xs
xsm
sm
md
lg

“กิ้น-อดิศักดิ์”เขยปากน้ำโพ-เอ็นจีโอพันธุ์แท้ นำ พธม.นครสวรรค์ปลดแอกจาก“ระบอบแม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอดิศักดิ์ จันทวิชานุวงศ์ (พี่กิ้น) แกนนำพันธมิตรฯนครสวรรค์
นครสวรรค์ – เปิดตัว “กิ้น-อดิศักดิ์ จันทวิชานุวงศ์” แกนนำ พธม.-เขยปากน้ำโพ คนในเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนที่จับมือร่วมกับเครือข่ายสหภาพรัฐวิสาหกิจแรงงานสัมพันธ์ (สรส.) ปลุกพันธมิตรฯนครสวรรค์ ให้ตื่นขึ้นสู้กับ “ระบอบทักษิณ” ได้อย่างเหนียวแน่นและยาวนาน ผู้ประกาศตัวไม่ยอมก้มหัวให้ “แม้ว” อย่างเด็ดขาด

“อดิศักดิ์ จันทวิชานุวงศ์”ผู้นำแถวหน้า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดนครสวรรค์ ที่คนในแวดวงแฟนพันธุ์แท้เรียกว่า “พี่กิ้น’นำพาชาวสี่แควอย่างคล่องแคล่วว่องไว ลุยงานร่วมกับพันธมิตรฯส่วนกลางหลายครั้งนับไม่ถ้วน ผู้นำสไตล์แนวบู๊เอ็นจีโอ จากที่ได้ปลูกฝังการปั่นกระแสสะท้อนสังคมเมืองไทย ดังนั้น การขึ้นไฮปาร์กบนเวทีต่างๆจึงไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะดึงมวลชนเป็นพันๆคน ยอมร่วมเป็นร่วมตายกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)

“พี่กิ้น”เอาอย่างไรดี ! นี่คือประโยค สะท้อนที่ออกมาทุกครั้งที่มีการจัดงานพันธมิตรฯนครสวรรค์ กับประโยคที่ว่า “ว่าไงรอบนี้จะเอามากี่คน” ประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบจากผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ ผู้บังคับการจังหวัดนครสวรรค์ เพราะว่า “พี่อดิศักดิ์“บอกว่า ผมนั่งเป็นที่ปรึกษาหลายตำแหน่งของจังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงมีตำแหน่งอาสาสมัครผู้ตรวจการรัฐสภา

เหล่านั้น เป็นเพียงภาพหัวโขน เบื้องลึกแล้ว “พี่กิ้น”ได้รับการยอมรับจากคนนครสวรรค์ในหลายวงการ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เกิดที่เมืองปากน้ำโพก็ตาม แต่ภรรยาที่อยู่กินมานานเป็นตระกูลค้าขายอะไหล่รถจักรยานยนต์คู่เมืองสี่แคว ฉะนั้นจะเรียกว่า “เสี่ยกิ้น”ก็ไม่แปลก เพราะมีทุนพอสำรอง และมีศักยภาพในการจัดแบบธุรกิจ สามารถลุยหน้าจัดงานใหญ่สำเร็จหลายครั้ง

ฐานะทางบ้านที่มั่นคงก็พอมีเวลาให้แก่สังคม “พี่กิ้น”บอกว่า ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมร่วม 17 ปี ทำงานด้านป่าต้นน้ำ ป่าชุมชน เรียกว่า เป็นอาสาสมัครพัฒนาเอกชน ซึ่งต้องใช้ทุนส่วนตัวและแวดล้อม แตกต่างจากองค์การพัฒนาเอกชน(เอ็นจีโอ) ที่รับทุนสนับสนุนจากรัฐ

“มูลนิธิปฏิบัน”เป็นอีกบทบาท ที่”พี่กิ้น”นั่งเป็นเลขาธิการ โดยมีสถานที่ทำงานที่อ.พยุหะคีรี จ. นครสวรรค์ ที่ระดมคนเอ็นจีโอ รวมไปถึงศิลปินต่างๆโดยเฉพาะ “น้าหงา”สุรชัย จันทิมาธร ที่นิยมขับร้องที่นี่เป็นประจำทุกปี ต้องสร้างกิจกรรมรวมตัวกันและต้องมีงานสไตล์เอ็นจีโอ ศึกษาและถกปัญหาตามกระแสในแต่ละปี

หากถามว่า “อดิศักดิ์”จบสาขาใด กลับได้รับคำตอบว่า ผมจบนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพฯ แต่กลับชอบงานสังคมทำให้ในสมัยเรียนนั้น ต้องแอบไปศึกษาวิชาตรงกับอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อาจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะกิจกรรมที่หลายมหาวิทยาลัยทำคือ การออกค่าย แต่กลับไม่รู้หลักวิชาการ ทำให้กลายเป็นลูกศิษย์อาจารย์เจิมศักดิ์ ไปโดยปริยาย
จากซ้ายไปขวา นายสุพัฒน์ ทบอุต สรส.รถไฟ, นายอดิศักดิ์ จันทวิชานุวงศ์ (กิ้น),อ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายประพันธุ์ คูณมี
นายอดิศักดิ์ จันทวิชานุวงศ์ บอกว่า แนวทางต่อสู้การเมืองใหม่ ตนเพิ่งเข้าสู่กระบวนการต่อสู้กับระบอบทักษิณ เดิมทีคนนครสวรรค์มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯเพื่อร่วมต่อสู้กับ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพียงอย่างเดียวเพราะระยะทางนั้นใกล้ แต่ดูแล้วไม่มีพลัง จึงได้อาศัยกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งต้องบอกว่านายสุพัฒน์ ทบอุต ซึ่งทำงานอยู่การรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ปากน้ำโพ เป็นหน่วยเสริมทัพเพื่อขับเคลื่อนและรวบรวมคนเกลียดทักษิณ ให้เป็นปึกแผ่น

ทั้งนี้ เพราะคนนครสวรรค์นั้นมีใจอยู่แล้ว หลังจากถูกปิดกั้นมานาน นับแต่คำพูดของ “ทักษิณ” ที่บอกว่า หากจังหวัดใดเลือกไทยรักไทยจะได้รับการพัฒนาก่อน ซึ่ง ส.ส.ทั้ง 7 คนถูกกวาดต้อนไป ทำให้เวลานี้ประชาชนคนนครสวรรค์มีทางออก คือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเห็นได้ทุกครั้งสามารถระดมคนทั้งปากน้ำโพและต่างอำเภอได้จำนวนมาก เป็นผลจากมา ประชาชนต้องมีทางเลือก ไม่ยอมก้มหัวให้กับ “ระบอบทักษิณ” ภาคประชาชนต้องมีส่วนร่วมแก้ไขบ้านเมือง

สำหรับอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้ให้ทัศนะกับ “ASTV ผู้จัดการรายวัน”ในมุมมองการเมืองใหม่กับบทบาทสื่อทีวีว่า ผู้มีอำนาจควรยุติการยัดเยียด ละครน้ำเน่า ให้แก่เด็กและเยาวชนในช่วงเวลาที่เยาวชนรับชมทีวีในช่วงไพรม์ไทม์ ควรนำเวลาที่มีประโยชน์ช่วง 1-4 ทุ่มให้แก่เยาวชน เพื่อการพัฒนาประเทศ แต่ไม่ได้บอกว่า ละครน้ำเน่าจะต้องหมดไป เพียงแต่ให้ไปขายเวลาในช่วงหลังเยาวชนหลับไปแล้ว คือหลังเวลา 4 ทุ่ม

สอดคล้องกับนายประพันธ์ คูณมี บอกว่า ผู้มีอำนาจนั้นมีอยู่ 2 ทางเลือก หนึ่งนั้นคือต้องมีปืน ที่จะสามารถบังคับแก้กฎหมายใดๆเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองได้ หรือสองจะต้องปฏิวัติโดยประชาชน ซึ่งประสบผลสำเร็จมาแล้วในหลายประเทศ อย่างพรรคกรรมกรเป็นต้น หากมองใกล้ๆ วันนี้ ต้องขอบอกว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลจริงๆ ต้องพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่ดำรงคงอยู่อย่างทุกวันนี้

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า พรรคประชาธิปัตย์เหมาะอยู่กับช่วงเวลาหนึ่ง แต่จะไม่เหมาะสมกับช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งเวลานี้ประเทศไทยเหมาะกับภาวะผู้นำพาเดินไปข้างหน้า ประเทศไทยไม่ใช่ย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน หาก “อภิสิทธิ์” ได้เป็นนายกรัฐยมตรีจริงๆ ต้องมีบารมีพอควบคุม ไม่ให้เสือ สิงห์กระทิงแรด คอร์รัปชันคดโกงบ้านเมือง เทียบเท่ากับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในยุคก่อนได้หรือไม่ เพราะเทียบไปแล้ว ตกอยู่ในภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจเหมือนๆกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น