xs
xsm
sm
md
lg

อสังหาฯขานรับ”อภิสิทธิ์”นั่งนายก แนะเร่งฟื้นศก.ทุกด้านเม็ดเงินแสนล้านไม่พอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

PFระบุเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 100,000 ล้านบาทยังไม่พอ แนะเร่งฟื้นส่งออก-ท่องเที่ยว ใสเม็ดเงินในระบบผ่านโครงการรัฐฯ เชื่อรัฐบาลใหม่มาตามระบอบ ตรงความต้องการเอกชน คาดเรียกความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ เอ็น.ซี.ฯมองระยะสั้นเป็นสัญญาณที่ดี ด้านอ.มานพ เชื่อนายกใหม่อยู่ได้ไม่นาน แนะประชาชน-ผู้ประกอบการเตรียมรับมือ สร้างกระแสเงินสด ปีหน้าพายุขึ้นบก

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ด้วยการนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่นายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาบริหารประเทศในครั้งนี้ถือว่าเป็นไปรัฐบาลที่มาตามระบอบประชาธิปไตย และเป็นรัฐบาลที่ภาคเอกชนคาดหวัง ดังนั้น ในด้านความเชื่อมั่นของต่างชาตินั้นก็ถือว่าสอบผ่านเพราะมาตามระบบประชาธิปไตย ส่วนด้านความเชื่อมั่นในประเทศนั้น ถือว่าสอบผ่านในด่านแรก ส่วนด่านที่สองต้องดูที่ผลงานการบริหารหลังจากนี้

“ในส่วนของความมั่นคงของรัฐบาลเมื่อดูจากฐานคะแนน หรือเสียงสนับสนุนนั้นถือว่าไม่น่าจะมีการพลิกผลันแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีการเลือกตั้งซ่อมเข้ามาก็ไม่น่าจะมีการพลิกคั่วการเมืองจากนี้”

ส่วนความเชื่อมั่นในรัฐบาลชุดใหม่ทั้งเอกชนในประเทศและต่างประเทศ น่าจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในทุกด้านได้ดี ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกได้ไม่ยากนัก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลใหม่ควรดำเนินการ หลังจากเข้ามารับหน้าที่บริหารประเทศต่อจากรัฐบาลชุดเดิมที่ส่งต่องานให้แล้วเสร็จ คือ การฟื้นความเชื่อมั่นของภาคเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจใสเม็ดเงินเข้ามาในระบบผ่านการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ

ในขณะนี้เม็ดเงิน100,000 ล้านบาทที่คาดว่าจะถูกใส่เข้ามาในระบบนั้นคงไม่เพียงพอสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาในช่วงครึ่งปีหรือ 1 ปีจากนี้ แต่เม็ดเงินที่จะลงทุนควรจะสูงกว่าที่รัฐบาลเดิมมีแผนจะใสเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้สิ่งที่ควรเร่งดำเนินการฟื้นฟูอีกด้านคือธุรกิจการส่งออก ที่มีส่วนต่อการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของประเทศ ขณะเดียวกันด้านการท่องเที่ยวเองก็ต้องเร่งฟื้นฟูให้กลับมาขยายตัวอีกครั้ง

ทั้งนี้หากมีการฟื้นฟูธุรกิจทั้ง 2 ด้านได้ก็จะช่วยให้อสังหาริมทรัพย์กลับมาขยายตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี แต่อย่างไรก็ตามการกลับมาขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้คาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวอีกระยะหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะเห็นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 52 แต่จะเริ่มเห็นการขยายตัวกลับมาในช่วงครึ่งปีหลังของปี ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกอสังหาริมทรัพย์จะยังไม่กลับมา แต่น่าจะกลับมาขยายตัวในช่วงครึ่งปีหลังเช่นกัน

“ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ และคณะรัฐมนตรีใหม่จะมีส่วนต่อความเชื่อมั่นด้วย ดังนั้น รัฐบาลควรวางตัวทีมเศรษฐกิจให้มีความเหมาะสม ไม่ขี้เหร่ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า คุณกรณ์ จาติกวณิช ที่ถูกวางตัวให้เป็นรมว.คลังนั้นมีความเหมาะสมและมีฝีมือดีน่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ได้”

ด้านนายสมนึก ตันฑเทิดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการได้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนั้น ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี และเชื่อว่าภาคธุรกิจทุกภาคส่วนเองก็น่าจะมีความเห็นในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการได้รัฐบาลใหม่นี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นทั้งจากต่างประเทศ และในประเทศมากขึ้นเนื่องจากปัญหาด้านการมเองมีทางออก และไม่คลุมเครือเหมือนช่วงที่ผ่านมาแล้ว ดังนั้นทิศทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจน่าจะกลับมาในทิศทางที่ดีได้

“ส่วนตัวแล้วทองในระยะสั้นๆ ไม่สามารถคาดการอะไรในระยะยาวได้แต่เมื่อได้รัฐบาลชุดใหม่ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นทิศทางที่ดี และก็ขอเป็นกำลังใจ เอาใจช่วยให้สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและฟื้นฟูให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากที่ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศรวมถึงธุรกิจทุกด้านบอบช้ำมานาน”

**อ.มานพ เชื่อนายกใหม่อยู่ได้ไม่นาน**

อ.มานพ พงศทัต อาจารย์พิเศษ ภาควิชาเคหะการ คณะเคหะการ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภายหลังชนะผลโหวตจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น แม้ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่การบริหารจะเป็นสไตล์เก่า ในรูปแบบของพรรคประชาธิปัตย์ คือ ช้า แต่จะทำให้สถานการณ์ของประเทศไทยมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าที่รัฐบาลชุดเก่าบริหาร อย่างไรก็ตามปัญหาต่างๆจะไม่หมดไปหลังจากนี้จะเริ่มมีความขัดแย้งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และการที่พรรคประชาธิปัตย์มักเป็นสุภาพบุรุษทางการเมืองจะทำให้ต้องลาออกในภายหลัง และเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งใหม่

“แม้ว่าจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว แต่ความเชื่อมั่นยังคงไม่มี ในปีหน้าพายุจะขึ้นบก ทุกคนต้องเตรียมตัวในเรื่องกระแสเงินสดไว้ให้ดี อาจจะเป็นการมองภาพที่ไม่ดี แต่เราควรมองให้ภาพลบมากกว่าความเป็นจริง เพื่อที่จะได้เตรียมตัวตั้งรับให้ดี จะได้ไม่เจ็บตัว”

สำหรับการเตรียมตัวเพื่อรับกับสถานการณ์ ในส่วนของภาคประชาชน จะต้องไม่ใช่จ่ายฟุ่มเฟือย ออมเงิน การตัดสินใจลงทุนระยะยาวจะต้องให้สอดคล้องกับเงินระยาวของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างหนี้ระยะยาวในช่วงนี้ควรชะลอออกไปก่อน ส่วนที่มีหนี้อยู่แล้วพยายามลดหนี้ให้เร็วที่สุด

ส่วนผู้ประกอบการ ต้องชะลอการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ พัฒนาโครงการพอเหมาะ แบ่งเฟส และปิดการขายให้เร็ว ระวังในส่วนของลูกค้าที่ซื้อไปจะไม่สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินมาจ่ายได้ ซึ่งผู้ประกอบการอาจจะช่วยด้วยการค้ำประกันลูกค้ากับสถาบันการเงินประมาณ 1-2 ปี ก็อาจจะได้รับการปล่อยสินเชื่อง่ายขึ้น

ด้านสถาบันการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรมีมาตรการแก้ปัญหาในภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยไม่ใช่ออกมาตรการในภาวะปกติ เพราะจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น นอกจากนี้ควรผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่างที่เป็นอุปสรรค์ต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจออกไปบ้าง โดยเฉพาะการตั้งสำรองหนี้ของสถาบันการเงิน ควรกำหนดธนาคารให้ปล่อยเชื่อตามสัดส่วนที่ได้ระดมเงินฝากไปแล้ว ส่วนธนาคารพาณิชย์ควรขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปบ้าง โดยเฉพาะหนี้เงินกู้เพื่อพัฒนาโครงการ จากเดิม 1-2 ปี ก็ให้เป็น 3-4 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาปรับตัว

นอกจากนี้รัฐบาลซึ่งถือว่าเป็นตัวจักรสำคัญให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ควรมีนโยบายด้านการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคออกมา ปล่อยให้ท้องถิ่นสามารถลงทุนในระบบสาธารณูปโภคของท้องถิ่นตนเองได้ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ
กำลังโหลดความคิดเห็น