ศูนย์ข่าวภาคเหนือ – เครือข่ายพันธมิตรฯลุ่มน้ำเหนือล่าง เดินหน้าสร้าง “การเมืองใหม่” เพิ่มอำนาจการเมืองภาคประชาชน วางแผนสร้างเครือข่ายทุกอำเภอ-เปิดสถานีวิทยุชุมชนทุกจังหวัด เชื่อมโยงเป็นเน็ตเวิร์กแจ้งข้อมูลความข่าวสาร-ความรู้ พร้อมเปิดเวทีดึงวิทยากรดังทั้งจากส่วนกลาง-ท้องถิ่น กระตุ้นอีกทางอย่างต่อเนื่อง เตรียมประเดิมที่ปากน้ำโพ 12 ธ.ค.
หลังยุติการชุมนุมขับไล่รัฐบาลทรราชฆ่าประชาชน 193 วันไปแล้ว เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) หลายจังหวัดในภาคเหนือตอนล่าง ยังคงเดินหน้าที่จะขยายแนวร่วมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์การเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นตามเป้าหมายใหญ่ของ พธม.
นายสุวัฒน์ วัฒนศิริ แกนนำ พธม.กำแพงเพชร เปิดเผยว่า แนวทางการทำงานในเบื้องต้นนี้ แต่ละจังหวัดในเขตลุ่มน้ำภาคเหนือตอนล่าง ไม่ว่าจะเป็น พิจิตร พิษณุโลก กำแพงเพชร สุโขทัย อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี ฯลฯ จะรวบรวมตัวแทนที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหวตลอดระยะ 193 วันที่ผ่านมา รวมถึงกลุ่มที่เพิ่งจะออกมาร่วมเคลื่อนไหวในระยะหลัง ที่มีความตื่นตัวทางการเมืองเป็นอย่างมาก มาเกาะกันเป็นกลุ่ม ตั้งทีมงานระดับอำเภอ เพื่อรวบรวมเครือข่าย จากนั้นก็จะพยายามดึงวิทยากรทั้งจากพื้นที่-ส่วนกลาง มาร่วมจัดเวทีขยายแนวคิดเรื่องการเมืองใหม่ เกาะติดสถานการณ์ทางการเมือง เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะออกมาแสดงพลังได้ทุกเมื่อ
โดยเฉพาะกำแพงเพชร เขาบอกว่า ระยะแรกจะอาศัยเครือข่ายประชาชนที่เขาทำงานอยู่ และมีตัวแทนอยู่ทุกอำเภอ มาร่วมผลักดัน โดยสัปดาห์หน้านี้จะเชิญตัวแทนทุกอำเภอเข้าร่วมประชุมเพื่อวางทิศทางการทำงานการเมืองภาคประชาชน-ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคต
“มาถึงตอนนี้ยอมรับว่า คนกำแพงเพชรตื่นตัวทางการเมืองสูงมาก โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า ซึ่งเราอยากให้เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว เพื่อเพิ่มอำนาจการตรวจสอบของภาคประชาชนให้เข้มแข็งมากขึ้น”
นายสุวัฒน์ ยังบอกอีกว่า อีกแนวทางหนึ่ง ก็คือ การสร้างเครือข่ายวิทยุชุมชน เพื่อใช้เป็นกระบอกเสียงกระจายข้อมูลข่าวสาร-ความรู้เกี่ยวกับการเมืองใหม่ในอุดมคติ ให้แก่ประชาชนในวงกว้าง โดยเชื่อมโยงเครือข่ายกับสถานีวิทยุแนวร่วมในทุกๆ จังหวัดเข้าด้วยกัน เพื่อส่งต่อ-ถ่ายทอดความเคลื่อนไหว ได้อย่างมีพลังมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ของกำแพงเพชร ก็มีอยู่แล้ว 3 สถานี หนึ่งในนั้นก็คือ คลื่น 105.75 เมกะเฮิรตซ์ ที่ถ่ายทอด ASTV ทั้งวัน และจะพยายามให้เกิดขึ้นทุกท้องที่
“ยอมรับว่า บางจังหวัดอาจจะลำบากอยู่ เพราะนักการเมืองในพื้นที่คุมเกมอยู่ แต่ยืนยันว่า เราจะพยายามสร้างเน็ตเวิร์กขึ้นทุกจังหวัดแน่นอน”
ส่วนที่ นครสวรรค์ นายอดิศักดิ์ จันทวิชานุวงศ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) นครสวรรค์ กล่าวว่า พันธมิตรฯนครสวรรค์ ตื่นตัวกับการเมืองใหม่กันมากขึ้น หลังจากที่ร่วมต่อสู้กันมาตลอดเวลากว่า193 วัน ที่ผ่านมา ได้อาศัย ASTV เป็นแม่ข่ายหลัก กระจายความรู้สู่กลุ่มพันธมิตรฯด้วยกัน ซึ่งจริงๆ แล้วพันธมิตรฯก็ได้ใช้วิทยุชุมชนเป็นสถานีกระจายให้ความรู้และความเคลื่อนไหวของกลุ่มให้เครือข่ายนครสวรรค์รับฟังอยู่ทางบ้านอยู่แล้ว โดยพันธมิตรฯก่อตั้งขึ้นมาเองในคลื่น 101.50 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งในบางโอกาสก็จัดเวทีเสวนาทางการเมือง โดยจัดที่ห้องส่งและถ่ายทอดไปยังกลุ่มพันธมิตรฯนครสวรรค์
นอกจากนี้ ยังมีคลื่น 93.75 ซึ่งเป็นวิทยุชุมชนของคนรถไฟ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของกลุ่มพันธมิตรฯนครสวรรค์ อยู่ก่อนแล้ว โดยรับสัญญาณจาก ASTV ที่กรุงเทพฯมาให้ฟัง เพียงแต่ไม่มีภาพเท่านั้น
นายอดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า พันธมิตรฯนครสวรรค์ ยังพยายามให้ความรู้การเมืองใหม่ โดยในวันที่ 12 ธันวาคม 2551 จะเชิญ อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายประพันธ์ คูณมี มาให้ความรู้แนวทางการเมืองใหม่ ที่แฟรี่แลนด์พล่าซ่า เวลา 13.00-16.00 น.ในหัวข้อ “มองข้างหน้าอนาคตไทย” และในช่วงเย็น จะจัดเวทีให้พูดคุยในภาษาพันธมิตรฯกันด้วย
นายทวี ทองถัน แกนนำพันธมิตรพิษณุโลก กล่าวว่า การเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรฯจะทำให้ชาวพิษณุโลกตื่นตัว และสนใจเนื้อหาการเมืองมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ได้รับชมทาง ASTV แต่หากพื้นที่ไม่ได้รับชมก็สามารถติดตามทางคลื่นวิทยุชุมชน 100.75 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเครือข่ายรวบรวมทุนก่อตั้งสถานีวิทยุชุมชน เพื่อกระจายข่าวสารให้แก่พี่น้องพันธมิตรฯ โดยตลอดทั้งวัน จะรับสัญญาณจากจอทีวี ASTV ถ่ายทอดออกมาเป็นคลื่นวิทยุ เนื้อหา และสาระทางการเมืองเหมือนกับทีวี แต่ไม่มีภาพให้เห็นเท่านั้น
ขณะที่ จังหวัดพิจิตร นายสมเกียรติ โสภณพงศ์พิพัฒน์ แกนนำ พธม.พิจิตร, ประธานชมรมสหกรณ์จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ได้ก่อตั้งสถานีวิทยุชุมชนขึ้นมาแล้วในคลื่น 103.25 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งจะมีทั้งการจัดรายการโดย ดีเจ ในท้องถิ่น-วิเคราะห์ข่าวสาร-ถ่ายทอดสัญญาณ ASTV บางรายการ แทรกด้วยรายการเพลิงเพื่อให้เกิดการผ่อนคลายในบางช่วงเวลา
“ในอนาคตสถานีเครือข่ายทุกจังหวัด จะเชื่อมสัญญาณถึงกันหมด เพื่อเลือกนำเอารายการบางรายการมาถ่ายทอดให้เครือข่ายในพื้นที่ได้รับรู้ความเคลื่อนไหว ซึ่งเชื่อว่า แนวทางนี้จะสามารถขยายแนวร่วมวงกว้างได้เป็นอย่างมากแน่นอน”