xs
xsm
sm
md
lg

ซีอาร์จีดันมิสเตอร์โดนัทหัวหอกปีหน้า ชูงบรวม400ล.-บอสญี่ปุ่นยาหอมไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เซ็นทรัลโหมหนักฟาสต์ฟู้ดส์ปีหน้า หลังปีนี้โตต่ำเป้า เผยงบลงทุน 400 ล้านบาท ผุดรวมทุกแบรนด์ 45 สาขา ชูธงมิสเตอร์โดนัทดาวรุ่งมากกว่า 25 สาขาเกินครึ่ง อัด 80 ล้านปรับภาพลักษณ์ เปิดโฉมใหม่แห่งแรกของโลกนอกตลาดญี่ปุ่น บอสมิสเตอร์โดนัทญี่ปุ่นบินตรงไทยยาหอมยังเชื่อมั่นศักยภาพตลาดไทย

นายธีระเดช จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี ในเครือเซ็นทรัลผู้บริหารแบรนด์เคเอฟซี, พิซซ่าฮัท, บาสกิ้นร้อบบิ้นส์, มิสเตอร์โดนัท, อานตี้แอนส์ และเปปเปอร์ลันช์ เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปี 2551 บริษัทฯมีรายได้เติบโตประมาณ 10% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่ 15% เนื่องมาจากวิกฤตจากการเมืองและเศรษฐกิจ

ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจอาหารฟาสต์ฟู้ดเติบโตที่ 8-10% จากมูลค่าตลาดรวมในปัจจุบันมีประมาณ 24,000 ล้านบาท ทางบริษัทฯมีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกันทุกแบรนด์เฉลี่ยอยู่ที่ 22% โดยมองว่าในปี 2552 ธุรกิจของบริษัทฯยังคงจะมียอดการเติบโตเท่ากับตลาดรวมคืออยู่ที่ 10% ทั้งนี้บริษัทฯยังตั้งงบประมาณรวมในการลงทุนเปิดสาขาใหม่ปีหน้าที่ 350-400 ล้านบาท เท่าเดิมเหมือนกับที่ผ่านมา
ปัจจุบันซีอาร์จีมีสาขาของร้านอาหารในเครือทุกแบรนด์รวมกันประมาณ 510 สาขาและคาดว่าในปี 2552 จะมีสาขาเพิ่มรวมเป็นทั้งสิ้น 555 สาขา หรือเปิด 45 สาขา โดยมากกว่า 50% จะเปิดเป็นร้านมิสเตอร์โดนัท เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เติบโตดีเช่นเดียวกับเคเอฟซี

**ชูธงมิสเตอร์โดนัทหัวหอก
นายสุชีพ ธรรมาชีพเจริญ
ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์ "มิสเตอร์ โดนัท" เปิดเผยว่า ยอดขายในปี 2551 ของแบรนด์มิสเตอร์โดนัทคาดว่าจะมีประมาณ 1,200 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 10% เนื่องมาจาการปรับรูปแบบของร้านให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น รวมทั้งมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของตัวผลิตภัณฑ์ และการทำโปรโมชั่นต่อเนื่องส่งผลให้ยอดขายดีขึ้น

ล่าสุดบริษัทฯได้ใช้งบลงทุน 5 ล้านบาทในการเปิดร้าน "มิสเตอร์ โดนัท" สาขาที่ 200 ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา สาขาแจ้งวัฒนะ ซึ่งจะเป็นรูปโฉมใหม่ในไทย ด้วยการเน้นเมนูที่หลากหลาย ปรับเปลี่ยนการให้บริการภายในร้านจากเดิมที่เป็นการบริการตนเอง มาเป็นบริการแบบFast Casual ปรับรูปลักษณ์ของร้านให้ดูอบอุ่นสดใส เพื่อเป็นการดึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น และคนทำงานให้เข้าร้านมากยิ่งขึ้น เนื่องจากศึกษาว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศไทยมีความสอดคล้องจึงได้นำแบบนี้มาใช้ในประเทศไทยหลังจากเปิดตัวไปแล้วที่ญี่ปุ่น

สำหรับปี 2551 บริษัทฯได้เปิดสาขามิสเตอร์โดนัททั้งสิ้น 30 สาขาซึ่งมากกว่าแผนที่วางไว้ที่ 20 สาขา ส่วนในปี 2552 ได้เตรียมที่ขยายสาขามิสเตอร์โดนัททั้งสิ้น 25 สาขา แบ่งเป็นสาขารูปแบบใหม่ 5 สาขา รูปแบบเดิม 20 สาขาและยังมีการปรับสาขาเดิมให้เป็นโฉมใหม่อีก 20 สาขา

นอกจากนี้บริษัทฯจะใช้งบ 80 ล้านบาทในการทยอยปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์และการนำผลิตภัณฑ์ใหม่มาบริการ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ปี โดยจะพิจารณาสาขาที่มีกลุ่มลูกค้าระดับบีขึ้นไปซึ่งมีมากกว่า 20 สาขาก่อน ทั้งนี้คาดว่าจะทำให้ "มิสเตอร์ โดนัท" มียอดจำหน่ายในปี 2552 เติบโตขึ้น 10% พร้อมทั้งเตรียมเปิดแบรนด์ใหม่ในปลายปีหน้า

**บอสมิสเตอร์โดนัทญี่ปุ่นมั่นใจไทย
นายฮารูโอะ นิชิมูระ กรรมการบริหารฟู้ดส์เซอร์วิสกรุ๊ป ผู้บริหารมิสเตอร์โดนัทจากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ประเทศไทยยังถือว่าเป็นตลาดที่ยังน่าลงทุนและบริษัทฯก็ยังมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยด้วย

อย่างไรก็ตาม จากสภาพเศรษฐกิจที่คาดว่าจะยังผันผวนของตลาดโลกในปี 2552 ทางบริษัทฯจะปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนจากเดิมในเรื่องของขนาดสาขาให้มีขนาดเล็กลง ซึ่งจากเดิมสาขาแต่ละสาขาจะมียอดขายประมาณ 8 ล้านเยน จะปรับเปลี่ยนให้เล็กลงและเหลือยอดขายสาขาละประมาณ 4 ล้านเยนและครอบคลุมทุกหัวเมือง ซึ่งคาดว่าในปี 2552 จะสามารถเปิดสาขาขนาดเล็กได้ทั้งสิ้น 30 สาขาทั่วโลก

ปัจจุบันบริษัทมีสาขามิสเตอร์โดนัทอยู่ทั่วโลกประมาณ 2,785 สาขาแบ่งเป็น ญี่ปุ่น 1,300 สาขา, ฟิลิปปินส์ 1,200 สาขา, ประเทศไทย 200 สาขา, ไต้หวัน 50 สาขา, เกาหลี 12 สาขา, เซี่ยงไฮ้ 23 สาขาและคาดว่าปี 2552 จะสามารถเปิดสาขาในแต่ละประเทศแบ่งเป็น ญี่ปุ่น 20 สาขา, ไต้หวัน 15 สาขา, เกาหลี 5 สาขา, เซี่ยงไฮ้ 2 สาขา, ประเทศไทย 25 สาขา แต่ฟิลิปปินส์ยังไม่มีแผนการเปิดสาขาในปีหน้า

ทั้งนี้การเปิดร้านมิสเตอร์โดนัทรูปแบบ Fast Casual ในประเทศญี่ปุ่น ทางบริษัทฯได้มีการนำมาใช้แล้วประมาณ 3 ปี และเริ่มทยอยปรับให้เป็นในรูปแบบเดียวกันอีกปีละ 100 สาขา ซึ่งจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบของสาขาทำให้ทางบริษัทฯมียอดขายเพิ่มขึ้น 10% และประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกที่อยู่นอกตลาดญี่ปุ่นที่เปิดร้านโฉมใหม่นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น