วงการหุ้นหนุน “กรณ์ จาติกวณิช” นั่งขุนคลังคนใหม่ ระบุเป็นบุคคลที่คลุกคลีและมีความรู้ตลาดทุนเป็นอย่างดี สามารถช่วยแก้ไขปัญหาและพัฒนาตลาดทุนไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ พร้อมเสนอแนะรัฐบาลเร่งประสานรอยร้าวความแตกแยกเพื่อฟื้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างเร่งด่วน หลังรัฐบาล 2 ชุดที่ผ่านมาไม่คลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใด ขณะที่ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้อาจปรับฐานจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น บวกกับขาดปัจจัยหนุน
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนิตี้ จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) เปิดเผยถึง คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้แกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า การที่นายกรณ์ จาติกวณิช จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะส่งผลดีต่อตลาดทุนไทย เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ ประสบการณ์ในวงการตลาดทุนไทย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ตลาดทุนไทยพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น
สำหรับประเด็นสำคัญที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีในพรรคร่วมรัฐบาล และแก้ปัญหาความขัดแย้งของประชาชนที่แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
“งานหนักของรัฐบาลใหม่ คือสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือในพรรคร่วมรัฐบาลและประชาชนให้เกิดความสามัคคี ซึ่งไม่ได้มองว่ารัฐมนตรีแต่ละกระทรวงจะเก่งหรือไม่ แต่ควรสร้างความสงบของบ้านเมืองเป็นสำคัญ หลังจาก 2 รัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้มีการดำเนินนโยบายอะไร จากการต่อต้านจนทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ดี ไม่มีการลงทุน ซึ่งรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว” นายกัมปนาท กล่าว
นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟาร์อีส จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของการเมืองช่วงนี้ดูเหมือนเริ่มเบาบางลง แม้จะมีเสียงต่อต้านจากกลุ่มผู้คัดค้านอยู่บ้าง ซึ่งในช่วง 3 เดือนนับจากนี้ จะถือเป็นการรอพิสูจน์ผลงานคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของรัฐบาลภายใต้แกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้หรือไม่
“หากผ่านพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยังไม่มีผลงานเป็นที่น่าพอใจ อาจมีเสียงตอบกลับมาในทางลบ ในทางตรงกันข้ามหากการแก้ไขปัญหาต่างๆ ออกมาดี จะมีเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นเช่นกัน”
สำหรับกรณีที่นายกรณ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งรมว.คลังนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อตลาดทุน เพราะเป็นบุคคลที่คลุกคลีอยู่ในวงการตลาดทุนมาก่อน ทำให้มีความรู้ความสามารถในเรื่องตลาดทุนเป็นอย่างดี ขณะที่ภาคเศรษฐกิจใหญ่นั้นคงต้องอาศัยทีมงานที่ดี เพื่อคอยช่วยผสานงานกับคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้กำหนดโยบายการคลังและนโยบายการเงินออกมาสอดคล้องกันเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จากก่อนหน้านี้ทั้ง 2 หน่วยงานมีความขัดเย้งกัน ทำให้การแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร
****หุ้นร่วงรับโผครม.แย่****
นายมงคล พ่วงเกดรา ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน)หรือ ASL กล่าวถึง ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจจะมีการปรับฐานรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดว่านักลงทุนจะเทขายหุ้นทำกำไรระยะสั้น ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศจะต้องติดตามมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
“หากรัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนช่วยกลุ่มธุรกิจยานยนต์อาจส่งผลดีให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นอยู่เหนือ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่หากออกมาตรงกันข้ามอาจทำให้ราคาน้ำมันร่วง และส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทย ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน ประเมินแนวรับอยู่ที่ 434 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 450-470 จุด” นายมงคล กล่าว
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้น่าจะเงียบเหงา เพราะไม่มีปัจจัยบวกอื่นเข้ามาสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้น ดังนั้นนักลงทุนควรรอดูการแถลงนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกันการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงการแก้วิกฤตของสหรัฐฯ โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 434-440 จุด และแนวต้านที่ 450 จุด
นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. บัวหลวง จำกัด (มหาชน)หรือ BLS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าคาดว่ายังซึมๆ โดยนักลงทุนต้องติดตามรัฐบาลสหรัฐฯ จะมีแผนช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังประสบปัญหาอย่างไร ซึ่งจากความไม่แน่นอนดังกล่าวแนะนำให้ชะลอการลงทุนและถือเงินสดไว้ แนวรับอยู่ที่ 440 จุด และแนวต้านที่ 456 จุด
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนิตี้ จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) เปิดเผยถึง คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้แกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า การที่นายกรณ์ จาติกวณิช จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะส่งผลดีต่อตลาดทุนไทย เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ ประสบการณ์ในวงการตลาดทุนไทย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ตลาดทุนไทยพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น
สำหรับประเด็นสำคัญที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีในพรรคร่วมรัฐบาล และแก้ปัญหาความขัดแย้งของประชาชนที่แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
“งานหนักของรัฐบาลใหม่ คือสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือในพรรคร่วมรัฐบาลและประชาชนให้เกิดความสามัคคี ซึ่งไม่ได้มองว่ารัฐมนตรีแต่ละกระทรวงจะเก่งหรือไม่ แต่ควรสร้างความสงบของบ้านเมืองเป็นสำคัญ หลังจาก 2 รัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้มีการดำเนินนโยบายอะไร จากการต่อต้านจนทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ดี ไม่มีการลงทุน ซึ่งรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว” นายกัมปนาท กล่าว
นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟาร์อีส จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของการเมืองช่วงนี้ดูเหมือนเริ่มเบาบางลง แม้จะมีเสียงต่อต้านจากกลุ่มผู้คัดค้านอยู่บ้าง ซึ่งในช่วง 3 เดือนนับจากนี้ จะถือเป็นการรอพิสูจน์ผลงานคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของรัฐบาลภายใต้แกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้หรือไม่
“หากผ่านพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยังไม่มีผลงานเป็นที่น่าพอใจ อาจมีเสียงตอบกลับมาในทางลบ ในทางตรงกันข้ามหากการแก้ไขปัญหาต่างๆ ออกมาดี จะมีเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นเช่นกัน”
สำหรับกรณีที่นายกรณ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งรมว.คลังนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อตลาดทุน เพราะเป็นบุคคลที่คลุกคลีอยู่ในวงการตลาดทุนมาก่อน ทำให้มีความรู้ความสามารถในเรื่องตลาดทุนเป็นอย่างดี ขณะที่ภาคเศรษฐกิจใหญ่นั้นคงต้องอาศัยทีมงานที่ดี เพื่อคอยช่วยผสานงานกับคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้กำหนดโยบายการคลังและนโยบายการเงินออกมาสอดคล้องกันเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จากก่อนหน้านี้ทั้ง 2 หน่วยงานมีความขัดเย้งกัน ทำให้การแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร
****หุ้นร่วงรับโผครม.แย่****
นายมงคล พ่วงเกดรา ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน)หรือ ASL กล่าวถึง ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจจะมีการปรับฐานรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดว่านักลงทุนจะเทขายหุ้นทำกำไรระยะสั้น ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศจะต้องติดตามมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
“หากรัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนช่วยกลุ่มธุรกิจยานยนต์อาจส่งผลดีให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นอยู่เหนือ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่หากออกมาตรงกันข้ามอาจทำให้ราคาน้ำมันร่วง และส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทย ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน ประเมินแนวรับอยู่ที่ 434 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 450-470 จุด” นายมงคล กล่าว
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้น่าจะเงียบเหงา เพราะไม่มีปัจจัยบวกอื่นเข้ามาสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้น ดังนั้นนักลงทุนควรรอดูการแถลงนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกันการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงการแก้วิกฤตของสหรัฐฯ โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 434-440 จุด และแนวต้านที่ 450 จุด
นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. บัวหลวง จำกัด (มหาชน)หรือ BLS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าคาดว่ายังซึมๆ โดยนักลงทุนต้องติดตามรัฐบาลสหรัฐฯ จะมีแผนช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังประสบปัญหาอย่างไร ซึ่งจากความไม่แน่นอนดังกล่าวแนะนำให้ชะลอการลงทุนและถือเงินสดไว้ แนวรับอยู่ที่ 440 จุด และแนวต้านที่ 456 จุด
