอภิชาต ยังให้สัมภาษณ์ แสดงความไม่พอใจ ที่สื่อมวลชน เสนอข่าวว่าตน ให้สัมภาษณ์ว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัรฐมนตรี และนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ควรปฎิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะจะก่อให้เกิดความ เสียหายกับประเทศชาติ โดยยืนยันว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์ลักษณะดังกล่าว และจะถอดเทปคำให้สัมภาษณ์แจกสื่อมวลชน
เรื่องสถานภาพการดำรงตำแหน่งของนายชวรัตน์ และนายชัย เป็นหน้าที่ของ ศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัย ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. และในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็จะไม่เป็นผู้ชี้ชัดในเรื่องสถานภาพ ตามที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ร้องไปก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน นพ.เหวง โตจิราการ คณะกรรมการประชาชนแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมด้วย นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้ายื่นหนังสือถึง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ผ่าน น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รักษาการรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
หนังสือดังกล่าวเรียกร้องให้นายชวรัตน์ ตรา พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร คืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้ง ส.ส.และนายกรัฐมนตรี คนใหม่ เข้ามาบริหารประเทศ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 108 เพราะการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้สร้างความสับสนวุ่นวายในกลุ่ม ส.ส. มีการเปลี่ยนขั้ว แย่งชิงผลประโยชน์ของกลุ่มการเมืองต่างๆ อีกทั้งมีข่าวนายทหารผู้ใหญ่ในกองทัพอยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งผิดหลักการของระบอบประชาธิปไตย
นพ.เหวง กล่าวว่า ท่าทีของการปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ที่นิ่งเฉยลังเลต่อการยุบสภา ทำให้ทุกฝ่ายไม่สบายใจว่า อาจถูกครอบงำจากบางพวก ดังนั้น การยุบสภาจะเป็นทางออก ในการคลี่คลายวิกฤติการเมือง ลดความขัดแย้งได้ดีที่สุด โดยได้หารือนักกฎหมายหลายคนแล้ว ยืนยันว่าสามารถยุบสภาได้
นพ.เหวง ยืนยันว่า หากมีการเปิดประชุมสภาฯ เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี คนใหม่ นปช.จะไม่ไปปิดล้อมรัฐสภา เหมือนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำ แต่จะมีการหารืออีกครั้งว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร เพราะการเคลื่อนไหว ของ นปช.อยู่ภายใต้กฎหมาย และต้องการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ตามครรลองของประชาธิปไตย
ขณะที่ นายวิภูแถลง กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง นปช.กับกลุ่มเพื่อนเนวิน ขณะนี้ว่าความสัมพันธ์เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล และส่วนตัวไม่ได้รังเกียจนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน เพียงแต่เห็นว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาชนต้องการเลือกพรรคพลังประชาชน แต่เมื่อมีการยุบพรรค ก็ไม่ควรไปร่วมกับพรรคคู่แข่ง เพราะไม่ถูกต้องและไม่สง่างาม
