แทบไม่น่าเชื่อว่า “ปี 2551-ปีชวด-ปี 2008” กำลังจะผ่านพ้นไป เหลืออีกเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น “ปีใหม่ 2552-ปี 2009-ปีฉลู” คืบคลานมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ต้องเรียกขานว่า วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว “เหมือนติดปีกบิน!”
เหตุการณ์ตลอดปี 2551 เกิดขึ้นอย่างมากมาย ทั้งทางด้านสังคม การเมือง เศรษฐกิจ ซึ่งล้วนเป็นเหตุการณ์ที่ต้องยอมรับว่า “ชาติบ้านเมืองไร้ความสงบ!” อย่างสิ้นเชิง
ปี 2551 เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ทางการเมือง เริ่มตั้งแต่เพียงหนึ่งปี ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีถึง 4 คน เริ่มตั้งแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ส่งไม้ต่อให้หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (อดีต) คุณสมัคร สุนทรเวช แต่อยู่ได้เพียงประมาณ 6-7 เดือน ก็ “ถูกสอย” ออกจากตำแหน่ง ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความผิด ในกรณีดำเนินรายการ “ชิมไปบ่นไป!” แต่ที่สำคัญคือ “ถูกหักหลัง” จากสมาชิกพรรคกันเอง ไม่ให้หวนกลับสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และต่อมา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยคุณทักษิณ ชินวัตร ขึ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยึดคืนมาให้สมาชิกในครอบครัว “ชินวัตร”
ทั้งคุณสมัคร และคุณสมชาย ต่างถูก “ต่อต้าน-ประท้วง” จาก “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)” ซึ่งเป็นกลุ่มที่โค่นล้มคุณทักษิณ ชินวัตร หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ และไม่สำคัญเท่ากับว่า ทั้งคุณสมัคร สุนทรเวช และคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ถูก “ปลิดทิ้ง!” จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน เพียงแต่ “วิธีการ” และ “การโค่น-การยึดอำนาจ” นั้น “ซ่อนเงื่อน-เนียน” ต่างกันเท่านั้น
แทบจะทั้งสองนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 และ 26 ของประเทศไทย ไร้ที่ทำงาน ต้องระหกระเหเร่ร่อนไปทำงานที่อื่น โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ “ไร้ทำเนียบฯ” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียง 2 เดือนกว่าๆ เท่านั้น และขอย้ำว่า “นายกรัฐมนตรีไร้ทำเนียบฯ” ทั้งนี้ ต้องขอเรียนว่า “น่าเห็นใจอย่างมาก!”
เหตุการณ์ทางการเมืองตลอดปี 2551 เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ชาติบ้านเมืองมีแต่เรื่องวุ่นวาย ปั่นป่วน สับสนอย่างมาก “บ้านเมืองไร้ขื่อแป!” มีแต่การชุมนุมประท้วงขับไล่ เนื่องด้วย เหตุผลสำคัญคือ “รัฐบาลนอมินี-หุ่นเชิด!” ที่ทุกฝ่ายต่างตระหนักดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร “นายใหญ่” ทั้ง “ครอบงำ-กุมบังเหียน” รัฐบาลพลังประชาชนแทบทุกองค์อณู เป็น “ซีอีโอ (CEO)” ตัวจริงเสียงจริง เคยชินจากช่วงที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในที่สุดก็ต้องมีอันเป็นไป!
ความจริงที่เราต้องยอมรับว่า ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา ของทั้งสอง “สมัคร-สมชาย” นั้น คำว่า “ผลงาน” เราแทบจะไม่ได้ยินเลย หรือต้องขอเสียมารยาทกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไร้ผลงาน” น่าจะตรงเผงที่สุด เพราะไม่มีจริงๆ มีแต่ “การทะเลาะ-ขัดแย้ง-โต้ตอบ” และไม่สำคัญเท่ากับ “ความวุ่นวาย” ของการชุมนุมประท้วง
แต่ที่เลวร้ายไปมากกว่านั้น คือ “การซ้ำเติม” หรือ “การตอกลิ่ม” ให้สังคมไทย “แตกร้าว-แตกแยก” มากยิ่งขึ้น โดยการจัด “กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)” หรือที่เรามักเรียกกันติดปากว่า “กลุ่มเสื้อแดง!” ที่ถูกจัดตั้งมาเพื่อ “เผชิญหน้า-ปะทะ” กับ “กลุ่มเสื้อเหลือง-พันธมิตรฯ”
และที่สำคัญไปมากกว่านั้น คือ “เทิดทูน-เชิดชู” และ “ปกป้อง” เสมือนเป็น “กองทัพประชาชน” ที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีทั้งรูปภาพและชื่อคุณทักษิณโชว์แบบเต็มๆ จนกระทั่ง “การโฟนอิน” กับ “ภาพซีดี” ที่เปิดโอกาสให้คุณทักษิณได้ทั้งแก้ตัวและหาเสียงตลอดเวลา
ตลอดระยะเวลา 10 เดือน “ความขัดแย้ง” จนถึงขั้น “แตกหัก!” ได้มีการปะทะกันจนเสียเลือดเนื้อและเสียชีวิตกับ “การสลายม็อบ 7 ตุลาฯ” ตลอดจน “การปาระเบิด” เข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงของพันธมิตรฯ
ปัญหาวิกฤตการเมืองเลยเถิด จากการที่รัฐบาลถูก “อเปหิ-ขับไล่” ออกจากสถานที่ทำงาน “ทำเนียบรัฐบาล” จนกลายเป็น “รัฐบาลพเนจร-รัฐบาลสัมภเวสี” หรือ “ไม่มีศาล” จนเป็นที่อับอายไปทั่วโลก จนลามมาสู่ “วิกฤตเศรษฐกิจ”
“การยึดสนามบิน” ทั้ง “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง” จนถึงขั้น “ปิด 2 สนามบิน” ได้ก่อให้เกิดความเสียหายด้านความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาคมโลก จนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและส่งออกได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท โดยวัตถุประสงค์เบื้องต้น เพื่อต้องการ “สกัดกั้น” การเดินทางกลับของอดีตนายกรัฐมนตรี คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จากการประชุมเอเปค ที่ประเทศเปรู
การปิดสนามบินทั้งสอง ได้เลยเถิดไปจนถึงการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ประมาณ 7-8 วันเต็มๆ เพื่อ “กดดัน” ให้ “รัฐบาลหุ่นเชิด” ลาออก! แต่การณ์ก็มิได้เป็นเช่นนั้น กลับทำให้ชาติบ้านเมืองเลวร้าย ดิ่งเหวไปมากกว่าเดิม!
สังคมไทยไม่เคย “แตกร้าว-แตกหัก” เช่นนี้มาก่อนในอดีต จนเกิดปรากฏการณ์ “ไทยฆ่าไทย” ในที่สุด ถามว่า ปัจจุบันนี้ “ความปรองดอง” จะสามารถหวนกลับมาบรรเจิดได้อีกหรือไม่กับสังคมไทย คำตอบคือ “ไม่มีทาง!” เนื่องด้วยความพยายามของ “กลุ่มผู้เสียประโยชน์” จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และ “ตอกย้ำ-ตอกลิ่ม” ให้ประเทศชาติพังไปในที่สุด
ปี 2551 เป็นปีแห่ง “ความหายนะ” ของชาติบ้านเมือง “รัฐบาลสอง ส.!” มิได้สร้างผลงานใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่จะ “แก้เกม-แก้รัฐธรรมนูญ” เพื่อปกป้องช่วยเหลือพวกพ้อง โดยเฉพาะต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่ได้คำนึงถึง “ปัญหาบ้านเมือง!”
และแล้วในที่สุด “การยึดอำนาจ-รัฐประหาร” ก็มิได้เกิดขึ้น ต้องขอแสดงความยินดีแก่ “กองทัพ” ที่สามารถใช้ “วิธีการซ่อนรูป” กับการยุติบทบาทของพรรคการเมืองทั้งสามด้วย “ตุลาการภิวัฒน์”
การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ตลอดจน “ทำเนียบรัฐบาล” ก็ได้รับมอบคืนจากกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง จนสามารถเดินหน้าสู่สภาวะปกติได้ ทั้งนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติ ด้านเศรษฐกิจและศรัทธา เชื่อมั่น นับมูลค่ามิได้ ตัวเลขความเสียหายทางเศรษฐกิจน่าจะสูงถึงหลัก 2 แสนล้านบาท
หนึ่งปีเต็มๆ ของปี 2551 นั้น นับเป็น “ปีแห่งความเสียหายย่อยยับ” มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี “ผลงานไม่ปรากฏ” มีแต่ “ความขัดแย้ง-ประท้วง” จนทำให้ประเทศไทยเสียหายกระฉ่อนไปทั่วโลก “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ช่วงไฮต์ซีซันพังพินาศ กว่าจะฟื้นคืนกลับมาได้ น่าจะกลางปี 2552 ไปแล้ว!
อย่างไรก็ตาม เรามี “รัฐบาลใหม่” เรียบร้อยแล้ว “อภิสิทธิ์ 1” ซึ่งต้องขอให้กำลังใจกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะ “นายกรัฐมนตรีคนที่ 27” ที่ต้องขอฟันธงเลยว่า “ทุกขลาภ” อย่างมาก เนื่องด้วย “ความคาดหวังสูง!” อย่างมากจากทุกภาคส่วนของสังคมไทย โดยเฉพาะ “ภาคเอกชน-ภาคประชาชน”
ไหนจะต้องเจอ “2 มรสุม-2 เด้ง” กับ “วิกฤตเศรษฐกิจโลก” และ “ขบวนการต่อต้าน-ใต้ดิน” จาก “หนึ่งกลุ่ม-สองภาค” กล่าวคือ “กลุ่มเสื้อแดง” และประชาชนจาก “เหนือ-อีสาน” ที่ต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า คุณอภิสิทธิ์จะทำงานยากที่สุด
ทั้งนี้ “ผลงาน” และไม่สำคัญเท่ากับ “ความอดทน” และ “ความซื่อสัตย์” ที่ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ต้องยึดถือและปฏิบัติให้ได้ ตลอดจนต้อง “โรดโชว์” ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อแสดงความจริงใจในการเป็น “นายกฯ คนไทยทั้งมวล” และ “รับใช้คนไทยทั้งชาติ” ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซึ่งต้อง “อดทนกรำหนัก!”
พร้อมทั้งทีมงานเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ ต้องเดินสายทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นทางเศรษฐกิจและความศรัทธาเชื่อมั่น แต่ “วิกฤตเศรษฐกิจโลก” จะเป็นปัญหาที่แก้ยากที่สุด
ก็ขอให้นายกฯ อภิสิทธิ์ ประสบความสำเร็จ และ “โชคดี” เพื่อให้คนไทยได้ประสบความสุข ความสำเร็จตลอดปี 2552
“HAPPY NEW YEAR” และ “GOOD LUCK” แด่ “อภิสิทธิ์ 1” และคนไทยทุกคน!
เหตุการณ์ตลอดปี 2551 เกิดขึ้นอย่างมากมาย ทั้งทางด้านสังคม การเมือง เศรษฐกิจ ซึ่งล้วนเป็นเหตุการณ์ที่ต้องยอมรับว่า “ชาติบ้านเมืองไร้ความสงบ!” อย่างสิ้นเชิง
ปี 2551 เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ทางการเมือง เริ่มตั้งแต่เพียงหนึ่งปี ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีถึง 4 คน เริ่มตั้งแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ส่งไม้ต่อให้หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (อดีต) คุณสมัคร สุนทรเวช แต่อยู่ได้เพียงประมาณ 6-7 เดือน ก็ “ถูกสอย” ออกจากตำแหน่ง ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความผิด ในกรณีดำเนินรายการ “ชิมไปบ่นไป!” แต่ที่สำคัญคือ “ถูกหักหลัง” จากสมาชิกพรรคกันเอง ไม่ให้หวนกลับสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และต่อมา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยคุณทักษิณ ชินวัตร ขึ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยึดคืนมาให้สมาชิกในครอบครัว “ชินวัตร”
ทั้งคุณสมัคร และคุณสมชาย ต่างถูก “ต่อต้าน-ประท้วง” จาก “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)” ซึ่งเป็นกลุ่มที่โค่นล้มคุณทักษิณ ชินวัตร หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ และไม่สำคัญเท่ากับว่า ทั้งคุณสมัคร สุนทรเวช และคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ถูก “ปลิดทิ้ง!” จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน เพียงแต่ “วิธีการ” และ “การโค่น-การยึดอำนาจ” นั้น “ซ่อนเงื่อน-เนียน” ต่างกันเท่านั้น
แทบจะทั้งสองนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 และ 26 ของประเทศไทย ไร้ที่ทำงาน ต้องระหกระเหเร่ร่อนไปทำงานที่อื่น โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ “ไร้ทำเนียบฯ” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียง 2 เดือนกว่าๆ เท่านั้น และขอย้ำว่า “นายกรัฐมนตรีไร้ทำเนียบฯ” ทั้งนี้ ต้องขอเรียนว่า “น่าเห็นใจอย่างมาก!”
เหตุการณ์ทางการเมืองตลอดปี 2551 เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ชาติบ้านเมืองมีแต่เรื่องวุ่นวาย ปั่นป่วน สับสนอย่างมาก “บ้านเมืองไร้ขื่อแป!” มีแต่การชุมนุมประท้วงขับไล่ เนื่องด้วย เหตุผลสำคัญคือ “รัฐบาลนอมินี-หุ่นเชิด!” ที่ทุกฝ่ายต่างตระหนักดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร “นายใหญ่” ทั้ง “ครอบงำ-กุมบังเหียน” รัฐบาลพลังประชาชนแทบทุกองค์อณู เป็น “ซีอีโอ (CEO)” ตัวจริงเสียงจริง เคยชินจากช่วงที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในที่สุดก็ต้องมีอันเป็นไป!
ความจริงที่เราต้องยอมรับว่า ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา ของทั้งสอง “สมัคร-สมชาย” นั้น คำว่า “ผลงาน” เราแทบจะไม่ได้ยินเลย หรือต้องขอเสียมารยาทกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไร้ผลงาน” น่าจะตรงเผงที่สุด เพราะไม่มีจริงๆ มีแต่ “การทะเลาะ-ขัดแย้ง-โต้ตอบ” และไม่สำคัญเท่ากับ “ความวุ่นวาย” ของการชุมนุมประท้วง
แต่ที่เลวร้ายไปมากกว่านั้น คือ “การซ้ำเติม” หรือ “การตอกลิ่ม” ให้สังคมไทย “แตกร้าว-แตกแยก” มากยิ่งขึ้น โดยการจัด “กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)” หรือที่เรามักเรียกกันติดปากว่า “กลุ่มเสื้อแดง!” ที่ถูกจัดตั้งมาเพื่อ “เผชิญหน้า-ปะทะ” กับ “กลุ่มเสื้อเหลือง-พันธมิตรฯ”
และที่สำคัญไปมากกว่านั้น คือ “เทิดทูน-เชิดชู” และ “ปกป้อง” เสมือนเป็น “กองทัพประชาชน” ที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีทั้งรูปภาพและชื่อคุณทักษิณโชว์แบบเต็มๆ จนกระทั่ง “การโฟนอิน” กับ “ภาพซีดี” ที่เปิดโอกาสให้คุณทักษิณได้ทั้งแก้ตัวและหาเสียงตลอดเวลา
ตลอดระยะเวลา 10 เดือน “ความขัดแย้ง” จนถึงขั้น “แตกหัก!” ได้มีการปะทะกันจนเสียเลือดเนื้อและเสียชีวิตกับ “การสลายม็อบ 7 ตุลาฯ” ตลอดจน “การปาระเบิด” เข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงของพันธมิตรฯ
ปัญหาวิกฤตการเมืองเลยเถิด จากการที่รัฐบาลถูก “อเปหิ-ขับไล่” ออกจากสถานที่ทำงาน “ทำเนียบรัฐบาล” จนกลายเป็น “รัฐบาลพเนจร-รัฐบาลสัมภเวสี” หรือ “ไม่มีศาล” จนเป็นที่อับอายไปทั่วโลก จนลามมาสู่ “วิกฤตเศรษฐกิจ”
“การยึดสนามบิน” ทั้ง “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง” จนถึงขั้น “ปิด 2 สนามบิน” ได้ก่อให้เกิดความเสียหายด้านความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาคมโลก จนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและส่งออกได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท โดยวัตถุประสงค์เบื้องต้น เพื่อต้องการ “สกัดกั้น” การเดินทางกลับของอดีตนายกรัฐมนตรี คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จากการประชุมเอเปค ที่ประเทศเปรู
การปิดสนามบินทั้งสอง ได้เลยเถิดไปจนถึงการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ประมาณ 7-8 วันเต็มๆ เพื่อ “กดดัน” ให้ “รัฐบาลหุ่นเชิด” ลาออก! แต่การณ์ก็มิได้เป็นเช่นนั้น กลับทำให้ชาติบ้านเมืองเลวร้าย ดิ่งเหวไปมากกว่าเดิม!
สังคมไทยไม่เคย “แตกร้าว-แตกหัก” เช่นนี้มาก่อนในอดีต จนเกิดปรากฏการณ์ “ไทยฆ่าไทย” ในที่สุด ถามว่า ปัจจุบันนี้ “ความปรองดอง” จะสามารถหวนกลับมาบรรเจิดได้อีกหรือไม่กับสังคมไทย คำตอบคือ “ไม่มีทาง!” เนื่องด้วยความพยายามของ “กลุ่มผู้เสียประโยชน์” จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และ “ตอกย้ำ-ตอกลิ่ม” ให้ประเทศชาติพังไปในที่สุด
ปี 2551 เป็นปีแห่ง “ความหายนะ” ของชาติบ้านเมือง “รัฐบาลสอง ส.!” มิได้สร้างผลงานใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่จะ “แก้เกม-แก้รัฐธรรมนูญ” เพื่อปกป้องช่วยเหลือพวกพ้อง โดยเฉพาะต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่ได้คำนึงถึง “ปัญหาบ้านเมือง!”
และแล้วในที่สุด “การยึดอำนาจ-รัฐประหาร” ก็มิได้เกิดขึ้น ต้องขอแสดงความยินดีแก่ “กองทัพ” ที่สามารถใช้ “วิธีการซ่อนรูป” กับการยุติบทบาทของพรรคการเมืองทั้งสามด้วย “ตุลาการภิวัฒน์”
การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ตลอดจน “ทำเนียบรัฐบาล” ก็ได้รับมอบคืนจากกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง จนสามารถเดินหน้าสู่สภาวะปกติได้ ทั้งนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติ ด้านเศรษฐกิจและศรัทธา เชื่อมั่น นับมูลค่ามิได้ ตัวเลขความเสียหายทางเศรษฐกิจน่าจะสูงถึงหลัก 2 แสนล้านบาท
หนึ่งปีเต็มๆ ของปี 2551 นั้น นับเป็น “ปีแห่งความเสียหายย่อยยับ” มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี “ผลงานไม่ปรากฏ” มีแต่ “ความขัดแย้ง-ประท้วง” จนทำให้ประเทศไทยเสียหายกระฉ่อนไปทั่วโลก “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ช่วงไฮต์ซีซันพังพินาศ กว่าจะฟื้นคืนกลับมาได้ น่าจะกลางปี 2552 ไปแล้ว!
อย่างไรก็ตาม เรามี “รัฐบาลใหม่” เรียบร้อยแล้ว “อภิสิทธิ์ 1” ซึ่งต้องขอให้กำลังใจกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะ “นายกรัฐมนตรีคนที่ 27” ที่ต้องขอฟันธงเลยว่า “ทุกขลาภ” อย่างมาก เนื่องด้วย “ความคาดหวังสูง!” อย่างมากจากทุกภาคส่วนของสังคมไทย โดยเฉพาะ “ภาคเอกชน-ภาคประชาชน”
ไหนจะต้องเจอ “2 มรสุม-2 เด้ง” กับ “วิกฤตเศรษฐกิจโลก” และ “ขบวนการต่อต้าน-ใต้ดิน” จาก “หนึ่งกลุ่ม-สองภาค” กล่าวคือ “กลุ่มเสื้อแดง” และประชาชนจาก “เหนือ-อีสาน” ที่ต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า คุณอภิสิทธิ์จะทำงานยากที่สุด
ทั้งนี้ “ผลงาน” และไม่สำคัญเท่ากับ “ความอดทน” และ “ความซื่อสัตย์” ที่ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ต้องยึดถือและปฏิบัติให้ได้ ตลอดจนต้อง “โรดโชว์” ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อแสดงความจริงใจในการเป็น “นายกฯ คนไทยทั้งมวล” และ “รับใช้คนไทยทั้งชาติ” ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซึ่งต้อง “อดทนกรำหนัก!”
พร้อมทั้งทีมงานเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ ต้องเดินสายทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นทางเศรษฐกิจและความศรัทธาเชื่อมั่น แต่ “วิกฤตเศรษฐกิจโลก” จะเป็นปัญหาที่แก้ยากที่สุด
ก็ขอให้นายกฯ อภิสิทธิ์ ประสบความสำเร็จ และ “โชคดี” เพื่อให้คนไทยได้ประสบความสุข ความสำเร็จตลอดปี 2552
“HAPPY NEW YEAR” และ “GOOD LUCK” แด่ “อภิสิทธิ์ 1” และคนไทยทุกคน!