ASTVผู้จัดการรายวัน - "อภิสิทธิ์" นั่งนายกฯ คนที่ 27 ตามคาด หลัง 235 ส.ส.เทเสียงหนุน ส่วน"ประชา" ได้แค่ 198 เสียง เพื่อแผ่นดินแตกยับแยก 2 ขั้วโหวต ขณะที่ "เชษฐา" แหกมติพรรค ถูก ส.ส.รวมใจไทยฯ รวมหัวกดดันต้องลาออกจากการเป็น ส.ส. "ชวน" แนะศิษย์รักเป็นนายกฯ ต้องอดทน-เป็นธรรม เลขาสภาฯ ทูลเกล้าฯ แล้ว คาดศุกร์ที่ 19 ธ.ค.คลอด ครม.ได้ เปิดโผ ล่าสุด "หม่อมเต่า" รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ "มาร์ค" ยังควบ รมว.ศึกษาฯ "เทพเทือก" รองนายกฯ ควบ มท.1 "ประวิตร วงศ์สุวรรณ" รมว.กลาโหม "เสธ.หนั่น" เชื่อมี ส.ส.แตกแถวมาร่วมกับรัฐบาลอีกมาก "เพื่อไทย" ก้มหน้ารับสภาพ เล็ง "เหนาะ" เป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (15 ธ.ค.) มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ ซึ่งมีวาระสำคัญการเลือกนายกรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างลง จากการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่ง โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม หลังจากที่ประชุมรับทราบพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2551 แล้ว นายชัยได้กล่าวแสดงความ เสียใจที่ นายสมบัติ สิทธิกรวงศ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน โดยได้ให้สมาชิกยืนไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาที
จากนั้น นายชัย กล่าวว่า เนื่องจากมีการยุบพรรคเกิดขึ้นทำให้สมาชิกภาพของ นายสมชายสิ้นสุดลง จึงต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ทั้งนี้ส.ส.แต่ละคนมีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเพื่อให้ที่ประชุมลงมติเลือกเป็นนายกฯ ได้โดยต้องมีเสียงรับรอง 1 ใน 5 จากสมาชิกทั้งหมด คือ 88 คน จาก 437 คน ส่วนผู้ที่จะได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ คนใหม่ ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 219 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายชัยกำลังชี้แจงขั้นตอนการลงมติเลือกนายกฯ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคพลังประชาชน ได้ขอหารือ โดยกล่าวว่า การทำหนังสือเชิญประชุมของประธานสภาฯมีข้อน่าสังเกตว่าเร่งรัดเกินไปหรือไม่ เพราะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญลงมาวันที่ 11 ธ.ค. และประธานได้ทำหนังสือเรียกประชุมทันทีในวันเดียวกัน แม้ตำแหน่งนายกฯ ว่างลง ต้องมีการเลือกนายกฯ ภายใน 30 วัน แต่กรณีนี้ เป็นการว่างลงจากเหตุอื่น ให้นำข้อบังคับการประชุมมาใช้โดยอนุโลม ซึ่งตรงนี้รัฐธรรมนูญไม่ได้พูดชัดเจน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจะพิจารณากรณี 30 วันอย่างไร
นอกจากนี้ยังมีกรณียุบพรรคทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่จำนวน 26 คน ใน 22 จังหวัด ซึ่งกกต.ได้กำหนดวันเลือกตั้งไว้แล้ว ซึ่งประชาชนในจังหวัดดังกล่าว อยากให้ ส.ส.ในเขตเลือกตั้งของตนเองใช้สิทธิลงมติเลือกนายกฯ ด้วย ขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะตัว แต่มีผลจากคดียุบพรรคตนเห็นว่าสภามีองค์ประกอบไม่ครบ ไม่สมบูรณ์ ทำให้เสียงข้างมากเปลี่ยนไป กรณีอย่างนี้สภาจะพิจารณาอย่างไร
นายชัยชี้แจงว่า เอาไว้ปรึกษาตอนมีนายกฯแล้ว จากนั้นได้เปิดให้แต่ละฝ่ายเสนอชื่อบุคคลเพื่อมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยขณะที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กำลังลุกขึ้นเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี นั้น นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงว่า การที่ประธานบอกให้มีนายกฯ ก่อนค่อยหารือเรื่องปัญหาสมาชิกไม่ครบ แต่วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองมีวิกฤตศรัทธา ใครก็รู้ว่านายกฯ คนใหม่นั้นไม่ได้เกิดจากสภา แต่เกิดจากพลังนอกอำนาจสภา อีกทั้งยังมีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.อีก 26 คน ซึ่งย่อมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างอำนาจรัฐ
**ผลโหวตอภิสิทธิ์ชนะประชาขาด
อย่างไรก็ตาม ภายหลังนายสุนัยพูดจบ นายชัยชี้แจงทันทีว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 93 บัญญัติไว้ชัดเจน ตนจึงไม่รู้ว่าต้องวินิจฉัยอะไรอีก จากนั้นได้เดินหน้าในการ เลือกนายกฯ ต่อโดยนายบัญญัติได้เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ มีผู้รับรองเอกฉันท์ 214 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 15 เสียง ขณะที่นายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.สัดส่วน หัวหน้าพรรคประชาราช ได้เสนอชื่อพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นนายกฯ มีผู้รับรอง 195 ไม่รับรอง 2 งดอกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 9 เสียง
แต่นายสุนัย จุลพงษธร ได้ลุกขึ้นเสนอว่า การเลือกนายกฯ ครั้งนี้มีความสำคัญมาก ผู้แทนฯ ต้องมีความสง่างาม วันนี้มีข่าวออกมาต่างๆ นาๆ จึงอยากให้ส.ส. ที่ลงมติขานเชื่อ บอกให้ชัดเจนด้วยว่าเป็นส.ส.สัดส่วน หรือส.ส.เขตใด จังหวัดใด แต่นายชัยปฏิเสธว่า เรื่องนี้เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.
จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติด้วยการขานชื่อตามลำดับหมายเลขจำนวนทั้งสิ้น 437 คน ภายหลังการขายชื่อนาน 1 ชั่วโมงเศษ ปรากฏว่า นายอภิสิทธิ์ได้รับเลือก ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนน 235 เสียง ซึ่งถือว่าเกินกึ่งหนึ่งคือ 219 เสียง ส่วนพล.ต.อ.ประชา ได้ 198 เสียง และงดอกเสียง 3 เสียง
นายชัยกล่าวก่อนปิดประชุมเวลา 11.30 น.ว่า ผลการลงมติทำให้นายอภิสิทธิ์ ได้รับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด คือเกิน 219 เสียง ถือได้ว่า นายอภิสิทธิ์ได้รับความเห็นชอบตามมติของสภา ซึ่งตนจะได้นำความกราบบังคมทูลเกล้าฯ และจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาต่อไป
**เพื่อแผ่นดินเสียงแตก 2 ขั้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงคะแนนเลือกนายกฯ ครั้งนี้ หลายพรรคการเมือง เสียงแตกแยกขั้วกัน โดยเฉพาะ พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินที่ถูกเสนอชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฎว่า มีเพียง พล.ต.อ.ประชา ม.ร.ว.กิตติวัฒนา ไชยันต์ ส.ส.สัดส่วน นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล ส.ส.นครราชสีมา นายวัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วน นายแวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.สัดส่วน นายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.สัดส่วน นายมานพ ปัดนวงศ์ ขานชื่อสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา
ขณะที่ นายนรพล ตันติมนตรี ส.ส.เชียงใหม่ นายพลพีร์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชศรีมา นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร นายพิกิฏ ศรีชนะ ส.ส.ยโสธร นายวิทยา บุตรดีวงค์ ส.ส.มุกดาหาร นายสุชาติ ตันติวณิชชานนท์ ส.ส.อุบลราชธานี นายอลงกต มณีกาศ ส.ส.นครพนม นายไชยยศ จิระเมธากร ส.ส.อุดรธาน นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ ส.ส.นครราชศรีมา นายประนอน โพธิ์คำ ส.ส.สัดส่วน ร.ต.หญิงระนองรัตน์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชศรีมา ขานชื่อสนับสนุน นายอภิสิทธิ์
**เพื่อนเนวิน 22 เสียงหนุนมาร์ค
ส่วนกลุ่มเพื่อนเนวิน และส.ส.พรรคพลังประชาชนเดิม ที่เลือกนายอภิสิทธิ์ 22 คน เช่น นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม นายคงฤช หงษ์วิไล ส.ส.ปราจีนบุรี นายชยุต ภุมมะภาญจนะ ส.ส.ปราจีนบุรี นายเฉลิมชาติ การุญ ส.ส.สกลนคร นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส.อุดรธานี นายทวีวัฒน์ ฤทธ์ฤาชัย ส.ส.สกลนคร นายธีระทัศน์ เตียวเจริญโสภา ส.ส.สุรินทร์ นายบุญจง วงษ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ส.ส.ขอนแก่น นายประสิทธิ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ส.ส.บุรีรัมย์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา
นางพัฒนา สังขทรัพย์ ส.ส.เลย นายเพิ่มพูน ทองศรี ส.ส.สัดส่วน นายภิรมย์ พลวิเศษ ส.ส.นครราชสีมา นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ ส.ส.พิษณุโลก นายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ ส.ส.บุรีรัมย์ นางมลิวัลย์ ธันญสกุลกิจ ส.ส.สุรินทร์ นายยรรยง ร่วมพัฒนา ส.ส.สุรินทร์ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.บุรีรัมย์ นายวีระ รักความสุข ส.ส.สัดส่วน นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์
**"เหวียง" แหกมติพรรคเชียร์ "ประชา"
ด้านพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ก็เสียงแตกเช่นกัน โดย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ส.ส.สัดสวน หัวหน้าพรรค นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา ขานชื่อเลือก พล.ต.อ.ประชา ขณะที่นายประเสริฐ บุญชัยสุข ส.ส.นครราชศรีมา นายวรรณรัตย์ ชาญนุกูล ส.ส.นครราชสีมา นายวรศุลี สุวรรณปริสุทธิ์ ส.ส.มุกดาหาร นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ ส.ส.พิจิตร เลือกนายอภิสิทธิ์ นอกจากนี้นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ส.ส.นครราชสีมา งดออกเสียง และนายไกร ดาบธรรม ส.ส.เชียงใหม่ ไม่มาประชุมด้วย
สำหรับ ส.ส.พรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม ที่เลือก พล.ต.อ.ประชา ได้แก่ นางกรรณิการ์ เจริญพันธ์ ส.ส.สุรินทร์ พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ ส.ส.นครสวรรค์ และนายอารยะ ชุมดวง ส.ส.สุโขทัย
ขณะที่นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี นายณัฐวุฒิ สุขเกษม นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์ นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยน่าน นายมานิต นพอมรวดี ส.ส.ราชบุรี นายมาโนช เฮงยศมาก ส.ส.บุรีรัมย์ นายสมนึก เฮงวาณิชย์ ส.ส.บุรีรัมย์ นางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีษะเกษ เลือกนายอภิสิทธิ์
ส่วนส.ส.พรรคชาติไทยเดิม มีเพียงนายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล ส.ส.ปทุมธานี ที่เลือก พล.ต.อ.ประชา ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาราช นำโดยนายเสนาะ เลือก พล.ต.อ.ประชาทั้งหมด
**"อภิสิทธิ์"เครียดก่อนยิ้มออก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงแรกของการขานชื่อ ส.ส.คะแนนสูสีกันมาก ทำให้นายอภิสิทธิ์ มีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งใกล้จะถึงการขานชื่อ ส.ส.ในช่วงสุดท้าย ซึ่งปรากฎว่า นายอภิสิทธิ์คะแนนนำนั้น ทำให้ก็มีสีหน้าคลายความกังวลมากขึ้น และเริ่มยิ้มให้กับ ส.ส.ในพรรค ขณะที่ ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์ต่างก็ชูกำปั้น แสดงความดีใจ และทันทีที่โหวตเสร็จ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ปรบมือทันที โดยนายชัย กล่าวว่า ปรบมือทำไม และจากนั้นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ส.ส.สัดส่วน และนางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาน เข้าแสดงความยินดีกับนายอภิสิทธิ์
สำหรับการลงคะแนนครั้งนี้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเดิม ซึ่งมี 212 คน ลงคะแนนให้นายอภิสิทธิ์ 32 คน โดยมาจากกลุ่มเพื่อนเนวิน 22 คน ที่เหลือแยกไปอยู่พรรคการเมืองอื่น โหวตให้ พล.ต.อ.ประชา 178 คน งดออกเสียง 1 คือนายชัย ชิดชอบ
พรรคประชาธิปัตย์ มีทั้งหมด 166 เสียง ลงคะแนน โหวตให้นายอภิสิทธิ์ 165 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พรรคเพื่อแผ่นดิน มีทั้งหมด 22 เสียง สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ 12 เสียง พล.ต.อ.ประชา 9 เสียง ไม่มาประชุม 1 เสียงคือ
พรรคชาติไทยเดิม มี 15 เสียง โหวตให้นายอภิสิทธิ์ 14 เสียง พล.ต.อ.ประชา 1 เสียง พรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม มีทั้งหมด 10 เสียง ลงคะแนน ให้ นายอภิสิทธิ์ 7 เสียง พล.ต.อ.ประชา 3 เสียง
พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา มีทั้งหมด 8 เสียง โหวตให้นายอภิสิทธิ์ 5 เสียง พล.ต.อ.ประชา พล.ต.อ.ประชา ไม่มาร่วมประชุม 1 เสียงคือ นพ.ไกร ดาบธรรม พรรคประชาราช มีทั้งหมด 5 เสียง ลงให้พล.ต.อ.ประชา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการนับคะแนนได้ทราบผลอย่างไม่เป็นทางการ ว่านายอภิสิทธิ์ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ประชา ได้เข้ามาแสดงความ ยินดีกับนายอภิสิทธิ์ พร้อมกับฝากให้บริหารงาน แก้ปัญหาของประเทศ โดยระบุว่า "ผมขอฝากประเทศไทยไว้กับคุณอภิสิทธิ์อย่าให้มีเรื่องความรุนแรงแตกแยก" ซึ่ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยินดีที่จะร่วมงานกับพรรคเพื่อแผ่นดิน
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เดินเข้าไปทักทายนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายบัญญัติ ระบุว่า "นึกว่าท่านจะไม่เดินเข้ามาหาผมซะแล้ว ผมยังไม่ได้แสดงความยินดีกับนายกฯ คนใหม่เลย" จากนั้นทั้งคู่ได้จับมือกัน โดยนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวขอบคุณ
จากนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ ได้เข้าไปขอบคุณกลุ่มเพื่อนเนวิน ก่อนจะเดินไปนั่งกับนายชวน หลีกภัย ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และพูดคุยกันเป็นเวลากว่า 10 นาที โดยนายชวนได้ตบบ่านายอภิสิทธิ์ เพื่อแสดงความยินดีทั้งนี้ ส.ส.หญิงของพรรคประชาธิปัตย์ ได้กรูกันไปประมาณ 10 คน เพื่อขอถ่ายภาพนายอภิสิทธิ์
ทั้งนี้ นายชวนได้ให้คำแนะนำนายอภิสิทธิ์ ว่า การเป็นรัฐบาลครั้งนี้ถือว่า เป็นงานหนักกว่าปี 2540 เพราะเมื่อปี 2540เจอวิกฤตเศรษฐกิจ แต่สถานการณ์ขณะนี้เกิดความแตกแยกทางสังคม ซึ่งการบริหารบ้านเมืองในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ประเทศฝ่าวิกฤตไปได้ ทุกคนต้องทำงานอย่างหนัก และต้องอาศัยความเสียสละ
นายชวนยังให้คำแนะนำนายอภิสิทธิ์ด้วยว่า การเป็นรัฐบาลภายใต้ กลุ่มการเมืองต่างๆ จะต้องใช้หลักการบริหารที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ดังนั้น การที่เป็นรัฐบาลผสมจากหลายพรรคต้องอาศัยคนนอกเข้ามาสร้างความเข้มแข็ง ในการบริหารและฝ่าวิกฤต และอยากให้นายอภิสิทธิ์เข้มแข็งไม่ควรให้คนภายในพรรค มาแย่งตำแหน่งกันเอง เพราะการที่นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ ครั้งนี้ ถือเป็นโอกาส ของพรรคอีกครั้งหนึ่งที่จะได้เข้ามาพิสูจน์ตัวเอง สร้างความเชื่อมั่นของประชาชนให้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้นายชวนยังได้แสดงความเป็นห่วงต่อกรณีปัญหาความแตกแยกในสังคม โดยแนะนำให้นายอภิสิทธิ์เร่งสร้างความปรองดองสามัคคีของคนประเทศให้กลับคืนมา รวมไปถึงปัญหาความขัดแย้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย และควรปัญหาราคายางพาราตกต่ำโดยเร็ว รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ หากนายอภิสิทธิ์ทำให้เกษตรกรทุกคน อย่างเท่าเทียมกัน เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับความนิยมทั่วทุกภาค
**"เหนาะ"ไม่พอใจหลังพ่ายยับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนับคะแนนเสร็จและทราบว่านายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯแน่นอน นายเสนาะ เทียนทอง ผู้ซึ่งเสนอชื่อ พล.ต.อ.ประชา ได้ลุกออกจากที่นั่งด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนที่จะหันไปมอง พล.ต.อ.ประชา ทำให้ พล.ต.อ.ประชาต้องลุกตามไป
ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้แสดงความไม่พอใจ พร้อมทั้งหยิบบัตรส.ส.มาดู และถามว่าแล้วบัตรนี้จะใช้อะไรได้อีก เอาไปเผาไฟทิ้งดีไหม บ้างก็บอกว่าบัตรนี้ ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว ก่อนที่จะทยอยออกจากห้องประชุมโดยไม่รอฟังผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ ทำให้ในช่วงการประกาศผลมี ส.ส.ในซีกพรรคเพื่อไทย โหรงเหรง รวมทั้งกลุ่มเพื่อนเนวิน เมื่อแสดงความยินดีกับนายอภิสิทธ์แล้ว ก็รีบออกจากห้องประชุมในทันที
**"เทพเทือก"มั่นใจมีเสถียรภาพ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในเรื่อง โควตารัฐมนตรีนั้นจะทำตามที่ได้รับปากและพูดคุยกับพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองต่างๆ ว่าจะคงโควตาตามเดิม กระทรวงไหนที่เขาเคยนั่งมาก็ให้อยู่ต่อไป ส่วนโควตาคนนอกนั้นจะดูตามความเหมาะสม ตนประสานเรื่องจัดตั้งรัฐบาล ส่วนตำแหน่งเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค อยากให้มี ครม.เร็วๆ ซึ่งช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้แต่ละพรรคคงไปคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าตัวเลขที่ออกมาเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตัวเลขสุดท้ายที่คิดคือ 240 เสียง แต่เสียชีวิต 1 คน มีการงดออกเสียงก็ถือว่า ผิดไปนิดเดียว เมื่อถามว่าถือว่าประสบความสำเร็จใช่ไหม นายสุเทพ กล่าวว่า ก็อยู่ในวิสัย เพราะห่างกันประมาณ 39 เสียง ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ถือว่าทำให้รัฐบาล มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะทำงานได้ เมื่อถามถึงตัวเลขส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินที่โหวตให้ นายสุเทพ กล่าวว่า นับไว้ 22 คน เป็นไปตามเป้า มีเพิ่มมีลดนิดหน่อย
"ไม่ใช่ความสามารถของผม แต่เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ อุดมการณ์ของ เพื่อน ส.ส. ที่เขาแสดงความรับผิดชอบ เขารู้ว่าประชาชนกำลังกลุ่มใจเรื่องวิกฤติการณ์ ทางการเมือง ต้องการให้รัฐสภาแก้วิกฤตินี้ให้ได้ ดังนั้นด้วยแรงใจของ ส.ส. จึงได้ฝ่าฟันอุปสรรคสู้กับอิทธิพลมืด อิทธิพลสว่าง กับอำนาจเงินได้ ต้องภูมิใจ"
**โผ ครม.ใหม่เสร็จภายใน 7 วัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะบริหารงานอย่างไรเพราะพอพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ก็ถูกต่อต้านทันที นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ค่อยๆ ทำกันไป เรารู้ว่าจะต้องมีเรื่องเหล่านี้ คงต้องใช้เวลาพูดจาอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ถึงเหตุผลข้อเท็จจริง และเมื่อเห็นความตั้งใจจริงของเราก็จะเข้าใจ
ส่วนจะนั่งตำแหน่งรมว.มหาดไทยแน่ใช่หรือไม่ นายสุเทพรีบกล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ ตนไม่ได้คิดเรื่องของตัวเอง แต่การจัดตั้งรัฐบาลได้คราวนี้ เป็นความภาคภูมิใจมาก และไม่คิดเรื่องของตัวเองเลย
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ไปต้องรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ จากนั้นจึงจะร่วมกันพิจารณาจัดตั้ง ครม.ร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ตามตนคาดว่าจะสามารถแถลงนโยบายรัฐบาลได้ ในวันที่ 26 ธ.ค. เพื่อเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้แก่ชาวไทย ทั้งนี้ตนคาดว่าจะสามารถจัดโผครม.โฉมใหม่ได้ภายใน 7 วัน และยืนยันว่าครม.ชุดนี้หน้าตาดีอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างรอรถมารับ นายสุเทพได้กะเกณฑ์ให้ส.ส.ของ พรรคประชาธิปัตย์ รีบขึ้นรถออกไปจากรัฐสภา ด้วยสีหน้าวิตกกังวล โดยเมื่อผู้สื่อข่าว ถามว่า กังวลว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะมาชุมนุมต่อต้านในลักษณะนี้บ่อยๆ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เพียงสั้นๆ ว่า ธรรมดาๆ นอกจากนี้ระหว่างที่กลุ่ม นายสุเทพ ยืนอยู่หน้าบริเวณบ่อปลาคาร์พ มีส.ส.กลุ่มหนึ่งได้เดินผ่าน และพูดขึ้นลอยๆ ว่า "ขอแสดงความยินดีที่ปล้นได้สำเร็จ" แต่นายสุเทพ ไม่ได้ยินเพราะคุยโทรศัพท์อยู่
**คาด ครม.เสร็จวันศุกร์นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางแกนนำพรรคคาดว่านายอภิสิทธิ์จะได้รับการโปรดเกล้าฯ ในวันพุธที่ 17 ธ.ค.นี้ และคณะรัฐมนตรีจะเสร็จสิ้นในวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้ บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีจะต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 83 ที่ระบุว่าการคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ หรือรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือรองประธานสภาฯ ในนามพรรค ซึ่งคาดว่าจะนำรายชื่อบุคคลที่ถูกเสนอเป็นรัฐมนตรีเข้าสู่การประชุมกรรมการบริหารพรรคหลังจากที่โปรดเกล้าฯ นายอภิสิทธิ์แล้ว
ทั้งนี้ คาดว่านายกฯ และครม.จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ในวันที่ 21 ธ.ค. หรือวันที่ 22 ธ.ค.นี้
ล่าสุดช่วงเย็นที่ผ่านมา นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยเมื่อเวลา 18.00 น. ว่า ได้นำรายชื่อ นายอภิสิทธิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว ดังนั้น ช่วงเวลาระหว่างนี้จะยังไม่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
**ม็อบเสื้อแดงถ่อยถล่มรถ ส.ส.ยับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังปิดการประชุม สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทยอยกันออกจากสภาเพื่อมาสมทบกันที่ทำการพรรค แต่ปรากฏว่า กลุ่มม๊อบเสื้อแดง ได้ปิดล้อมประตูทางออกด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยว พร้อมทั้งขว้างปาก้อนอิฐหนอนไปยังรถยนต์ของส.ส.ฝ่ายที่โหวตให้นายอภิสิทธิ์ ขณะที่บางส่วนได้สาดน้ำกรด เข้าใส่คนที่นั่งในรถด้วย พร้อมกับตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำที่รุนแรง จนทำให้เกิดความเสียหายกระจกแตกกระจาย แม้กำหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าควบคุม แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการกระทำของคนกลุ่มเสื้อแดงได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการกระทำของม๊อบเสื้อแดง ทำให้รถยนต์ของนายธนา ธีรวินิจ ส.ส. กทม. ได้รับความเสียหายยับเยิน และนายพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส. กทม. ที่นั่งมาด้วยได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกก้อนอิฐหนอนขว้างที่บริเวณก้านคอ ขณะที่นายไชยยศ จิระเมธากร ส.ส.จากพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศีรษะ เข้ารับการรักษาตัวที่รพ.วิชัยยุทธ รวมถึงรถตู้ของนายองอาจ คล้ามไพบูรณ์ ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รับความเสียหายด้วย
**ปชป.คึกคักร่วมกินมื้อเที่ยงชื่นมื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศที่พรรคประชาธิปัตย์หลังได้รับชัยชนะ เป็นอย่างคึกคัก นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยแกนนำพรรคได้เดินทางเข้าพรรคเพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ที่ชั้น 3 ตึก 60 ร.ม.ว.เสนีย์ ปราโมทย์ โดยช่วงหนึ่ง นายอภิสิทธิ์ ได้ตอบคำถามผู้สื่อถึงการจัดโผ ครม.ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ โดยให้ผู้สื่อข่าวไปบวกลบกันเอาเองว่า ครม.มี 36 เก้าอี้ แล้วเอาสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลมาและคนนอกมาลบออก ก็จะได้สัดส่วนเก้าอี้ของพรรคประชาธิปัตย์
ผู้สื่อข่าวครอบครัวได้แสดงความยินดีหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้คุยกันแล้วผ่าน ภรรยา และลูกสาวได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าวันเสาร์-อาทิตย์ ต้องเตรียมสถานที่รับรองสำหรับผู้สื่อข่าว หรือเปล่าเพราะต้องไปเฝ้าติดตามรายงานความเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรีตลอด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ต้องไปเฝ้าก็ได้ เพราะบ้านตนหลังเล็กไม่เหมาะ จะให้นั่งฟุตบาทก็ไม่ได้ มันไม่เหมาะ เกรงใจชาวบ้านแถวนั้น เพราะฟุตบาทเล็ก พร้อมทั้งพูดติดตลกว่า "ให้ไปเฝ้าบ้านเลขาธิการพรรคแทนแล้วกัน และไม่ต้องห่วงเสาร์-อาทิตย์ มีงานให้ทำอยู่แล้ว ไปเฝ้าทำเนียบฯ ก็พอแล้ว"
**เล็งเปลี่ยนที่ประชุมอาเซียน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การประชุมอาเซียน ที่จ.เชียงใหม่นั้นคิดว่ามีข้อขัดข้องหลายอย่าง ทั้งเรื่องสถานที่ หรืออาจจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมก่อความวุ่นวาย หากเข้ารับตำแหน่งคงเลื่อนการจัดงานให้เร็วขึ้น แต่คิดว่าปลายเดือนม.ค. คงไม่สามารถ ดำเนินการได้ทัน อีกทั้งประเทศสมาชิกคงไม่สะดวก เนื่องจากประเทศที่ประชากรเชื้อสายจีน อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน นั้นอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ตามตนไม่คิดว่าประเทศอื่นจะสามารถเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมแทนได้
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าชาวเชียงใหม่อยากให้จัดประชุมที่นั่น ซึ่งต้องรอดูความ พร้อมก่อน เพราะโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์นั้น ตนมองว่าอยู่ในที่ที่อาจจะเสี่ยงต่อการจราจล ต้องพูดคุยกันอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกฯแล้วจะนั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า สถานการณ์อย่างนี้ คงไม่เหมาะ มีแต่คนอยากให้ควบทั้งกระทรวงกลาโหม คลัง ศึกษาธิการ ทั้งนี้ยืนยันว่า ครม.อภิสิทธิ์ 1 อาจจะต้องมีรมต.คนนอก ส่วนจะเข้ามาช่วยดูด้านเศรษฐกิจหรือไม่นั้น ต้องคุยกันอีกที
ส่วนจะใช้สถานที่ใดเป็นที่รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ อาจจะใช้ห้องประชุมพรรค อาคารเสนีย์ ปราโมช แต่สมัยนายชวน หลีภัย เป็นนายกฯ ได้ใช้สถานที่บริเวณ ด้านล่างหน้าลานพระแม่ธรณี ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.30 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางมายังวัดบ่อ จ.นนทบุรี เพื่อร่วมพิธีรดน้ำศพ นายสมบัติ สิทธิกรวงศ์ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ จ.นนทบุรี
**เพื่อแผ่นดินเสียหดลดเหลือ 3 เก้าอี้
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีว่า เริ่มมีปัญหาขึ้นมาทันที หลังจากนายอภิสิทธิ์ ได้รับเสียงสนับสนุนเพียง 235 เสียง เนื่องจากเสียงของแต่ละพรรคมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่รับปากไว้ คือจากที่ตกลงกันว่า พรรคเพื่อแผ่นดินจะยกมือโหวตให้ 24 เสียง แต่กลับโหวตจริงเพียง 12 เสียง พรรคชาติไทย 15 เสียงโหวตให้ 14 พรรคมัชฌิมาธิปไตย เดิมจะมา 10 เสียง แต่เอาเข้าจริงได้มาเพียง 4 เสียง พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่บอกมี 9 เสียง โหวตให้เพียง 5 เสียง ส่วนกลุ่มเพื่อนเนวิน จากเดิมประเมินไว้ 20 เสียง กลับโหวตให้เพิ่มขึ้น ดังนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค จะไปหารือกับแกนนำแต่ละพรรคอีกครั้ง
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับนายสุเทพกล่าวว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขเสียงสนับสนุนของแต่ละพรรค แต่เชื่อว่า โดยนิสัยของนายสุเทพที่เป็นคนใจนักเลง จึงเป็นไปได้ว่า จะจัดส่วนเก้าอี้ให้แต่ละพรรคตามที่เคยตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ยกเว้นพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เสียงหายไปมากอาจจะขอคืนเก้าอี้ รมว.อุตสาหกรรมกลับมา โดยเดิมได้ 4 ตำแหน่ง จึงเหลือแค่ 3 ตำแหน่ง และไปเพิ่มโควตาให้กับกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่ได้ส.ส.มาสนับสนันมากกว่าเดิมถึง 12 เสียง สำหรับกระทรวงแรงงานที่เดิมวางไว้ให้ พรรคประชาราช นั้น ก็จะกลับมาเป็นของพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ นายสุเทพ ได้นัดหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลร่วมรับประทานอาหารและหารือถึงเการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีในช่วงคำของวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่โรงแรมวีไอเอ ถนนราชเทวี นอกจากนี้ ในวันนี้ (16 ธ.ค.) ส.ส. กลุ่มเพื่อเนวิน จะนำนโยบายมาเสนอต่อคณะทำงานด้านนโยบายที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหน้าหน้า เป็นประธานด้วย
**"เทพเทือก"รองนายกฯ ควบ มท.1
ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ จะได้โควตา 20 ตำแหน่ง โดยที่ค่อนข้างจะชัดเจนแล้ว คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ควบ รมว.ศึกษาธิการ นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง นายเกียรติ สิทธีอมร รมว.พาณิชย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย นายชินวรณ์ บุญเกียรติ รมช.ศึกษาธิการ พล.อ.ประวิทย์ วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รมต.ประจำสำนักนายกฯดูแลสำนักงบประมาณ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯดูแลด้านสื่อมวลชน
ส่วนตำแหน่งอื่นยังไม่แน่นอนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรค ที่อาจจะนั่งเป็นรองนายกฯ ดูแลด้านสังคม ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมานั่งเป็นรองนายกฯ ดูแลด้านเศรษฐกิจ
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา รมว.ยุติธรรม คุณหญิงกัลยา โสภณพาณิช ส.ส.กทม. คาดว่าจะมานั่งในเก้าอี้ รมว.วิทยาศาสตร์
ด้าน รมว.ศึกษาธิการ ยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ ว่าจะนั่งควบหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเคยประกาศว่าจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นายไกรศักดิ์ ชุนหะวัณ รองหัวหน้าภาคอีสาน คาดว่าจะไปนั่งตำแหน่ง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคง นายธีระ สลักเพชร ส.ส.ตราด คาดว่าจะได้ตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ในส่วนของ นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน กำลังสนใจ ตำแหน่งรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือรมช.คมนาคม
ส่วนคนอื่นที่อยู่ในข่ายได้รับการพิจารณา ซึ่งจะเป็นไปตามภาคคือ ภาคอีสาน นายอิสระ สมชัย ภาคกลาง นายอลงกรณ์ พลบุตร และ นายสาธิต ปิตุเตชะ ภาคเหนือ นายเทอดพงษ์ ไชยนันท์ นายชัยวุฒิ บรรณวัตร และนายไพฑูรย์ แก้วทอง ภาคใต้ นายวิทยา แก้วภารดัย นายชินวรณ์ บุญเกียรติ นายถาวร เสนเนียม นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายชุพล กาญจนะ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส่วน กทม. นายกรณ์ จาติกวนิช นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
ทั้งนี้ ในตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ คาดว่าจะเป็นนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค โดยมีนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองเลขาธิการพรรค จะนั่งเป็นรองเลขาฯ นายกฯ
**เสธ.หนั่นเชื่อรัฐบาลจะมีเสียงเพิ่ม
ด้าน พล.ต.สนั่น ขจรประสาสน์ อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย แสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลใหม่จะไม่มีแรงกดดันใดๆ แม้จะมีกลุ่มเสื้อแดง มาชุมนุมหน้าสภา คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดูแล
พล.ต.สนั่น กล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ ชนะคะแนนโหวต 37 เสียง ก็น่าจะมีเสถียรภาพ หากทำงานดีก็จะอยู่ได้นานเพราะเมื่อเปลี่ยนขั้วรัฐบาลแล้วมันก็น่าจะดีขึ้น การคอรัปชั่นเชิงนโยบายมันก็ไม่น่าจะมี อีกทั้งทุกองค์กรก็สนับสนุน หากยังเป็นขั้วเดิมสองเดือนก็น่าจะไปแล้ว แต่ก็ต้องดูที่การจัด ครม.ด้วยที่ต้องดูสักนิด หาก พล.ต.ประชา พรหมนอก ขึ้นเป็นนายกฯเดี๋ยวปัญหาก็จะตามมาอีก ไม่น่าจะอยู่เกินสองเดือน
"เสียงที่หายไปนั้นเดี๋ยวเสียงก็เพิ่มขึ้นเอง เดี๋ยวส.ส.บางพรรคที่โหวตสวน มติพรรคก็จะกลับมาเหมือนเดิม รวมทั้งการเลือกตั้งซ่อมเดี๋ยวก็จะมีเสียง จบการแข่งขัน ส.ส.ก็ต้องกลับมาทำหน้าที่และกลับเข้าไปอยู่ในพรรค"
ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดินเสียง ส.ส.แตกทั้งๆที่มีมติสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ นั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ต้องให้แต่ละพรรคไปหารือกันเอง ส่วนพื้นที่เลือกตั้งซ่อม 3 จังหวัด ของ ส.ส.ของอดีตพรรคชาติไทยคือสิงบุรี ปทุมธานี นครปฐมนั้น ก็น่าจะให้พรรคประชาธิปัตย์ส่งคนลงสมัคร เพราะพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่มีคน
ผู้สื่อข่าวถามว่าตัวเลขดวตต่ำกว่าสิ่งที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ประชาธิปัตย์ ได้ประกาศไว้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า มันก็แค่นี้ ตัวเลขก็น่าจะอยู่ในระดับประมาณนี้ เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์จะเดินทางไปภาคเหนือและอีสานได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนจะนำนโยบายประชานิยมมาใช้ หรือไม่นั้นก็จะต้องหารืออีกทีในการจัดทำนโยบายชุดใหม่
ส่วนรัฐบาลใหม่จะยกเลิกพาสปอร์ตแดงของอดีตนายกหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า อยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้พิจารณา
**"เพื่อนเนวิน"เตรียมแจงคนในพื้นที่
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวก่อนนำ ส.ส. กลุ่มเพื่อนเนวินเดินทางออกจากสภาว่า ในวันนี้ (16 ธ.ค.) จะมีการหารือกันอีกครั้งว่ากลุ่มเพื่อนเนวินจะมีอนาคตอย่างไร เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้ที่จะไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า เดี๋ยวต้องตัดสินใจ ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการหารือกัน
ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงหน้าสภาประกาศว่าจะไม่ยอมให้กลุ่มเพื่อนเนวิน เข้าภาคอีสานแล้ว นายบุญจง กล่าวว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เมื่อถามว่าแล้วโหวตสวน กระแสอย่างนี้จะกลับอีสานได้หรือไม่ นางบุญจง กล่าวว่า ไม่รู้ๆ
ด้าน นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ส.ส.ในกลุ่ม 24 คน โหวตให้นายอภสิทธิ์ครบ ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่ามวลชนเสื้อแดงประกาศชัดว่าจะไม่ให้ส.ส.กลุ่มนี้ลงพื้นที่ นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่เป็นไร มันธรรมดา ส.ส.ต้องลง ไปชี้แจงกับประชาชน เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าอาจสอบตกได้ นายศุภชัย กล่าวว่าไม่เป็นไรพร้อมรับคำพิพากษาจากประชาชน เพราะพวกตนตัดสินใจแก้ปัญหาของประเทศ ประชาชนก็ควรให้โอกาสด้วย เมื่อถามถึงเรื่องโควตารัฐมนตรี ที่กลุ่มน่าจะได้รับ นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่รู้ คิดว่าผู้ใหญ่น่าจะหารือกันอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มเพื่อนเนวินทั้งหมดได้ขึ้นรถตู้สามคันออกจากรัฐสภาทันทีท่ามกลางการปิดล้อมของมวลชนเสื้อแดงด้านหน้าสภาซี่งตำรวจสามารถเคลียร์พื้นที่ให้ออกไปได้
**รวมใจไทยฯ บี้"เชษฐา"รับผิดชอบ
ต่อมาหลังการประชุมสภา ร.ต.ประพาส ลิมปะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรครวมใจไทยฯ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล กรรมการบริหารพรรค ได้เดินทางไปยังที่ทำการพรรคฯ เพื่อร่วมกันแถลงข่าว ผลโหวตเลือกนายกฯ
โดยนายประดิษฐ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายอภิสิทธิ์ ว่าที่นายกฯ คนใหม่ แต่พรรครู้สึกเสียใจ ที่ พล.อ.เชษฐา หัวหน้าพรรคซึ่งได้ร่วมลงชื่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญครั้งนี้ และได้ลงนามร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล 4 พรรค ในการสนับสนุนนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว แต่พล.อ.เชษฐาก็ยังโหวตเลือก พล.ต.อ.ประชา เป็นนายกฯ ถือว่าสวนทางมติพรรค แม้ว่าการโหวต จะเป็นเอกสิทธิ์ ส.ส. แต่คิดว่า หัวหน้าพรรคต้องมีความรับผิดชอบในการนำพาลูกพรรค ให้ไปแนวทางเดียวกัน เมื่อมีมติแล้ว หัวหน้าพรรคก็ต้องเป็นผู้นำ เหตุการณ์นี้ ทำให้พรรคเสียหายต่อการเป็นตัวอย่างของระบอบประชาธิปไตย ตนขอแสดงความเสียใจกับพรรคร่วมรัฐบาล ที่หัวหน้าพรรคตัดสินใจไปในแนวทางของตัวเอง
"ขณะนี้ยังไม่ได้คุยกับพล.อ.เชษฐา เพราะปิดมือถือทั้งหมด ทั้งโทรศัพท์ โทรสาร แต่คิดว่าวันนี้เรามีรัฐบาลและนายกฯคนใหม่ สิ่งสำคัญ คือ ต้องสนับสนุนรัฐบาลแก้วิกฤตประเทศ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้พล.อ. เชษฐา แสดงความรับผิดชอบ คือให้ลาออกจากหัวหน้าพรรคใช่หรือไม่ นายประดิษฐ์กล่าวว่า เราไม่ได้พูดอะไร พูดกันแค่นี้ เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.เชษฐาเคยบอกว่า จะไม่ทำให้พรรคเสียหาย แต่ขณะนี้จะเรียกว่าเสียหายหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพล.อ.เชษฐา ขอให้พล.อ.เชษฐาพิจารณาเอาเอง
ด้าน ร.ต.ประพาส กล่าวว่า ในนามกรรมการบริหารพรรคขอแสดงความเสียใจกับพรรคร่วมรัฐบาล ที่พล.อ.เชษฐา ไม่ได้ปฏิบัติตามมติกรรมการบริหารพรรคที่ให้สนับสนุนนายอภิสิทธิและพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามแนวทาง ของพรรคที่วางไว้ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องความรับผิดชอบของพล.อ.เชษฐา ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
**"เชษฐา"ยอมไขก๊อกลาออกจาก ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ได้ลงนามในหนังสือลาออกจา กการเป็น ส.ส.สัดส่วน และหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาแล้ว เพื่อแสดงความรับผิดชอบจากการโหวตสวนมติพรรคที่มีมติให้สมาชิกพรรคโหวตสนับสนุน นายอภิสิทธ เป็นนายกรัฐมนตรี
พล.อ.เชษฐา ให้เหตุผลที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรค เพราะเห็นว่าแนวทางการตั้งรัฐบาลเพื่อชาติจะเป็นการแก้ไขปัญหาในบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ แม้จะไม่สบายใจ ที่แนวคิดไม่ตรงกับมติพรรค แต่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้คิดปิดอนาคตทางการเมืองของตัวเอง หากพรรคใดมีอุดมการณ์เดียวกัน เดินทางสายกลาง ก็พร้อมที่จะร่วมงานการเมืองด้วย
ทั้งนี้ พล.อ.เชษฐา ให้สัมภาษณ์หลังโหวตสนับสนุน พล.ต.อ.ประชาที่สวนมติพรรคว่า ไม่มีปัญหา เพราะตนรับผิดชอบในการโหวตสวนกระแสอยู่แล้ว และการที่จะโหวตให้ใครเป็นนายกฯ ถือเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.พึงจะทำได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีผลกับการรับตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่รับตำแหน่งอยู่แล้ว ทั้งนี้จะไม่ชี้แจงภายในพรรคเพราะสมาชิกพรรคทราบกันดี
**เพื่อไทยก้มหน้ารับสภาพฝ่ายค้าน
สำหรับบรรยากาศที่พรรคเพื่อไทย ภายหลังโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ปรากฎว่ าแกนนำและส.ส.ของพรรคเพื่อไทย อาทิ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา นายพีรพันธุ์ พาลุสข ส.ส.ยโสธร นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม และนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รักษาการรมช.มหาดไทย เป็นต้น ทยอยเดินทางมายังที่ทำการพรรคเพื่อหารือถึง แผนการทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน
ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ทำตามหน้าที่ ไม่ใช่เป็นเกมอะไร ส่วนกรณีที่นายวิทยา บุรณศิริ อดีตประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า จะเปิดอภิปรายการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ทันทีหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลนั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ เป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย เมื่อกฏหมายเป็นอย่างไรเราก็ดำเนินการไปตามนั้น
**"เหนาะ-ประชา"ร่วมงานเลี้ยง พท.
ช่วงเย็นวันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยจัดงาน รวมใจสู้ เพื่ออนาคตประเทศไทย ที่โรงแรมเอส ซี ปาร์ค เพื่อเป็นการขอบคุณ ส.ส.ของพรรค และ ส.ส.ที่ร่วมลงคะแนนสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นนายกรัฐมนตรี แม้เสียงสนับสนุน จะแพ้เสียงสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ โดยมี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย มาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ตั้งแต่ช่วงเย็น ขณะที่ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ซึ่งเป็นผู้เสนอชื่อ พล.ต.อ.ประชา เดินทางมาร่วมงานพร้อมกับ ส.ส.ประชาราช จำนวนหนึ่ง ส่วน พล.ต.อ.ประชา เดินทางมาในเวลาประมาณ 19.10 น. นอกจากนี้ ยังมี นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เดินทางมาร่วมงานเช่นกัน
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น ทางการเมือง เพราะถือเป็นบุคคลชั้น 2 การจะไปแนะนำหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนายอภิสิทธิ์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คงไม่เหมาะสม และไม่ทราบว่านายอภิสิทธิ์ จะโดนต่อต้านหรือขับไล่ เหมือนที่ตนเคยโดนตอนเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น คุยกันตามปกติ ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง เพราะเวลานี้ตนและ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อยู่ในสถานะใกล้ ๆ กัน
**เล็ง"เสนาะ"ผู้นำฝ่ายค้าน
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา อดีตประธานวิปรัฐบาล แถลงภายหลังการประชุมส.ส.ของพรรคว่า วันนี้ได้พบสิ่งแท้จริงทางการเมืองที่หาไม่ได้ง่ายๆ นักการเมือง อาวุโส 3 ท่านคือ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การให้ความเคารพ เราจะไปกราบขอบพระคุณท่านที่มีเจตนารมณ์และอุดมการณ์ทางการเมืองเช่นเดียวกับพวกเรา ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่หาได้ยากในการเมืองสมัยนี้ที่พูดแล้วกระทำ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าบุคคลที่จะดำรงตำแหน่ง ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 110 วรรค 1 ผู้นำฝ่ายค้านฯ ต้องเป็นหัวหน้าพรรคที่มีเสียง ส.ส. 1 ใน 5 ให้การสนับสนุน และต้องไม่มีสมาชิกพรรคเป็นรัฐมนตรี แต่ถ้าไม่มีบุคคลที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ก็เปิดโอกาสให้ใช้วรรค 2 ที่ให้ ส.ส.ที่ได้รับเสียงสนับสนุนข้างมากในสภาฯ มาทำหน้าที่แทนได้ ซึ่งนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ถือว่ามีคุณสมบัติ แต่คงต้องมีการหารือกันก่อน
**เพื่อไทยอ้างซื้อ ส.ส.ตัวเลข 8 หลัก
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึง บรรยากาศก่อนการโหวตเลือกนายกฯว่า ในช่วงแรกนั้นแกนนำพรรคเพื่อไทยได้ประสานไปยังส.ส.ประมาณ 20 คนจากแทบทุกพรรค แต่ปรากฎว่ามีเหตุพลิกผัน โดยตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 14 ธ.ค.และเช้าวันที่ 15 ธ.ค. มีการอัดฉีดตัวเลขถึง 8 หลักให้กับ ส.ส.เหล่านั้น เพื่อให้เปลี่ยนการตัดสินใจ โดย ส.ส.เหล่านั้นประกอบด้วย ส.ส.พรรคกิจสังคม 5 คน ส.ส.สุรินทร์ 4 คน ส.ส.ของกลุ่มนายสรอรรถ กลิ่นปทุม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 2 คน ส.ส.กลุ่มบ้านริมน้ำ รวมทั้งส.ส. ของ พรรคชาติไทย ประมาณ 10 คน และส.ส.จากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาและพรรคภูมิใจไทยอีกจำนวนหนึ่ง ตรงนี้ทำให้ตัวเลขมีการพลิกกลับเกิดขึ้น.
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (15 ธ.ค.) มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ ซึ่งมีวาระสำคัญการเลือกนายกรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างลง จากการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่ง โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม หลังจากที่ประชุมรับทราบพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2551 แล้ว นายชัยได้กล่าวแสดงความ เสียใจที่ นายสมบัติ สิทธิกรวงศ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน โดยได้ให้สมาชิกยืนไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาที
จากนั้น นายชัย กล่าวว่า เนื่องจากมีการยุบพรรคเกิดขึ้นทำให้สมาชิกภาพของ นายสมชายสิ้นสุดลง จึงต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ทั้งนี้ส.ส.แต่ละคนมีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเพื่อให้ที่ประชุมลงมติเลือกเป็นนายกฯ ได้โดยต้องมีเสียงรับรอง 1 ใน 5 จากสมาชิกทั้งหมด คือ 88 คน จาก 437 คน ส่วนผู้ที่จะได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ คนใหม่ ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 219 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายชัยกำลังชี้แจงขั้นตอนการลงมติเลือกนายกฯ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคพลังประชาชน ได้ขอหารือ โดยกล่าวว่า การทำหนังสือเชิญประชุมของประธานสภาฯมีข้อน่าสังเกตว่าเร่งรัดเกินไปหรือไม่ เพราะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญลงมาวันที่ 11 ธ.ค. และประธานได้ทำหนังสือเรียกประชุมทันทีในวันเดียวกัน แม้ตำแหน่งนายกฯ ว่างลง ต้องมีการเลือกนายกฯ ภายใน 30 วัน แต่กรณีนี้ เป็นการว่างลงจากเหตุอื่น ให้นำข้อบังคับการประชุมมาใช้โดยอนุโลม ซึ่งตรงนี้รัฐธรรมนูญไม่ได้พูดชัดเจน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจะพิจารณากรณี 30 วันอย่างไร
นอกจากนี้ยังมีกรณียุบพรรคทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่จำนวน 26 คน ใน 22 จังหวัด ซึ่งกกต.ได้กำหนดวันเลือกตั้งไว้แล้ว ซึ่งประชาชนในจังหวัดดังกล่าว อยากให้ ส.ส.ในเขตเลือกตั้งของตนเองใช้สิทธิลงมติเลือกนายกฯ ด้วย ขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะตัว แต่มีผลจากคดียุบพรรคตนเห็นว่าสภามีองค์ประกอบไม่ครบ ไม่สมบูรณ์ ทำให้เสียงข้างมากเปลี่ยนไป กรณีอย่างนี้สภาจะพิจารณาอย่างไร
นายชัยชี้แจงว่า เอาไว้ปรึกษาตอนมีนายกฯแล้ว จากนั้นได้เปิดให้แต่ละฝ่ายเสนอชื่อบุคคลเพื่อมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยขณะที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กำลังลุกขึ้นเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี นั้น นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงว่า การที่ประธานบอกให้มีนายกฯ ก่อนค่อยหารือเรื่องปัญหาสมาชิกไม่ครบ แต่วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองมีวิกฤตศรัทธา ใครก็รู้ว่านายกฯ คนใหม่นั้นไม่ได้เกิดจากสภา แต่เกิดจากพลังนอกอำนาจสภา อีกทั้งยังมีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.อีก 26 คน ซึ่งย่อมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างอำนาจรัฐ
**ผลโหวตอภิสิทธิ์ชนะประชาขาด
อย่างไรก็ตาม ภายหลังนายสุนัยพูดจบ นายชัยชี้แจงทันทีว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 93 บัญญัติไว้ชัดเจน ตนจึงไม่รู้ว่าต้องวินิจฉัยอะไรอีก จากนั้นได้เดินหน้าในการ เลือกนายกฯ ต่อโดยนายบัญญัติได้เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ มีผู้รับรองเอกฉันท์ 214 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 15 เสียง ขณะที่นายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.สัดส่วน หัวหน้าพรรคประชาราช ได้เสนอชื่อพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นนายกฯ มีผู้รับรอง 195 ไม่รับรอง 2 งดอกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 9 เสียง
แต่นายสุนัย จุลพงษธร ได้ลุกขึ้นเสนอว่า การเลือกนายกฯ ครั้งนี้มีความสำคัญมาก ผู้แทนฯ ต้องมีความสง่างาม วันนี้มีข่าวออกมาต่างๆ นาๆ จึงอยากให้ส.ส. ที่ลงมติขานเชื่อ บอกให้ชัดเจนด้วยว่าเป็นส.ส.สัดส่วน หรือส.ส.เขตใด จังหวัดใด แต่นายชัยปฏิเสธว่า เรื่องนี้เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.
จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติด้วยการขานชื่อตามลำดับหมายเลขจำนวนทั้งสิ้น 437 คน ภายหลังการขายชื่อนาน 1 ชั่วโมงเศษ ปรากฏว่า นายอภิสิทธิ์ได้รับเลือก ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนน 235 เสียง ซึ่งถือว่าเกินกึ่งหนึ่งคือ 219 เสียง ส่วนพล.ต.อ.ประชา ได้ 198 เสียง และงดอกเสียง 3 เสียง
นายชัยกล่าวก่อนปิดประชุมเวลา 11.30 น.ว่า ผลการลงมติทำให้นายอภิสิทธิ์ ได้รับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด คือเกิน 219 เสียง ถือได้ว่า นายอภิสิทธิ์ได้รับความเห็นชอบตามมติของสภา ซึ่งตนจะได้นำความกราบบังคมทูลเกล้าฯ และจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาต่อไป
**เพื่อแผ่นดินเสียงแตก 2 ขั้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงคะแนนเลือกนายกฯ ครั้งนี้ หลายพรรคการเมือง เสียงแตกแยกขั้วกัน โดยเฉพาะ พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินที่ถูกเสนอชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฎว่า มีเพียง พล.ต.อ.ประชา ม.ร.ว.กิตติวัฒนา ไชยันต์ ส.ส.สัดส่วน นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล ส.ส.นครราชสีมา นายวัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วน นายแวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.สัดส่วน นายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.สัดส่วน นายมานพ ปัดนวงศ์ ขานชื่อสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา
ขณะที่ นายนรพล ตันติมนตรี ส.ส.เชียงใหม่ นายพลพีร์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชศรีมา นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร นายพิกิฏ ศรีชนะ ส.ส.ยโสธร นายวิทยา บุตรดีวงค์ ส.ส.มุกดาหาร นายสุชาติ ตันติวณิชชานนท์ ส.ส.อุบลราชธานี นายอลงกต มณีกาศ ส.ส.นครพนม นายไชยยศ จิระเมธากร ส.ส.อุดรธาน นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ ส.ส.นครราชศรีมา นายประนอน โพธิ์คำ ส.ส.สัดส่วน ร.ต.หญิงระนองรัตน์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชศรีมา ขานชื่อสนับสนุน นายอภิสิทธิ์
**เพื่อนเนวิน 22 เสียงหนุนมาร์ค
ส่วนกลุ่มเพื่อนเนวิน และส.ส.พรรคพลังประชาชนเดิม ที่เลือกนายอภิสิทธิ์ 22 คน เช่น นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม นายคงฤช หงษ์วิไล ส.ส.ปราจีนบุรี นายชยุต ภุมมะภาญจนะ ส.ส.ปราจีนบุรี นายเฉลิมชาติ การุญ ส.ส.สกลนคร นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส.อุดรธานี นายทวีวัฒน์ ฤทธ์ฤาชัย ส.ส.สกลนคร นายธีระทัศน์ เตียวเจริญโสภา ส.ส.สุรินทร์ นายบุญจง วงษ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ส.ส.ขอนแก่น นายประสิทธิ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ส.ส.บุรีรัมย์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา
นางพัฒนา สังขทรัพย์ ส.ส.เลย นายเพิ่มพูน ทองศรี ส.ส.สัดส่วน นายภิรมย์ พลวิเศษ ส.ส.นครราชสีมา นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ ส.ส.พิษณุโลก นายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ ส.ส.บุรีรัมย์ นางมลิวัลย์ ธันญสกุลกิจ ส.ส.สุรินทร์ นายยรรยง ร่วมพัฒนา ส.ส.สุรินทร์ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.บุรีรัมย์ นายวีระ รักความสุข ส.ส.สัดส่วน นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์
**"เหวียง" แหกมติพรรคเชียร์ "ประชา"
ด้านพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ก็เสียงแตกเช่นกัน โดย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ส.ส.สัดสวน หัวหน้าพรรค นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา ขานชื่อเลือก พล.ต.อ.ประชา ขณะที่นายประเสริฐ บุญชัยสุข ส.ส.นครราชศรีมา นายวรรณรัตย์ ชาญนุกูล ส.ส.นครราชสีมา นายวรศุลี สุวรรณปริสุทธิ์ ส.ส.มุกดาหาร นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ ส.ส.พิจิตร เลือกนายอภิสิทธิ์ นอกจากนี้นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ส.ส.นครราชสีมา งดออกเสียง และนายไกร ดาบธรรม ส.ส.เชียงใหม่ ไม่มาประชุมด้วย
สำหรับ ส.ส.พรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม ที่เลือก พล.ต.อ.ประชา ได้แก่ นางกรรณิการ์ เจริญพันธ์ ส.ส.สุรินทร์ พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ ส.ส.นครสวรรค์ และนายอารยะ ชุมดวง ส.ส.สุโขทัย
ขณะที่นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี นายณัฐวุฒิ สุขเกษม นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์ นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยน่าน นายมานิต นพอมรวดี ส.ส.ราชบุรี นายมาโนช เฮงยศมาก ส.ส.บุรีรัมย์ นายสมนึก เฮงวาณิชย์ ส.ส.บุรีรัมย์ นางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีษะเกษ เลือกนายอภิสิทธิ์
ส่วนส.ส.พรรคชาติไทยเดิม มีเพียงนายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล ส.ส.ปทุมธานี ที่เลือก พล.ต.อ.ประชา ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาราช นำโดยนายเสนาะ เลือก พล.ต.อ.ประชาทั้งหมด
**"อภิสิทธิ์"เครียดก่อนยิ้มออก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงแรกของการขานชื่อ ส.ส.คะแนนสูสีกันมาก ทำให้นายอภิสิทธิ์ มีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งใกล้จะถึงการขานชื่อ ส.ส.ในช่วงสุดท้าย ซึ่งปรากฎว่า นายอภิสิทธิ์คะแนนนำนั้น ทำให้ก็มีสีหน้าคลายความกังวลมากขึ้น และเริ่มยิ้มให้กับ ส.ส.ในพรรค ขณะที่ ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์ต่างก็ชูกำปั้น แสดงความดีใจ และทันทีที่โหวตเสร็จ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ปรบมือทันที โดยนายชัย กล่าวว่า ปรบมือทำไม และจากนั้นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ส.ส.สัดส่วน และนางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาน เข้าแสดงความยินดีกับนายอภิสิทธิ์
สำหรับการลงคะแนนครั้งนี้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเดิม ซึ่งมี 212 คน ลงคะแนนให้นายอภิสิทธิ์ 32 คน โดยมาจากกลุ่มเพื่อนเนวิน 22 คน ที่เหลือแยกไปอยู่พรรคการเมืองอื่น โหวตให้ พล.ต.อ.ประชา 178 คน งดออกเสียง 1 คือนายชัย ชิดชอบ
พรรคประชาธิปัตย์ มีทั้งหมด 166 เสียง ลงคะแนน โหวตให้นายอภิสิทธิ์ 165 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พรรคเพื่อแผ่นดิน มีทั้งหมด 22 เสียง สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ 12 เสียง พล.ต.อ.ประชา 9 เสียง ไม่มาประชุม 1 เสียงคือ
พรรคชาติไทยเดิม มี 15 เสียง โหวตให้นายอภิสิทธิ์ 14 เสียง พล.ต.อ.ประชา 1 เสียง พรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม มีทั้งหมด 10 เสียง ลงคะแนน ให้ นายอภิสิทธิ์ 7 เสียง พล.ต.อ.ประชา 3 เสียง
พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา มีทั้งหมด 8 เสียง โหวตให้นายอภิสิทธิ์ 5 เสียง พล.ต.อ.ประชา พล.ต.อ.ประชา ไม่มาร่วมประชุม 1 เสียงคือ นพ.ไกร ดาบธรรม พรรคประชาราช มีทั้งหมด 5 เสียง ลงให้พล.ต.อ.ประชา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการนับคะแนนได้ทราบผลอย่างไม่เป็นทางการ ว่านายอภิสิทธิ์ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ประชา ได้เข้ามาแสดงความ ยินดีกับนายอภิสิทธิ์ พร้อมกับฝากให้บริหารงาน แก้ปัญหาของประเทศ โดยระบุว่า "ผมขอฝากประเทศไทยไว้กับคุณอภิสิทธิ์อย่าให้มีเรื่องความรุนแรงแตกแยก" ซึ่ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยินดีที่จะร่วมงานกับพรรคเพื่อแผ่นดิน
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เดินเข้าไปทักทายนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายบัญญัติ ระบุว่า "นึกว่าท่านจะไม่เดินเข้ามาหาผมซะแล้ว ผมยังไม่ได้แสดงความยินดีกับนายกฯ คนใหม่เลย" จากนั้นทั้งคู่ได้จับมือกัน โดยนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวขอบคุณ
จากนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ ได้เข้าไปขอบคุณกลุ่มเพื่อนเนวิน ก่อนจะเดินไปนั่งกับนายชวน หลีกภัย ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และพูดคุยกันเป็นเวลากว่า 10 นาที โดยนายชวนได้ตบบ่านายอภิสิทธิ์ เพื่อแสดงความยินดีทั้งนี้ ส.ส.หญิงของพรรคประชาธิปัตย์ ได้กรูกันไปประมาณ 10 คน เพื่อขอถ่ายภาพนายอภิสิทธิ์
ทั้งนี้ นายชวนได้ให้คำแนะนำนายอภิสิทธิ์ ว่า การเป็นรัฐบาลครั้งนี้ถือว่า เป็นงานหนักกว่าปี 2540 เพราะเมื่อปี 2540เจอวิกฤตเศรษฐกิจ แต่สถานการณ์ขณะนี้เกิดความแตกแยกทางสังคม ซึ่งการบริหารบ้านเมืองในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ประเทศฝ่าวิกฤตไปได้ ทุกคนต้องทำงานอย่างหนัก และต้องอาศัยความเสียสละ
นายชวนยังให้คำแนะนำนายอภิสิทธิ์ด้วยว่า การเป็นรัฐบาลภายใต้ กลุ่มการเมืองต่างๆ จะต้องใช้หลักการบริหารที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ดังนั้น การที่เป็นรัฐบาลผสมจากหลายพรรคต้องอาศัยคนนอกเข้ามาสร้างความเข้มแข็ง ในการบริหารและฝ่าวิกฤต และอยากให้นายอภิสิทธิ์เข้มแข็งไม่ควรให้คนภายในพรรค มาแย่งตำแหน่งกันเอง เพราะการที่นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ ครั้งนี้ ถือเป็นโอกาส ของพรรคอีกครั้งหนึ่งที่จะได้เข้ามาพิสูจน์ตัวเอง สร้างความเชื่อมั่นของประชาชนให้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้นายชวนยังได้แสดงความเป็นห่วงต่อกรณีปัญหาความแตกแยกในสังคม โดยแนะนำให้นายอภิสิทธิ์เร่งสร้างความปรองดองสามัคคีของคนประเทศให้กลับคืนมา รวมไปถึงปัญหาความขัดแย้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย และควรปัญหาราคายางพาราตกต่ำโดยเร็ว รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ หากนายอภิสิทธิ์ทำให้เกษตรกรทุกคน อย่างเท่าเทียมกัน เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับความนิยมทั่วทุกภาค
**"เหนาะ"ไม่พอใจหลังพ่ายยับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนับคะแนนเสร็จและทราบว่านายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯแน่นอน นายเสนาะ เทียนทอง ผู้ซึ่งเสนอชื่อ พล.ต.อ.ประชา ได้ลุกออกจากที่นั่งด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนที่จะหันไปมอง พล.ต.อ.ประชา ทำให้ พล.ต.อ.ประชาต้องลุกตามไป
ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้แสดงความไม่พอใจ พร้อมทั้งหยิบบัตรส.ส.มาดู และถามว่าแล้วบัตรนี้จะใช้อะไรได้อีก เอาไปเผาไฟทิ้งดีไหม บ้างก็บอกว่าบัตรนี้ ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว ก่อนที่จะทยอยออกจากห้องประชุมโดยไม่รอฟังผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ ทำให้ในช่วงการประกาศผลมี ส.ส.ในซีกพรรคเพื่อไทย โหรงเหรง รวมทั้งกลุ่มเพื่อนเนวิน เมื่อแสดงความยินดีกับนายอภิสิทธ์แล้ว ก็รีบออกจากห้องประชุมในทันที
**"เทพเทือก"มั่นใจมีเสถียรภาพ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในเรื่อง โควตารัฐมนตรีนั้นจะทำตามที่ได้รับปากและพูดคุยกับพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองต่างๆ ว่าจะคงโควตาตามเดิม กระทรวงไหนที่เขาเคยนั่งมาก็ให้อยู่ต่อไป ส่วนโควตาคนนอกนั้นจะดูตามความเหมาะสม ตนประสานเรื่องจัดตั้งรัฐบาล ส่วนตำแหน่งเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค อยากให้มี ครม.เร็วๆ ซึ่งช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้แต่ละพรรคคงไปคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าตัวเลขที่ออกมาเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตัวเลขสุดท้ายที่คิดคือ 240 เสียง แต่เสียชีวิต 1 คน มีการงดออกเสียงก็ถือว่า ผิดไปนิดเดียว เมื่อถามว่าถือว่าประสบความสำเร็จใช่ไหม นายสุเทพ กล่าวว่า ก็อยู่ในวิสัย เพราะห่างกันประมาณ 39 เสียง ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ถือว่าทำให้รัฐบาล มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะทำงานได้ เมื่อถามถึงตัวเลขส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินที่โหวตให้ นายสุเทพ กล่าวว่า นับไว้ 22 คน เป็นไปตามเป้า มีเพิ่มมีลดนิดหน่อย
"ไม่ใช่ความสามารถของผม แต่เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ อุดมการณ์ของ เพื่อน ส.ส. ที่เขาแสดงความรับผิดชอบ เขารู้ว่าประชาชนกำลังกลุ่มใจเรื่องวิกฤติการณ์ ทางการเมือง ต้องการให้รัฐสภาแก้วิกฤตินี้ให้ได้ ดังนั้นด้วยแรงใจของ ส.ส. จึงได้ฝ่าฟันอุปสรรคสู้กับอิทธิพลมืด อิทธิพลสว่าง กับอำนาจเงินได้ ต้องภูมิใจ"
**โผ ครม.ใหม่เสร็จภายใน 7 วัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะบริหารงานอย่างไรเพราะพอพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ก็ถูกต่อต้านทันที นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ค่อยๆ ทำกันไป เรารู้ว่าจะต้องมีเรื่องเหล่านี้ คงต้องใช้เวลาพูดจาอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ถึงเหตุผลข้อเท็จจริง และเมื่อเห็นความตั้งใจจริงของเราก็จะเข้าใจ
ส่วนจะนั่งตำแหน่งรมว.มหาดไทยแน่ใช่หรือไม่ นายสุเทพรีบกล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ ตนไม่ได้คิดเรื่องของตัวเอง แต่การจัดตั้งรัฐบาลได้คราวนี้ เป็นความภาคภูมิใจมาก และไม่คิดเรื่องของตัวเองเลย
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ไปต้องรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ จากนั้นจึงจะร่วมกันพิจารณาจัดตั้ง ครม.ร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ตามตนคาดว่าจะสามารถแถลงนโยบายรัฐบาลได้ ในวันที่ 26 ธ.ค. เพื่อเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้แก่ชาวไทย ทั้งนี้ตนคาดว่าจะสามารถจัดโผครม.โฉมใหม่ได้ภายใน 7 วัน และยืนยันว่าครม.ชุดนี้หน้าตาดีอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างรอรถมารับ นายสุเทพได้กะเกณฑ์ให้ส.ส.ของ พรรคประชาธิปัตย์ รีบขึ้นรถออกไปจากรัฐสภา ด้วยสีหน้าวิตกกังวล โดยเมื่อผู้สื่อข่าว ถามว่า กังวลว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะมาชุมนุมต่อต้านในลักษณะนี้บ่อยๆ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เพียงสั้นๆ ว่า ธรรมดาๆ นอกจากนี้ระหว่างที่กลุ่ม นายสุเทพ ยืนอยู่หน้าบริเวณบ่อปลาคาร์พ มีส.ส.กลุ่มหนึ่งได้เดินผ่าน และพูดขึ้นลอยๆ ว่า "ขอแสดงความยินดีที่ปล้นได้สำเร็จ" แต่นายสุเทพ ไม่ได้ยินเพราะคุยโทรศัพท์อยู่
**คาด ครม.เสร็จวันศุกร์นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางแกนนำพรรคคาดว่านายอภิสิทธิ์จะได้รับการโปรดเกล้าฯ ในวันพุธที่ 17 ธ.ค.นี้ และคณะรัฐมนตรีจะเสร็จสิ้นในวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้ บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีจะต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 83 ที่ระบุว่าการคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ หรือรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือรองประธานสภาฯ ในนามพรรค ซึ่งคาดว่าจะนำรายชื่อบุคคลที่ถูกเสนอเป็นรัฐมนตรีเข้าสู่การประชุมกรรมการบริหารพรรคหลังจากที่โปรดเกล้าฯ นายอภิสิทธิ์แล้ว
ทั้งนี้ คาดว่านายกฯ และครม.จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ในวันที่ 21 ธ.ค. หรือวันที่ 22 ธ.ค.นี้
ล่าสุดช่วงเย็นที่ผ่านมา นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยเมื่อเวลา 18.00 น. ว่า ได้นำรายชื่อ นายอภิสิทธิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว ดังนั้น ช่วงเวลาระหว่างนี้จะยังไม่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
**ม็อบเสื้อแดงถ่อยถล่มรถ ส.ส.ยับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังปิดการประชุม สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทยอยกันออกจากสภาเพื่อมาสมทบกันที่ทำการพรรค แต่ปรากฏว่า กลุ่มม๊อบเสื้อแดง ได้ปิดล้อมประตูทางออกด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยว พร้อมทั้งขว้างปาก้อนอิฐหนอนไปยังรถยนต์ของส.ส.ฝ่ายที่โหวตให้นายอภิสิทธิ์ ขณะที่บางส่วนได้สาดน้ำกรด เข้าใส่คนที่นั่งในรถด้วย พร้อมกับตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำที่รุนแรง จนทำให้เกิดความเสียหายกระจกแตกกระจาย แม้กำหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าควบคุม แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการกระทำของคนกลุ่มเสื้อแดงได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการกระทำของม๊อบเสื้อแดง ทำให้รถยนต์ของนายธนา ธีรวินิจ ส.ส. กทม. ได้รับความเสียหายยับเยิน และนายพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส. กทม. ที่นั่งมาด้วยได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกก้อนอิฐหนอนขว้างที่บริเวณก้านคอ ขณะที่นายไชยยศ จิระเมธากร ส.ส.จากพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศีรษะ เข้ารับการรักษาตัวที่รพ.วิชัยยุทธ รวมถึงรถตู้ของนายองอาจ คล้ามไพบูรณ์ ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รับความเสียหายด้วย
**ปชป.คึกคักร่วมกินมื้อเที่ยงชื่นมื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศที่พรรคประชาธิปัตย์หลังได้รับชัยชนะ เป็นอย่างคึกคัก นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยแกนนำพรรคได้เดินทางเข้าพรรคเพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ที่ชั้น 3 ตึก 60 ร.ม.ว.เสนีย์ ปราโมทย์ โดยช่วงหนึ่ง นายอภิสิทธิ์ ได้ตอบคำถามผู้สื่อถึงการจัดโผ ครม.ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ โดยให้ผู้สื่อข่าวไปบวกลบกันเอาเองว่า ครม.มี 36 เก้าอี้ แล้วเอาสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลมาและคนนอกมาลบออก ก็จะได้สัดส่วนเก้าอี้ของพรรคประชาธิปัตย์
ผู้สื่อข่าวครอบครัวได้แสดงความยินดีหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้คุยกันแล้วผ่าน ภรรยา และลูกสาวได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าวันเสาร์-อาทิตย์ ต้องเตรียมสถานที่รับรองสำหรับผู้สื่อข่าว หรือเปล่าเพราะต้องไปเฝ้าติดตามรายงานความเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรีตลอด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ต้องไปเฝ้าก็ได้ เพราะบ้านตนหลังเล็กไม่เหมาะ จะให้นั่งฟุตบาทก็ไม่ได้ มันไม่เหมาะ เกรงใจชาวบ้านแถวนั้น เพราะฟุตบาทเล็ก พร้อมทั้งพูดติดตลกว่า "ให้ไปเฝ้าบ้านเลขาธิการพรรคแทนแล้วกัน และไม่ต้องห่วงเสาร์-อาทิตย์ มีงานให้ทำอยู่แล้ว ไปเฝ้าทำเนียบฯ ก็พอแล้ว"
**เล็งเปลี่ยนที่ประชุมอาเซียน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การประชุมอาเซียน ที่จ.เชียงใหม่นั้นคิดว่ามีข้อขัดข้องหลายอย่าง ทั้งเรื่องสถานที่ หรืออาจจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมก่อความวุ่นวาย หากเข้ารับตำแหน่งคงเลื่อนการจัดงานให้เร็วขึ้น แต่คิดว่าปลายเดือนม.ค. คงไม่สามารถ ดำเนินการได้ทัน อีกทั้งประเทศสมาชิกคงไม่สะดวก เนื่องจากประเทศที่ประชากรเชื้อสายจีน อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน นั้นอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ตามตนไม่คิดว่าประเทศอื่นจะสามารถเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมแทนได้
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าชาวเชียงใหม่อยากให้จัดประชุมที่นั่น ซึ่งต้องรอดูความ พร้อมก่อน เพราะโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์นั้น ตนมองว่าอยู่ในที่ที่อาจจะเสี่ยงต่อการจราจล ต้องพูดคุยกันอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกฯแล้วจะนั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า สถานการณ์อย่างนี้ คงไม่เหมาะ มีแต่คนอยากให้ควบทั้งกระทรวงกลาโหม คลัง ศึกษาธิการ ทั้งนี้ยืนยันว่า ครม.อภิสิทธิ์ 1 อาจจะต้องมีรมต.คนนอก ส่วนจะเข้ามาช่วยดูด้านเศรษฐกิจหรือไม่นั้น ต้องคุยกันอีกที
ส่วนจะใช้สถานที่ใดเป็นที่รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ อาจจะใช้ห้องประชุมพรรค อาคารเสนีย์ ปราโมช แต่สมัยนายชวน หลีภัย เป็นนายกฯ ได้ใช้สถานที่บริเวณ ด้านล่างหน้าลานพระแม่ธรณี ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.30 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางมายังวัดบ่อ จ.นนทบุรี เพื่อร่วมพิธีรดน้ำศพ นายสมบัติ สิทธิกรวงศ์ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ จ.นนทบุรี
**เพื่อแผ่นดินเสียหดลดเหลือ 3 เก้าอี้
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีว่า เริ่มมีปัญหาขึ้นมาทันที หลังจากนายอภิสิทธิ์ ได้รับเสียงสนับสนุนเพียง 235 เสียง เนื่องจากเสียงของแต่ละพรรคมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่รับปากไว้ คือจากที่ตกลงกันว่า พรรคเพื่อแผ่นดินจะยกมือโหวตให้ 24 เสียง แต่กลับโหวตจริงเพียง 12 เสียง พรรคชาติไทย 15 เสียงโหวตให้ 14 พรรคมัชฌิมาธิปไตย เดิมจะมา 10 เสียง แต่เอาเข้าจริงได้มาเพียง 4 เสียง พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่บอกมี 9 เสียง โหวตให้เพียง 5 เสียง ส่วนกลุ่มเพื่อนเนวิน จากเดิมประเมินไว้ 20 เสียง กลับโหวตให้เพิ่มขึ้น ดังนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค จะไปหารือกับแกนนำแต่ละพรรคอีกครั้ง
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับนายสุเทพกล่าวว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขเสียงสนับสนุนของแต่ละพรรค แต่เชื่อว่า โดยนิสัยของนายสุเทพที่เป็นคนใจนักเลง จึงเป็นไปได้ว่า จะจัดส่วนเก้าอี้ให้แต่ละพรรคตามที่เคยตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ยกเว้นพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เสียงหายไปมากอาจจะขอคืนเก้าอี้ รมว.อุตสาหกรรมกลับมา โดยเดิมได้ 4 ตำแหน่ง จึงเหลือแค่ 3 ตำแหน่ง และไปเพิ่มโควตาให้กับกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่ได้ส.ส.มาสนับสนันมากกว่าเดิมถึง 12 เสียง สำหรับกระทรวงแรงงานที่เดิมวางไว้ให้ พรรคประชาราช นั้น ก็จะกลับมาเป็นของพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ นายสุเทพ ได้นัดหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลร่วมรับประทานอาหารและหารือถึงเการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีในช่วงคำของวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่โรงแรมวีไอเอ ถนนราชเทวี นอกจากนี้ ในวันนี้ (16 ธ.ค.) ส.ส. กลุ่มเพื่อเนวิน จะนำนโยบายมาเสนอต่อคณะทำงานด้านนโยบายที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหน้าหน้า เป็นประธานด้วย
**"เทพเทือก"รองนายกฯ ควบ มท.1
ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ จะได้โควตา 20 ตำแหน่ง โดยที่ค่อนข้างจะชัดเจนแล้ว คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ควบ รมว.ศึกษาธิการ นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง นายเกียรติ สิทธีอมร รมว.พาณิชย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย นายชินวรณ์ บุญเกียรติ รมช.ศึกษาธิการ พล.อ.ประวิทย์ วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รมต.ประจำสำนักนายกฯดูแลสำนักงบประมาณ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯดูแลด้านสื่อมวลชน
ส่วนตำแหน่งอื่นยังไม่แน่นอนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรค ที่อาจจะนั่งเป็นรองนายกฯ ดูแลด้านสังคม ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมานั่งเป็นรองนายกฯ ดูแลด้านเศรษฐกิจ
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา รมว.ยุติธรรม คุณหญิงกัลยา โสภณพาณิช ส.ส.กทม. คาดว่าจะมานั่งในเก้าอี้ รมว.วิทยาศาสตร์
ด้าน รมว.ศึกษาธิการ ยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ ว่าจะนั่งควบหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเคยประกาศว่าจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นายไกรศักดิ์ ชุนหะวัณ รองหัวหน้าภาคอีสาน คาดว่าจะไปนั่งตำแหน่ง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคง นายธีระ สลักเพชร ส.ส.ตราด คาดว่าจะได้ตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ในส่วนของ นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน กำลังสนใจ ตำแหน่งรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือรมช.คมนาคม
ส่วนคนอื่นที่อยู่ในข่ายได้รับการพิจารณา ซึ่งจะเป็นไปตามภาคคือ ภาคอีสาน นายอิสระ สมชัย ภาคกลาง นายอลงกรณ์ พลบุตร และ นายสาธิต ปิตุเตชะ ภาคเหนือ นายเทอดพงษ์ ไชยนันท์ นายชัยวุฒิ บรรณวัตร และนายไพฑูรย์ แก้วทอง ภาคใต้ นายวิทยา แก้วภารดัย นายชินวรณ์ บุญเกียรติ นายถาวร เสนเนียม นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายชุพล กาญจนะ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส่วน กทม. นายกรณ์ จาติกวนิช นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
ทั้งนี้ ในตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ คาดว่าจะเป็นนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค โดยมีนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองเลขาธิการพรรค จะนั่งเป็นรองเลขาฯ นายกฯ
**เสธ.หนั่นเชื่อรัฐบาลจะมีเสียงเพิ่ม
ด้าน พล.ต.สนั่น ขจรประสาสน์ อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย แสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลใหม่จะไม่มีแรงกดดันใดๆ แม้จะมีกลุ่มเสื้อแดง มาชุมนุมหน้าสภา คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดูแล
พล.ต.สนั่น กล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ ชนะคะแนนโหวต 37 เสียง ก็น่าจะมีเสถียรภาพ หากทำงานดีก็จะอยู่ได้นานเพราะเมื่อเปลี่ยนขั้วรัฐบาลแล้วมันก็น่าจะดีขึ้น การคอรัปชั่นเชิงนโยบายมันก็ไม่น่าจะมี อีกทั้งทุกองค์กรก็สนับสนุน หากยังเป็นขั้วเดิมสองเดือนก็น่าจะไปแล้ว แต่ก็ต้องดูที่การจัด ครม.ด้วยที่ต้องดูสักนิด หาก พล.ต.ประชา พรหมนอก ขึ้นเป็นนายกฯเดี๋ยวปัญหาก็จะตามมาอีก ไม่น่าจะอยู่เกินสองเดือน
"เสียงที่หายไปนั้นเดี๋ยวเสียงก็เพิ่มขึ้นเอง เดี๋ยวส.ส.บางพรรคที่โหวตสวน มติพรรคก็จะกลับมาเหมือนเดิม รวมทั้งการเลือกตั้งซ่อมเดี๋ยวก็จะมีเสียง จบการแข่งขัน ส.ส.ก็ต้องกลับมาทำหน้าที่และกลับเข้าไปอยู่ในพรรค"
ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดินเสียง ส.ส.แตกทั้งๆที่มีมติสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ นั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ต้องให้แต่ละพรรคไปหารือกันเอง ส่วนพื้นที่เลือกตั้งซ่อม 3 จังหวัด ของ ส.ส.ของอดีตพรรคชาติไทยคือสิงบุรี ปทุมธานี นครปฐมนั้น ก็น่าจะให้พรรคประชาธิปัตย์ส่งคนลงสมัคร เพราะพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่มีคน
ผู้สื่อข่าวถามว่าตัวเลขดวตต่ำกว่าสิ่งที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ประชาธิปัตย์ ได้ประกาศไว้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า มันก็แค่นี้ ตัวเลขก็น่าจะอยู่ในระดับประมาณนี้ เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์จะเดินทางไปภาคเหนือและอีสานได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนจะนำนโยบายประชานิยมมาใช้ หรือไม่นั้นก็จะต้องหารืออีกทีในการจัดทำนโยบายชุดใหม่
ส่วนรัฐบาลใหม่จะยกเลิกพาสปอร์ตแดงของอดีตนายกหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า อยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้พิจารณา
**"เพื่อนเนวิน"เตรียมแจงคนในพื้นที่
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวก่อนนำ ส.ส. กลุ่มเพื่อนเนวินเดินทางออกจากสภาว่า ในวันนี้ (16 ธ.ค.) จะมีการหารือกันอีกครั้งว่ากลุ่มเพื่อนเนวินจะมีอนาคตอย่างไร เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้ที่จะไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า เดี๋ยวต้องตัดสินใจ ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการหารือกัน
ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงหน้าสภาประกาศว่าจะไม่ยอมให้กลุ่มเพื่อนเนวิน เข้าภาคอีสานแล้ว นายบุญจง กล่าวว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เมื่อถามว่าแล้วโหวตสวน กระแสอย่างนี้จะกลับอีสานได้หรือไม่ นางบุญจง กล่าวว่า ไม่รู้ๆ
ด้าน นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ส.ส.ในกลุ่ม 24 คน โหวตให้นายอภสิทธิ์ครบ ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่ามวลชนเสื้อแดงประกาศชัดว่าจะไม่ให้ส.ส.กลุ่มนี้ลงพื้นที่ นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่เป็นไร มันธรรมดา ส.ส.ต้องลง ไปชี้แจงกับประชาชน เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าอาจสอบตกได้ นายศุภชัย กล่าวว่าไม่เป็นไรพร้อมรับคำพิพากษาจากประชาชน เพราะพวกตนตัดสินใจแก้ปัญหาของประเทศ ประชาชนก็ควรให้โอกาสด้วย เมื่อถามถึงเรื่องโควตารัฐมนตรี ที่กลุ่มน่าจะได้รับ นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่รู้ คิดว่าผู้ใหญ่น่าจะหารือกันอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มเพื่อนเนวินทั้งหมดได้ขึ้นรถตู้สามคันออกจากรัฐสภาทันทีท่ามกลางการปิดล้อมของมวลชนเสื้อแดงด้านหน้าสภาซี่งตำรวจสามารถเคลียร์พื้นที่ให้ออกไปได้
**รวมใจไทยฯ บี้"เชษฐา"รับผิดชอบ
ต่อมาหลังการประชุมสภา ร.ต.ประพาส ลิมปะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรครวมใจไทยฯ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล กรรมการบริหารพรรค ได้เดินทางไปยังที่ทำการพรรคฯ เพื่อร่วมกันแถลงข่าว ผลโหวตเลือกนายกฯ
โดยนายประดิษฐ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายอภิสิทธิ์ ว่าที่นายกฯ คนใหม่ แต่พรรครู้สึกเสียใจ ที่ พล.อ.เชษฐา หัวหน้าพรรคซึ่งได้ร่วมลงชื่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญครั้งนี้ และได้ลงนามร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล 4 พรรค ในการสนับสนุนนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว แต่พล.อ.เชษฐาก็ยังโหวตเลือก พล.ต.อ.ประชา เป็นนายกฯ ถือว่าสวนทางมติพรรค แม้ว่าการโหวต จะเป็นเอกสิทธิ์ ส.ส. แต่คิดว่า หัวหน้าพรรคต้องมีความรับผิดชอบในการนำพาลูกพรรค ให้ไปแนวทางเดียวกัน เมื่อมีมติแล้ว หัวหน้าพรรคก็ต้องเป็นผู้นำ เหตุการณ์นี้ ทำให้พรรคเสียหายต่อการเป็นตัวอย่างของระบอบประชาธิปไตย ตนขอแสดงความเสียใจกับพรรคร่วมรัฐบาล ที่หัวหน้าพรรคตัดสินใจไปในแนวทางของตัวเอง
"ขณะนี้ยังไม่ได้คุยกับพล.อ.เชษฐา เพราะปิดมือถือทั้งหมด ทั้งโทรศัพท์ โทรสาร แต่คิดว่าวันนี้เรามีรัฐบาลและนายกฯคนใหม่ สิ่งสำคัญ คือ ต้องสนับสนุนรัฐบาลแก้วิกฤตประเทศ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้พล.อ. เชษฐา แสดงความรับผิดชอบ คือให้ลาออกจากหัวหน้าพรรคใช่หรือไม่ นายประดิษฐ์กล่าวว่า เราไม่ได้พูดอะไร พูดกันแค่นี้ เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.เชษฐาเคยบอกว่า จะไม่ทำให้พรรคเสียหาย แต่ขณะนี้จะเรียกว่าเสียหายหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพล.อ.เชษฐา ขอให้พล.อ.เชษฐาพิจารณาเอาเอง
ด้าน ร.ต.ประพาส กล่าวว่า ในนามกรรมการบริหารพรรคขอแสดงความเสียใจกับพรรคร่วมรัฐบาล ที่พล.อ.เชษฐา ไม่ได้ปฏิบัติตามมติกรรมการบริหารพรรคที่ให้สนับสนุนนายอภิสิทธิและพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามแนวทาง ของพรรคที่วางไว้ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องความรับผิดชอบของพล.อ.เชษฐา ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
**"เชษฐา"ยอมไขก๊อกลาออกจาก ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ได้ลงนามในหนังสือลาออกจา กการเป็น ส.ส.สัดส่วน และหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาแล้ว เพื่อแสดงความรับผิดชอบจากการโหวตสวนมติพรรคที่มีมติให้สมาชิกพรรคโหวตสนับสนุน นายอภิสิทธ เป็นนายกรัฐมนตรี
พล.อ.เชษฐา ให้เหตุผลที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรค เพราะเห็นว่าแนวทางการตั้งรัฐบาลเพื่อชาติจะเป็นการแก้ไขปัญหาในบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ แม้จะไม่สบายใจ ที่แนวคิดไม่ตรงกับมติพรรค แต่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้คิดปิดอนาคตทางการเมืองของตัวเอง หากพรรคใดมีอุดมการณ์เดียวกัน เดินทางสายกลาง ก็พร้อมที่จะร่วมงานการเมืองด้วย
ทั้งนี้ พล.อ.เชษฐา ให้สัมภาษณ์หลังโหวตสนับสนุน พล.ต.อ.ประชาที่สวนมติพรรคว่า ไม่มีปัญหา เพราะตนรับผิดชอบในการโหวตสวนกระแสอยู่แล้ว และการที่จะโหวตให้ใครเป็นนายกฯ ถือเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.พึงจะทำได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีผลกับการรับตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่รับตำแหน่งอยู่แล้ว ทั้งนี้จะไม่ชี้แจงภายในพรรคเพราะสมาชิกพรรคทราบกันดี
**เพื่อไทยก้มหน้ารับสภาพฝ่ายค้าน
สำหรับบรรยากาศที่พรรคเพื่อไทย ภายหลังโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ปรากฎว่ าแกนนำและส.ส.ของพรรคเพื่อไทย อาทิ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา นายพีรพันธุ์ พาลุสข ส.ส.ยโสธร นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม และนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รักษาการรมช.มหาดไทย เป็นต้น ทยอยเดินทางมายังที่ทำการพรรคเพื่อหารือถึง แผนการทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน
ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ทำตามหน้าที่ ไม่ใช่เป็นเกมอะไร ส่วนกรณีที่นายวิทยา บุรณศิริ อดีตประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า จะเปิดอภิปรายการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ทันทีหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลนั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ เป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย เมื่อกฏหมายเป็นอย่างไรเราก็ดำเนินการไปตามนั้น
**"เหนาะ-ประชา"ร่วมงานเลี้ยง พท.
ช่วงเย็นวันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยจัดงาน รวมใจสู้ เพื่ออนาคตประเทศไทย ที่โรงแรมเอส ซี ปาร์ค เพื่อเป็นการขอบคุณ ส.ส.ของพรรค และ ส.ส.ที่ร่วมลงคะแนนสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นนายกรัฐมนตรี แม้เสียงสนับสนุน จะแพ้เสียงสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ โดยมี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย มาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ตั้งแต่ช่วงเย็น ขณะที่ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ซึ่งเป็นผู้เสนอชื่อ พล.ต.อ.ประชา เดินทางมาร่วมงานพร้อมกับ ส.ส.ประชาราช จำนวนหนึ่ง ส่วน พล.ต.อ.ประชา เดินทางมาในเวลาประมาณ 19.10 น. นอกจากนี้ ยังมี นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เดินทางมาร่วมงานเช่นกัน
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น ทางการเมือง เพราะถือเป็นบุคคลชั้น 2 การจะไปแนะนำหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนายอภิสิทธิ์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คงไม่เหมาะสม และไม่ทราบว่านายอภิสิทธิ์ จะโดนต่อต้านหรือขับไล่ เหมือนที่ตนเคยโดนตอนเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น คุยกันตามปกติ ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง เพราะเวลานี้ตนและ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อยู่ในสถานะใกล้ ๆ กัน
**เล็ง"เสนาะ"ผู้นำฝ่ายค้าน
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา อดีตประธานวิปรัฐบาล แถลงภายหลังการประชุมส.ส.ของพรรคว่า วันนี้ได้พบสิ่งแท้จริงทางการเมืองที่หาไม่ได้ง่ายๆ นักการเมือง อาวุโส 3 ท่านคือ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การให้ความเคารพ เราจะไปกราบขอบพระคุณท่านที่มีเจตนารมณ์และอุดมการณ์ทางการเมืองเช่นเดียวกับพวกเรา ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่หาได้ยากในการเมืองสมัยนี้ที่พูดแล้วกระทำ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าบุคคลที่จะดำรงตำแหน่ง ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 110 วรรค 1 ผู้นำฝ่ายค้านฯ ต้องเป็นหัวหน้าพรรคที่มีเสียง ส.ส. 1 ใน 5 ให้การสนับสนุน และต้องไม่มีสมาชิกพรรคเป็นรัฐมนตรี แต่ถ้าไม่มีบุคคลที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ก็เปิดโอกาสให้ใช้วรรค 2 ที่ให้ ส.ส.ที่ได้รับเสียงสนับสนุนข้างมากในสภาฯ มาทำหน้าที่แทนได้ ซึ่งนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ถือว่ามีคุณสมบัติ แต่คงต้องมีการหารือกันก่อน
**เพื่อไทยอ้างซื้อ ส.ส.ตัวเลข 8 หลัก
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึง บรรยากาศก่อนการโหวตเลือกนายกฯว่า ในช่วงแรกนั้นแกนนำพรรคเพื่อไทยได้ประสานไปยังส.ส.ประมาณ 20 คนจากแทบทุกพรรค แต่ปรากฎว่ามีเหตุพลิกผัน โดยตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 14 ธ.ค.และเช้าวันที่ 15 ธ.ค. มีการอัดฉีดตัวเลขถึง 8 หลักให้กับ ส.ส.เหล่านั้น เพื่อให้เปลี่ยนการตัดสินใจ โดย ส.ส.เหล่านั้นประกอบด้วย ส.ส.พรรคกิจสังคม 5 คน ส.ส.สุรินทร์ 4 คน ส.ส.ของกลุ่มนายสรอรรถ กลิ่นปทุม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 2 คน ส.ส.กลุ่มบ้านริมน้ำ รวมทั้งส.ส. ของ พรรคชาติไทย ประมาณ 10 คน และส.ส.จากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาและพรรคภูมิใจไทยอีกจำนวนหนึ่ง ตรงนี้ทำให้ตัวเลขมีการพลิกกลับเกิดขึ้น.