เซ็นทรัลเดินหน้าเจรจาบริษัทแม่มิสเตอร์โดนัทญี่ปุ่น ขอไลเซ่นส์ต่างประเทศ พร้อมเผยแผนรุกในไทย ชูคอนเซ็ปท์ร้านแบบใหม่ปลายปีนี้ ที่ขายมากกว่าโดนัท หวังขยายฐานกลุ่มเป้าหมาย รับการแข่งขันฟาสต์ฟู้ดรุนแรง ยอมรับต้นทุนผลิตพุ่งปรับราคาแล้ว หลังครึ่งปีแรกรายได้วูบเป้า
นายสุชีพ ธรรมาชีพเจริญ ผู้จัดการทั่วไป แบรนด์มิสเตอร์โดนัท บริษัท เซ็นทรัล เรสเตอรองต์ส กรุ๊ป จำกัด ในเครือเซ็นทรัล เปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับทางญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของแฟรนไชส์มิสเตอร์โดนัท เพื่อการขยายไลเซ่นส์ไปยังตลาดประเทศอื่นที่ยังไม่มีผู้รับสิทธิแฟรนไชส์มิสเตอร์โดนัท จากเดิมที่บริษัทฯทำตลาดในไทยมานานกว่า 30 ปีที่เดียว ซึ่งประเทศที่ยังไม่มีผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์มิสเตอร์โดนัทเช่น ฮ่องกง เวียดนาม ลาว เขมร อินเดีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งบริษัทแม่มิสเตอร์โดนัทก็ยินดีเปิดกว้าง แต่ยังไม่มีข้อสรุป
ขณะที่ประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่ใหญ่มีพื้นที่และประชากรมาก ถ้าจะไปคงต้องขอเป็นมณฑลไป แต่ยังไม่ได้สรุปเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมีเปิดบ้างแล้วจากผู้รับสิทธิ์รายอื่น โดยนโยบายของเราคงต้องเดินควบคู่ไปกับกลุ่มเซ็นทรัลด้วยที่จะไปลงทุนธุรกิจในต่างประเทศ
สำหรับแผนการดำเนินงานในไทยนั้น นายสุชีพกล่าวว่า เนื่องจากมิสเตอร์โดนัทอยู่ในไทยมานานครบ 30 ปีในปีนี้ จึงต้องมีการปรับบ้างเพื่อให้สอดรับกับสภาพตลาดและการแข่งขันในปัจจุบัน ทั้งรูปแบบร้าน เมนูอาหาร การบริการ ซึ่งลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นในตลาดฟาสต์ฟู้ด ซึ่งตลาดโดนัทมีมูลค่าประมาณ 1,600 ล้านบาท โดยปลายปีนี้เตรียมเปิดตัวสาขาแฟล็กชิปสโตร์รูปแบบใหม่ที่มีคอนเซ็ปท์มาจากญี่ปุ่นและจะเป็นสาขาที่ 200 ในไทย ลงทุน 5-7 ล้านบาท จะมีเมนูมากขึ้นนอกจากโดนัทและเครื่องดื่มทั้งของหวานและของคาว การบริการใหม่ๆ บรรยากาศร้านที่ดูสบายๆ เป็นต้น ซึ่งคอนเซ็ปท์ร้านใหม่นี้ ที่ญี่ปุ่นเพิ่งเริ่มเปิดไปเมื่อไม่นานนี้มีประมาณ 20 แห่งแล้วจากทั้งหมด 1,000 กว่าสาขา
ปัจจุบันมิสเตอร์โดนัทในไทยมี 4 รูปแบบคือ 1.โอเพ่นคิทเช่น 2.ไมโครคิทเช่น 3.แซทเทิลไลต์ 4.คีออส รวม 190 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 52% ต่างจังหวัด 48% โดยครึ่งปีแรกปีนี้เปิดไปแล้ว 20 แห่ง ครึ่งปีหลังเปิดอีก 10 สาขา ใช้งบรวม 80 ล้านบาท ส่วนปีหน้าจะมีการรีโนเวท 15 สาขา ใช้งบ 5 ล้านบาท และสาขาใหม่จะเปิดใกล้เคียงกัน ซึ่งช่วง 3-4 ปีหลังนี้เปิดเฉลี่ย 30 กว่าสาขาต่อปี
ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรก 2551 เติบโต 7% ต่ำกว่าเป้าเดิมที่ตั้งไว้ที่ 10% ขณะที่ตลาดรวมเติบโต 6% คาดว่าทั้งปีนี้บริษัทฯจะเติบโต 10% จากปีที่แล้วเติบโต 7% คาดรายได้รวมอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจาก กรุงเทพฯ 48% และต่างจังวหัด 52% และเป็นผู้นำตลาดโดนัทด้วยแชร์ 75% โดยมียอดใช้จ่ายของลูกค้าเพิ่มขึ้นเ 6% หรือมีประมาณ 70 บาทต่อบิล และมีปริมาณเข้าร้าน 4 ครั้งต่อเดือนต่อคน และมิสเตอร์โดนัทเป็นแบรนด์ที่ทำรายได้อันดับสองให้กับกลุ่มเซ็นทรัลฟู้ดรองจากร้านเคเอฟซี ซึ่งปีนี้ใช้งบตลาดรวม 70 ล้านบาท ครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 30 ล้านบาท
นายสุชีพกล่าวต่อว่า ถือเป็นครั้งแรกที่มิสเตอร์โดนัทออกเมนูของคาวที่ไม่ใช่โดนัทแต่ก็ยังทำมาจากแป้งโดนัท เพราะต้องการขยายฐานลูกค้า และ สร้างทางเลือกใหม่ให้กับตลาดด้วย เพราะการแข่งขันด้านตลาดอาหารมีความรุนแรงมากขึ้น ส่วนต้นทุนการผลิตปีนี้สูงขึ้นมาก เช่น แป้งราคาขึ้น 10% น้ำมันถั่วเหลืองขึ้น 20% ซึ่งบริษัทฯได้ปรับราคาสินค้าไปบางตัวเช่น พอนเดอริงปรับขึ้น 2 บาท จาก 15 เป็น 17 บาท และคงไม่ปรับราคาอีกแล้วในระยะนี้
นายสุชีพ ธรรมาชีพเจริญ ผู้จัดการทั่วไป แบรนด์มิสเตอร์โดนัท บริษัท เซ็นทรัล เรสเตอรองต์ส กรุ๊ป จำกัด ในเครือเซ็นทรัล เปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับทางญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของแฟรนไชส์มิสเตอร์โดนัท เพื่อการขยายไลเซ่นส์ไปยังตลาดประเทศอื่นที่ยังไม่มีผู้รับสิทธิแฟรนไชส์มิสเตอร์โดนัท จากเดิมที่บริษัทฯทำตลาดในไทยมานานกว่า 30 ปีที่เดียว ซึ่งประเทศที่ยังไม่มีผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์มิสเตอร์โดนัทเช่น ฮ่องกง เวียดนาม ลาว เขมร อินเดีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งบริษัทแม่มิสเตอร์โดนัทก็ยินดีเปิดกว้าง แต่ยังไม่มีข้อสรุป
ขณะที่ประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่ใหญ่มีพื้นที่และประชากรมาก ถ้าจะไปคงต้องขอเป็นมณฑลไป แต่ยังไม่ได้สรุปเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมีเปิดบ้างแล้วจากผู้รับสิทธิ์รายอื่น โดยนโยบายของเราคงต้องเดินควบคู่ไปกับกลุ่มเซ็นทรัลด้วยที่จะไปลงทุนธุรกิจในต่างประเทศ
สำหรับแผนการดำเนินงานในไทยนั้น นายสุชีพกล่าวว่า เนื่องจากมิสเตอร์โดนัทอยู่ในไทยมานานครบ 30 ปีในปีนี้ จึงต้องมีการปรับบ้างเพื่อให้สอดรับกับสภาพตลาดและการแข่งขันในปัจจุบัน ทั้งรูปแบบร้าน เมนูอาหาร การบริการ ซึ่งลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นในตลาดฟาสต์ฟู้ด ซึ่งตลาดโดนัทมีมูลค่าประมาณ 1,600 ล้านบาท โดยปลายปีนี้เตรียมเปิดตัวสาขาแฟล็กชิปสโตร์รูปแบบใหม่ที่มีคอนเซ็ปท์มาจากญี่ปุ่นและจะเป็นสาขาที่ 200 ในไทย ลงทุน 5-7 ล้านบาท จะมีเมนูมากขึ้นนอกจากโดนัทและเครื่องดื่มทั้งของหวานและของคาว การบริการใหม่ๆ บรรยากาศร้านที่ดูสบายๆ เป็นต้น ซึ่งคอนเซ็ปท์ร้านใหม่นี้ ที่ญี่ปุ่นเพิ่งเริ่มเปิดไปเมื่อไม่นานนี้มีประมาณ 20 แห่งแล้วจากทั้งหมด 1,000 กว่าสาขา
ปัจจุบันมิสเตอร์โดนัทในไทยมี 4 รูปแบบคือ 1.โอเพ่นคิทเช่น 2.ไมโครคิทเช่น 3.แซทเทิลไลต์ 4.คีออส รวม 190 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 52% ต่างจังหวัด 48% โดยครึ่งปีแรกปีนี้เปิดไปแล้ว 20 แห่ง ครึ่งปีหลังเปิดอีก 10 สาขา ใช้งบรวม 80 ล้านบาท ส่วนปีหน้าจะมีการรีโนเวท 15 สาขา ใช้งบ 5 ล้านบาท และสาขาใหม่จะเปิดใกล้เคียงกัน ซึ่งช่วง 3-4 ปีหลังนี้เปิดเฉลี่ย 30 กว่าสาขาต่อปี
ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรก 2551 เติบโต 7% ต่ำกว่าเป้าเดิมที่ตั้งไว้ที่ 10% ขณะที่ตลาดรวมเติบโต 6% คาดว่าทั้งปีนี้บริษัทฯจะเติบโต 10% จากปีที่แล้วเติบโต 7% คาดรายได้รวมอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจาก กรุงเทพฯ 48% และต่างจังวหัด 52% และเป็นผู้นำตลาดโดนัทด้วยแชร์ 75% โดยมียอดใช้จ่ายของลูกค้าเพิ่มขึ้นเ 6% หรือมีประมาณ 70 บาทต่อบิล และมีปริมาณเข้าร้าน 4 ครั้งต่อเดือนต่อคน และมิสเตอร์โดนัทเป็นแบรนด์ที่ทำรายได้อันดับสองให้กับกลุ่มเซ็นทรัลฟู้ดรองจากร้านเคเอฟซี ซึ่งปีนี้ใช้งบตลาดรวม 70 ล้านบาท ครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 30 ล้านบาท
นายสุชีพกล่าวต่อว่า ถือเป็นครั้งแรกที่มิสเตอร์โดนัทออกเมนูของคาวที่ไม่ใช่โดนัทแต่ก็ยังทำมาจากแป้งโดนัท เพราะต้องการขยายฐานลูกค้า และ สร้างทางเลือกใหม่ให้กับตลาดด้วย เพราะการแข่งขันด้านตลาดอาหารมีความรุนแรงมากขึ้น ส่วนต้นทุนการผลิตปีนี้สูงขึ้นมาก เช่น แป้งราคาขึ้น 10% น้ำมันถั่วเหลืองขึ้น 20% ซึ่งบริษัทฯได้ปรับราคาสินค้าไปบางตัวเช่น พอนเดอริงปรับขึ้น 2 บาท จาก 15 เป็น 17 บาท และคงไม่ปรับราคาอีกแล้วในระยะนี้