xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนหั่นTSFCแยกไว้รอเงินจ่ายหนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมาคมบลจ.ออกโรงการันตีผู้ถือหน่วยลงทุนกรณีตราสารTFSC แม้แผนการเพิ่มทุน-ชำระหนี้จะแล้วเสร็จมิถุนายนปีหน้า จนทำการชำระหนี้กองทุนรวมต้องรอจนกว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จ แต่ทุกกองทุนรวมที่มีสัดส่วนการลงทุนมากกว่าร้อยละ 5 ได้ทำการแยกทรัพย์สินที่ลงทุนออกจากทรัพย์สินอื่น (Set Aside) เพื่อป้องกันความได้เปรียบเสียเปรียบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อได้รับชำระหนี้ก็จะนำมาเฉลี่ยจ่ายคืนภายหลัง พร้อมยืนยันได้รับเงินกลับคืนในโอกาสที่สูงแน่

รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (TSFC) ได้มีมติที่จะดำเนินการนำบริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานะของกิจการ โดยมีกำหนดเพิ่มทุนเพื่อสะสางผลขาดทุนและชำระหนี้ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2552 นั้น เรื่องดังกล่าวจะมีผลให้ TSFC จะหยุดพักการชำระหนี้สินให้กับเจ้าหนี้ ซึ่งรวมถึงกองทุนรวมที่ได้ลงทุนไว้ในตราสารหนี้ของ TSFC นับตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2551 จนกว่าจะมีการดำเนินการฟื้นฟูกิจการและชำระหนี้ตามแผน
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมที่มีการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย TSFC โดยก่อนหน้านี้ กองทุนเปิดที่สามารถไถ่ถอนได้ในระหว่างทางในลักษณะที่ไม่ใช่ auto redemption ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ของ TSFC ได้ดำเนินการแยกส่วนการลงทุนที่เป็นตราสารหนี้ของ TSFC ออกจากการลงทุนในหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่นๆ กองทุนรวมไว้ต่างหาก (set aside) เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และนับตั้งแต่วันพุธที่ 17 ธันวาคม 2551 ที่ได้มีการหยุดพักชำระหนี้ของ TSFC กองทุนรวมประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ที่มีสัดส่วนการลงทุนตราสารของ TSFC มากกว่าร้อยละ 5 ก็ได้ทำการกันแยกทรัพย์สินที่ได้ลงทุนไว้ออกมาจากทรัพย์สินอื่น (Set Aside) แล้วเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบของผู้ลงทุน
ดังนั้นเมื่อกองทุนรวมดังกล่าวได้รับชำระเงินคืนก็จะนำเงินนั้นมาเฉลี่ยจ่ายคืนแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนตามส่วนให้เฉพาะผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่ออยู่ในทะเบียน ณ วันที่ได้ทำการ set aside ซึ่งเป็นวันที่บริษัทจัดการไม่นำการลงทุนในตราสารหนี้ของ TSFC ไปรวมในการคำนวณ NAV ของกองทุนรวม
อย่างไรก็ตาม สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางในการรับจดทะเบียนและจัดให้มีราคากลางของการซื้อขายตราสารหนี้ที่เป็นอิสระ ยังได้จัดให้มีมูลค่ายุติธรรมของตราสารที่เสนอขายโดย TSFC เผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นประจำทุกวันทำการที่เว็บไซต์ www.thaibma.or.th โดยใช้ข้อมูลดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบันประกอบการพิจารณา โดยในวันที่ 17 ธันวาคม 2551 ตราสารที่เสนอขายโดย TSFC ทุกรุ่น มีมูลค่าอยู่ที่ร้อยละ 92.70
ทั้งนี้ หาก TSFC สามารถดำเนินการฟื้นฟูกิจการได้สำเร็จ ทางสมาคมบลจ.คาดว่ามีโอกาสค่อนข้างสูงที่กองทุนรวมที่ลงทุนไว้ในตราสารของ TSFC จะได้รับการชำระหนี้คืน โดยบริษัทจัดการจะติดตามการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูของ TSFC อย่างใกล้ชิด และจะดำเนินการต่างๆ เพื่อให้ได้รับการชำระหนี้ เพื่อผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ และจะเผยแพร่ข้อมูลความคืบหน้าและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับทราบต่อไป
ก่อนหน้านี้นางสาวอารยา ธีระโกเมน ประธานกลุ่มธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) กล่าวว่า ตามที่ TSFCได้ประสบปัญหาฐานะทางการเงิน คณะกรรมการบริษัทได้มีมติที่จะดำเนินการเพื่อนำบริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้ พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 เพื่อแก้ไขปัญหาสถานะของกิจการนั้น TSFC มีกำหนดจะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายในวันที่ 17 ธันวาคม 2551 เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการฟื้นฟูกิจการ โดยมีกำหนดเพิ่มทุนเพื่อสะสางผลขาดทุนและชำระหนี้ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2552 ซึ่งภายหลังจากศาลล้มละลายรับคำร้องแล้วจะเป็นเหตุให้ TSFC ต้องพักการชำระหนี้สินให้กับเจ้าหนี้ ซึ่งรวมถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ได้ลงทุนไว้ในตราสารหนี้ของ TSFC จนกว่าศาลล้มละลายจะมีมติเห็นชอบต่อแผนฟื้นฟูกิจการและ TSFC ดำเนินการฟื้นฟูกิจการตามแผนที่ได้รับความเห็นชอบได้
โดยตามประกาศของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนเพื่อใช้ในการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กำหนดไว้ว่า กรณีที่มีเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน และ/หรือฐานะการเงินของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ จนทำให้บริษัทผู้ออกหลักทรัพย์อาจไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขหนี้สิน หรือภาระผูกพันที่มีในหลักทรัพย์ใดที่บริษัทนั้นเป็นผู้ออกได้ บริษัทจัดการจะประเมินมูลค่ายุติธรรมของหลักทรัพย์นั้นใหม่ ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุนทันที ซึ่งในกรณีนี้ สมาคมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแล้ว เห็นว่าสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางในการรับจดทะเบียนและจัดให้มีราคากลางของการซื้อขายตราสารหนี้ที่เป็นอิสระ สามารถจัดให้มีมูลค่ายุติธรรมของตราสารที่เสนอขายโดย TSFC ที่สะท้อนถึงข้อมูลและสถานะการดำเนินงานของ TSFC ที่เปลี่ยนแปลงไป และสามารถใช้อ้างอิงในการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้
นอกจากนี้ นางสาวศรีเนตร ฤทธิรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บลจ. พรีมาเวสท์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากตราสาร TSFC ได้ถูกลดอันดับเรตติ้งต่ำกว่าอันดับที่น่าลงทุน (Investment Grade) ซึ่ง ก.ล.ต.และสมาคมบริษัทจัดการลงทุนให้กองทุนแยกตราสาร TSFC ออกจากพอร์ตการลงทุนไว้ต่างหาก (Set Aside) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อนักลงทุนนั้น บริษัทได้ทำการ Set Aside เสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้มูลค่าหน่วยลงทุน ของกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ มันนี่ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
เช่นเดียวกับ บลจ.นครหลวงไทย และบริษัทจัดการลงทุนอื่นๆ ยืนยันว่า อันดับความน่าเชื่อถือของ TSFC ยังคงอยู่ระดับที่สามารถลงทุนได้ และมีสภาพคล่องเพียงพอต่อการชำระหนี้ที่จะทยอยครบกำหนด ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ TSFC รวม62.17% ถือโดยหน่วยงานภาครัฐ พร้อมระบุมีเพียง 4 กองทุนคือ1.กองทุนเปิดแมกซ์ตราสารหนี้3/1 2. กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ โกรท 3. กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์เทอม บีดี 6M1/08 เเละกองทุนเปิดแมกซ์บาลานซ์ ที่ไปลงทุนใน TSFC มูลค่ารวมกัน 243.26 ล้านบาท จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1,388.17 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น