ผู้บริหารกระทรวงการคลังหนุนรัฐบาลมาร์ค รับได้ 2 ตัวเต็งนั่งคลัง “หม่อมเต่า-กรณ์” แนะเร่งแก้ปัญหาความเชื่อมั่น อัดฉีดงบกลางปี 1 แสนล้าน บรรเทาปัญหาช่วยเหลือคนตกงาน ระบุ ทีมเศรษฐกิจจะต้องทำงานได้ทันที แนะหากฟอร์มทีมดีดึงความเชื่อมั่นกลับมาได้มาก
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สถานการณ์ทางด้านการเมืองที่มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นจะส่งผลให้รัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศมีปัจจัยแวดล้อมที่สนับสนุนให้สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้ง่ายขึ้น รวมทั้งหากการแต่งตั้งทีมเศรษฐกิจของคณะรัฐมนตรี (ครม.)ใหม่ภาพออกมาดีและมีความน่าเชื่อถือก็จะผลักดันให้เกิดความเชื่อมั่นได้มากขึ้น เพราะปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นถือเป็นสิ่งแรกที่รัฐบาลต้องรีบดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว
ขณะที่แนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระยะต่อไปนั้น ภาครัฐจะต้องเป็นตัวขับเคลื่อนหลักเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยเฉพาะการเร่งรัดเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งงบประจำและลบลงทุนรวมไปถึงงบลงทุนในส่วนของรัฐวิสาหกิจที่จะสนับสนุนให้ภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนต่อไปในภาวะที่เอกชนชะลอการลงทุน
“นอกจากการเบิกจ่ายและลงทุนของภาครัฐแล้วส่วนที่มีความสำคัญอีกหน่วยงานก็คือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ถือว่ามีกำลังทางเศรษฐกิจสูงและกระจายอยู่ทั่วประเทศ อยู่ใกล้ชิดกับชุมชนและท้องถิ่นจึงน่าจะเป็นผู้ที่รู้ดีว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งหากสามารสนับสนุนศักยภาพของท้องถิ่นให้สามารถขับคลื่อนจุดนี้ได้ก็จะสามารถบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้” นายศุภรัตน์ กล่าว
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ที่สำคัญคือทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้รวดเร็ว โดยเฉพาะการเร่งอัดฉีดเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจว่ามีความชัดเจนเรื่องการตั้งงบประมาณกลางปีเพิ่ม 1แสนล้านบาทเพื่อนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่มีปัญหา และช่วยคนตกงาน ซึ่งต้องมีการใช้เงินอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ รัฐบาลใหม่ต้องเร่งหามาตรการให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือธุรกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาสภาพคล่องในระบบมีมาก แต่ผู้ประกอบการไม่ขยายการลงทุน ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ เพราะกลัวจะเกิดหนี้เสีย
“ต้องมีมาตรการที่ชัดเจนที่จะดูแลเรื่องการว่างงาน ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ หากรัฐบาลใหม่ใช้มาตรการช่วยเหลือในจุดนี้ก็ถือเป็นการสะท้อนท่าทีรัฐบาลที่มีจุดยืนที่ถูกต้อง นอกจากนี้ รัฐบาลใหม่ต้องมีมาตรการที่มีมิติในการแก้ปัญหาระยะกลาง ระยะยาว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ”
นายสมชัย กล่าวว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญ จะต้องมีความสามารถ เริ่มทำงานได้ทันที สามารถทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ข้าราชการ และรัฐมนตรีช่วยได้ เพื่อให้การดำเนินนโยบายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเร่งสร่างความเชื่อมั่น
สำหรับเศรษฐกิจในปี 2551 คาดว่า อัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวได้ 3.2% เนื่องจากจีดีพีในไตรมาส 4 อาจจะขยายตัวติดลบ ส่วนในปี 2552 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 0-2% ซึ่งถือว่าต่ำมาก แต่ต้องรอดูนโยบายรัฐบาลซึ่งหากมีการใช้มาตรการที่ถูกต้อง จะทำให้จีดีพีขยายตัวได้ 2% อย่างไรก็ตาม สศค.จะมีการประกาศตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจอีกครั้งในวันที่ 24 ธ.ค.2551
***ยอมรับ “เต่า-กรณ์” ความสามารถล้น
นางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เชื่อมั่นว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ที่มีชื่อออกมาทั้ง ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ นายกรณ์ จาติกวนิช อดีตผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์นั้น ถือว่าบุคคลทั้งสองมีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางไม่น่าจะมีปัญหาในการทำงานในกระทรวงการคลังแต่อย่างใด
ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ มีความยากและท้าทายผู้ที่จะเข้าเป็นอย่างยิ่ง โดยสังคมต้องให้การยอมรับและเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
“ตอนนี้หลายๆ สำนัก มองว่า เศรษฐกิจยังไม่ถึงจุดต่ำสุดคาดกันว่าจะถึงจุดต่ำสุดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนปีหน้า ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ดีที่จะเปิดโอกาสให้คนมีความรู้เข้ามาแก้ไขปัญหา ร่วมกันหาทางแก้ไขก่อนที่เศรษฐกิจจะตกลงถึงจุดต่ำสุด ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีที่จะมีคนเข้ามาแก้ไขปัญหาและหาวิธีป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า” นางสาวสุภา กล่าว
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สถานการณ์ทางด้านการเมืองที่มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นจะส่งผลให้รัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศมีปัจจัยแวดล้อมที่สนับสนุนให้สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้ง่ายขึ้น รวมทั้งหากการแต่งตั้งทีมเศรษฐกิจของคณะรัฐมนตรี (ครม.)ใหม่ภาพออกมาดีและมีความน่าเชื่อถือก็จะผลักดันให้เกิดความเชื่อมั่นได้มากขึ้น เพราะปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นถือเป็นสิ่งแรกที่รัฐบาลต้องรีบดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว
ขณะที่แนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระยะต่อไปนั้น ภาครัฐจะต้องเป็นตัวขับเคลื่อนหลักเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยเฉพาะการเร่งรัดเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งงบประจำและลบลงทุนรวมไปถึงงบลงทุนในส่วนของรัฐวิสาหกิจที่จะสนับสนุนให้ภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนต่อไปในภาวะที่เอกชนชะลอการลงทุน
“นอกจากการเบิกจ่ายและลงทุนของภาครัฐแล้วส่วนที่มีความสำคัญอีกหน่วยงานก็คือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ถือว่ามีกำลังทางเศรษฐกิจสูงและกระจายอยู่ทั่วประเทศ อยู่ใกล้ชิดกับชุมชนและท้องถิ่นจึงน่าจะเป็นผู้ที่รู้ดีว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งหากสามารสนับสนุนศักยภาพของท้องถิ่นให้สามารถขับคลื่อนจุดนี้ได้ก็จะสามารถบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้” นายศุภรัตน์ กล่าว
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ที่สำคัญคือทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้รวดเร็ว โดยเฉพาะการเร่งอัดฉีดเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจว่ามีความชัดเจนเรื่องการตั้งงบประมาณกลางปีเพิ่ม 1แสนล้านบาทเพื่อนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่มีปัญหา และช่วยคนตกงาน ซึ่งต้องมีการใช้เงินอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ รัฐบาลใหม่ต้องเร่งหามาตรการให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือธุรกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาสภาพคล่องในระบบมีมาก แต่ผู้ประกอบการไม่ขยายการลงทุน ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ เพราะกลัวจะเกิดหนี้เสีย
“ต้องมีมาตรการที่ชัดเจนที่จะดูแลเรื่องการว่างงาน ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ หากรัฐบาลใหม่ใช้มาตรการช่วยเหลือในจุดนี้ก็ถือเป็นการสะท้อนท่าทีรัฐบาลที่มีจุดยืนที่ถูกต้อง นอกจากนี้ รัฐบาลใหม่ต้องมีมาตรการที่มีมิติในการแก้ปัญหาระยะกลาง ระยะยาว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ”
นายสมชัย กล่าวว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญ จะต้องมีความสามารถ เริ่มทำงานได้ทันที สามารถทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ข้าราชการ และรัฐมนตรีช่วยได้ เพื่อให้การดำเนินนโยบายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเร่งสร่างความเชื่อมั่น
สำหรับเศรษฐกิจในปี 2551 คาดว่า อัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวได้ 3.2% เนื่องจากจีดีพีในไตรมาส 4 อาจจะขยายตัวติดลบ ส่วนในปี 2552 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 0-2% ซึ่งถือว่าต่ำมาก แต่ต้องรอดูนโยบายรัฐบาลซึ่งหากมีการใช้มาตรการที่ถูกต้อง จะทำให้จีดีพีขยายตัวได้ 2% อย่างไรก็ตาม สศค.จะมีการประกาศตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจอีกครั้งในวันที่ 24 ธ.ค.2551
***ยอมรับ “เต่า-กรณ์” ความสามารถล้น
นางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เชื่อมั่นว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ที่มีชื่อออกมาทั้ง ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ นายกรณ์ จาติกวนิช อดีตผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์นั้น ถือว่าบุคคลทั้งสองมีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางไม่น่าจะมีปัญหาในการทำงานในกระทรวงการคลังแต่อย่างใด
ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ มีความยากและท้าทายผู้ที่จะเข้าเป็นอย่างยิ่ง โดยสังคมต้องให้การยอมรับและเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
“ตอนนี้หลายๆ สำนัก มองว่า เศรษฐกิจยังไม่ถึงจุดต่ำสุดคาดกันว่าจะถึงจุดต่ำสุดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนปีหน้า ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ดีที่จะเปิดโอกาสให้คนมีความรู้เข้ามาแก้ไขปัญหา ร่วมกันหาทางแก้ไขก่อนที่เศรษฐกิจจะตกลงถึงจุดต่ำสุด ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีที่จะมีคนเข้ามาแก้ไขปัญหาและหาวิธีป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า” นางสาวสุภา กล่าว