เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วานนี้ (15 ธ.ค.) ภายหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการโหวตให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น ปรากฎว่าได้สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือแก๊งเสื้อแดง กว่า 300 คน ที่มาปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณหน้ารัฐสภาตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นอย่างมาก โดยแกนนำได้ปราศรัยโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา ว่าทำตามใบสั่งของเผด็จการ รวมทั้งตำหนิส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินด้วยว่า เป็นคนเนรคุณ หักหลังประชาชน
จากนั้น แกนนำแก๊งเสื้อแดงได้สั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมแยกย้ายกันไปปิดล้อมประตูทางเข้าออกรัฐสภาทุกด้าน
**ส.ส.มัชฌิมาฯหวิดถูกตีตาย
ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมต่างกรูกันเข้าไปยกแผงเหล็กที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาวางไว้เป็นแนวป้องกัน โดยยกไปโยนขวางประตูรัฐสภาไว้ เพื่อไม่ให้รถยนต์ของส.ส.ที่อยู่ภายในออกมาภายนอกได้ รวมทั้งยังมีการขว้างปาสิ่งของต่างๆ อาทิ ขวดน้ำ และก้อนอิฐ เข้าไปภายในรัฐสภาด้วย
ทั้งนี้ ในระหว่างที่มีการปิดล้อมสภาอยู่นั้น นายมาโนช เฮงยศมาก ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคมัชฌิมาธิปไตย พยายามปีนรั้วเพื่อออกจากรัฐสภา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่กลุ่มนปช.หลายสิบคนมาพบเห็นเข้าพอดี จึงถือไม้วิ่งตรงเข้าไปไล่กวดนายมาโนชทันที จนนายมาโนช ต้องรีบวิ่งหนีเข้าไปภายในสวนสัตว์ดุสิต ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยคุ้มกันให้
**ตำรวจใช้ความนุ่มนวลเจรจาแต่ไร้ผล จากนั้น เวลา 11.30 น. พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกไปเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังปิดล้อมอยู่บริเวณหน้ารัฐสภาด้านถนนราชวิถี โดยขอร้องให้ยอมรับการลงมติที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย รวมทังขอให้เคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวาง พร้อมกับเปิดทางให้รถยนต์ สามารถเข้าและออกได้อย่างสะดวก โดยใช้เวลาเจรจานานกว่า 20 นาที แต่ก็ไม่เป็นผล กลุ่มนปช.ยังคงยืนยันว่า จะปิดประตูไม่ให้มีการเข้าออก ทำให้พล.ต.ต.เอกรัตน์ ต้องสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลให้ใช้โล่ผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมออกไป จึงทำให้เกิดการปะทะกันเล็กน้อยแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จึงสามารถเปิดพื้นที่ได้สำเร็จก่อนจะเคลื่อนย้ายแผงเหล็กออกจากบริเวณหน้าประตูรัฐสภา และเปิดให้รถยนต์ของ ส.ส.ออกจากรัฐสภาได้สำเร็จ
**ส.ส.เพื่อไทยก็ไม่มีสิทธิพิเศษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่รถยนต์ของส.ส. กำลังทยอยกันออกจากรัฐสภานั้น ปรากฏว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกผลักดันออกไปอยู่บริเวณด้านข้างแนวกั้นของตำรวจนั้น ได้ฮือเข้าไปล้อม และทุบตีรถ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนนำก้อนอิฐตัวหนอน ก้อนหิน และแผ่นปูนที่ใช้ปูฟุตบาธ มาขว้างปาเข้าใส่รถยนต์ที่กำลังแล่นออกจากรัฐสภาด้วย แม้ว่าส.ส.บางคนจะเปิดกระจกและชูบัตรสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ตาม แต่ก็ยังคงถูกขว้างปาทุบตี พร้อมทั้งด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย อยู่เป็นระยะๆ ทำให้รถบางคัน กระจกหน้ารถและกระจกด้านข้างแตกละเอียด บางคันตัวรถบุบ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดประตูรัฐสภาอีกครั้ง เพื่อเคลียร์พื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาอยู่ประมาณ 10 นาที ในการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่จะเปิดประตูให้รถยนต์ของส.ส.ออกจากรัฐสภาอีกครั้ง
**ส.ส.-ตร.-นักข่าว เจ็บระนาว
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการขว้างปารถยนต์ของส.ส. อยู่เป็นระยะๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่มีการจับกุมผู้ที่ขว้างปาและทุบตีรถแต่อย่างใด มีเพียงเข้าไปห้ามปราบเท่านั้น
ทั้งนี้ ในระหว่างที่มีการขว้างปาและทุบตีรถยนต์ของส.ส.อยู่นั้น ปรากฎว่า ผู้ชุมนุมรายหนึ่งได้ทำขวดน้ำกรดตกแตก ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมถึงกับแตกกระเจิงไปกันคนละทิศละทาง ซึ่งน้ำกรดดังกล่าว ส่งผลให้ผิวถนนได้รับความเสียหาย เป็นคราบขนาดใหญ่ รวมทั้งส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคนทั้งผู้สื่อข่าว ช่างภาพ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาทิ นายสิทธิชัย จารุหิรัญสกุล ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ ที่ถูกก้อนอิฐขว้างใส่จนดั้งจมูกแตก ขณะที่นายวรรณธนะ พึ่งประสงค์ ประชาชนคนหนึ่งถูกก้อนอิฐปาเข้าที่ใบหน้า โดยทั้งหมดรักษาตัวที่ร.พ.วชิระพยาบาล นอกจากนี้ยังมี ส.ส.และคนขับรถของส.ส.หลายคน อาทิ นายไชยยศ จิรเมธากร รักษาการโฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน รวมทั้งคนขับรถก็ได้รับบาดเจ็บด้วย
ส่วนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกจากรัฐสภา พร้อมกับนายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระจกบาดที่แขน และรถได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากกระจกแตกรอบคัน และตัวรถบุบ
**“เสนาะ” ฮีโร่กลุ่มเสื้อแดง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในระหว่างที่มีการขว้างปารถยนต์ของส.ส.อยู่นั้น กลุ่มผู้ชุมนุมต่างตะโกนบอกกันว่า ไม่ต้องสนใจ เอามันเลย ส.ส.ของเพื่อไทย ก็ไม่ต้องเว้น เพราะพรรคเพื่อไทย อ่อนแอ ปล่อยให้มือที่สามขึ้นมาเป็นรัฐบาล แถมดันโง่อยากออกมาเอง ไม่รู้หรืออย่างไรว่าสถานการณ์ตอนนี้รุนแรง
อย่างไรก็ตาม มีส.ส.ของพรรคเพื่อไทยบางคนตัดสินใจถอดสูทออกแล้วเดินออกมา ซึ่งได้รับเสียงปรบมือต้อนรับจากกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย อาทิ พล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจนบุรี สมาชิกพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.สุรทิน พิมาณเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี สมาชิกพรรคเพื่อไทย น.พ.วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน
นอกจากนี้ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่นั่งรถยนต์ออกมาจากรัฐสภาพร้อมกับ นายสรวงศ์ เทียนทอง บุตรชาย ได้เปิดกระจกโบกมือทักทายกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย ซึ่งได้รับการต้อนรับจากกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอย่างดี
จากนั้นเวลา 12.30 น. แกนนำได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดแยกย้ายกันไปรวมตัวกันที่ท้องสนามหลวง ในเวลา 17.00 น. โดยอ้างว่ามีผู้ไม่หวังดีอาจจะเข้ามาสร้างสถานการณ์
**เตรียมแจ้งข้อหาพยายามฆ่า
นายนิพิฐฏ์ อินทรสมบัติ ส.ส. พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การกระทำของแก๊งเสื้อแดง ถือว่าเป็นไปตามที่แกนนำบางคนเคยปราศรัยเอาไว้ว่า จะบุกมาปิดล้อม ซึ่งคนพูดมีตำแหน่งเป็น ส.ส.ไม่ควรใช้วิธีการแบบนี้ เห็นได้ชัดว่า ต้องการทำร้ายฝ่ายตรงข้ามหลังจากที่แพ้โหวตในสภา ซึ่งแตกต่างจากการชุมนุมของ กลุ่มเสื้อเหลือง ที่เป็นเรื่องของภาคประชาชนมารวมตัวกันอย่างแท้จริง แต่แก๊งเสื้อแดงเป็นเรื่องของการเมืองอย่างชัดเจน ไม่ควรมีการใส่ความคิดอย่างนี้ในหัวของประชาชน "เมื่อปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะการเมือง เราก็ต้องแก้ไขด้วยการเมือง จะเห็นว่า ส.ส.ในสภา พยายามแบ่งภาคอย่างชัดเจนในระหว่างขานชื่อโหวตในสภา ถือเป็นการ เพิ่มความแตกแยกของประชาชนให้เกิดขึ้น เป็นการประกาศสงครามระหว่างภาคกันอย่างชัดเจน" นายนิพิฐฏ์ กล่าว
นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กล่าวว่า ตนอยากถามนายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำแก๊งเสื้อแดง จะแสดงความรับผิดชอบเรื่องนี้ อย่างไร การประกาศว่าจะย้อยศรกลุ่มเสื้อเหลืองนั้น ตนอยากถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่เคยกระทำเช่นนี้ เพราะเขาชุมนุมกันอย่างสงบ แต่กลุ่มเสื้อแดง กลับเข้าข่าย พยายามฆ่า เนื่องจากมีการใช้ก้อนอิฐปาเข้าไปในรถ และสาดน้ำกรด เป็นการกระทำของกลุ่มอันธพาลอย่างแท้จริง "ส.ส.ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์นี้ควรจะฟ้องดำเนินคดี โดยเฉพาะข้อหาพยายามฆ่า เพราะมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้ง่ายๆ นี่คือกลุ่มพฤติกรรมของ กลุ่มเสื้อแดง หรือกลุ่มเมียน้อย ม็อบนปก.มีการใช้ยุทธศาสตร์เมียน้อยสาดน้ำกรด เพราะอิจฉาริษยาอย่างรุนแรง เพราะสู้กันในสภาไม่ได้" นายสมบูรณ์ กล่าว
**ตำรวจคุมเข้มบ้านแกนนำพรรค
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.กล่าวถึงสถานการณ์ที่แก๊งเสื้อแดง แสดงความไม่พอใจภายหลังเสร็จสิ้นการโหวตนายกรัฐมนตรี จนเกิดเหตุรุนแรงที่หน้าสภา ว่าทางตำรวจได้จัดกำลังไปที่พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 2 กองร้อย เพื่อดูแลความปลอดภัย และยังมีกำลังหนุนอีก ส่วนกำลังหนุนอีก 4 กองร้อย เตรียมความพร้อม ณ ที่ตั้ง หากมีสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งก็สามารถที่จะออกปฏิบัติการได้ทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการจัดกำลังไปดูแลสถานีวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ ที่ถนนวิภาวดี ซอย 3 หรือไม่ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงมีการรวมตัวกัน พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ได้สั่งการไปยัง พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 จัดกำลังดูแล และประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันแถลงนโยบาย ว่าจะมีความรุนแรงหรือไม่ และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร.ได้กำชับให้ดูแล นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็ยังต้องเฝ้าระวังแกนนำพรรคที่สนับสนุนในการเลือกนายกฯ อภิสิทธิ์ ทั้งที่บ้าน และที่ทำการพรรคด้วย ไม่ให้มีการก่อกวน
"อยากฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุม หากจะชุมนุมขอให้ชุมนุมอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญ เรามีการบันทึกภาพนิ่งไว้หมด หากใครทำอะไรนอกเหนือกฎหมาย ก็ต้องดำเนินคดีตามขั้นตอน สำหรับการปราศรัยหมิ่นบุคคลอื่นนั้น เราก็ต้องดูคดีที่บุคคลนั้นเสียหายและเข้าแจ้งความดำเนินคดี แต่หากกล่าวพาดพิงถึงความผิดในส่วนที่ตำรวจเป็นผู้เสียหายเอง เราก็จะดำเนินการทันที" พล.ต.ท.สุชาติ กล่าว
**เตรียมเอาผิดแก๊งเสื้อแดงเถื่อน
พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 กล่าวถึงกรณีการเอาผิดกับแก๊งเสื้อแดง ที่ขว้างปาก้อนหินใส่รถยนต์ของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มเพื่อนเนวิน จนได้รับความเสียหายไปจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 คันว่า ทางตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่ โดยเฉพาะทางสื่อมวลชน ซึ่งหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะประสานไปขอภาพจากสื่อมวลชนที่ได้บันทึกไว้มารวบรวมประกอบกับพยานหลักฐานอื่นๆ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือว่าทางตำรวจประเมินสถานการณ์ผิดหรือไม่ จากเดิมที่คาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า ทางตำรจไม่ได้ประเมินสถานการณ์ผิด เพียงแต่การปฏิบัติกับประชาชนนั้นต้องใช้ความละมุนละม่อมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ของผุ้ชุมนุมในช่วงนั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจจะพยายามทำให้ดีที่สุด โดยทางผู้บังคับบัญชาจะวางแผนทำงานกันอย่างเป็นระบบอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะกลับมาปิดล้อมอาคารรัฐสภาในวันที่รัฐบาลจะแถลงนโยบายนั้น ทางตำรวจจะต้องดูข้อมูลด้านการข่าวต่อไปว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ และจะประเมินสถานการณ์เป็นช่วงๆไป
จากนั้น แกนนำแก๊งเสื้อแดงได้สั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมแยกย้ายกันไปปิดล้อมประตูทางเข้าออกรัฐสภาทุกด้าน
**ส.ส.มัชฌิมาฯหวิดถูกตีตาย
ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมต่างกรูกันเข้าไปยกแผงเหล็กที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาวางไว้เป็นแนวป้องกัน โดยยกไปโยนขวางประตูรัฐสภาไว้ เพื่อไม่ให้รถยนต์ของส.ส.ที่อยู่ภายในออกมาภายนอกได้ รวมทั้งยังมีการขว้างปาสิ่งของต่างๆ อาทิ ขวดน้ำ และก้อนอิฐ เข้าไปภายในรัฐสภาด้วย
ทั้งนี้ ในระหว่างที่มีการปิดล้อมสภาอยู่นั้น นายมาโนช เฮงยศมาก ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคมัชฌิมาธิปไตย พยายามปีนรั้วเพื่อออกจากรัฐสภา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่กลุ่มนปช.หลายสิบคนมาพบเห็นเข้าพอดี จึงถือไม้วิ่งตรงเข้าไปไล่กวดนายมาโนชทันที จนนายมาโนช ต้องรีบวิ่งหนีเข้าไปภายในสวนสัตว์ดุสิต ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยคุ้มกันให้
**ตำรวจใช้ความนุ่มนวลเจรจาแต่ไร้ผล จากนั้น เวลา 11.30 น. พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกไปเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังปิดล้อมอยู่บริเวณหน้ารัฐสภาด้านถนนราชวิถี โดยขอร้องให้ยอมรับการลงมติที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย รวมทังขอให้เคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวาง พร้อมกับเปิดทางให้รถยนต์ สามารถเข้าและออกได้อย่างสะดวก โดยใช้เวลาเจรจานานกว่า 20 นาที แต่ก็ไม่เป็นผล กลุ่มนปช.ยังคงยืนยันว่า จะปิดประตูไม่ให้มีการเข้าออก ทำให้พล.ต.ต.เอกรัตน์ ต้องสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลให้ใช้โล่ผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมออกไป จึงทำให้เกิดการปะทะกันเล็กน้อยแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จึงสามารถเปิดพื้นที่ได้สำเร็จก่อนจะเคลื่อนย้ายแผงเหล็กออกจากบริเวณหน้าประตูรัฐสภา และเปิดให้รถยนต์ของ ส.ส.ออกจากรัฐสภาได้สำเร็จ
**ส.ส.เพื่อไทยก็ไม่มีสิทธิพิเศษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่รถยนต์ของส.ส. กำลังทยอยกันออกจากรัฐสภานั้น ปรากฏว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกผลักดันออกไปอยู่บริเวณด้านข้างแนวกั้นของตำรวจนั้น ได้ฮือเข้าไปล้อม และทุบตีรถ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนนำก้อนอิฐตัวหนอน ก้อนหิน และแผ่นปูนที่ใช้ปูฟุตบาธ มาขว้างปาเข้าใส่รถยนต์ที่กำลังแล่นออกจากรัฐสภาด้วย แม้ว่าส.ส.บางคนจะเปิดกระจกและชูบัตรสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ตาม แต่ก็ยังคงถูกขว้างปาทุบตี พร้อมทั้งด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย อยู่เป็นระยะๆ ทำให้รถบางคัน กระจกหน้ารถและกระจกด้านข้างแตกละเอียด บางคันตัวรถบุบ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดประตูรัฐสภาอีกครั้ง เพื่อเคลียร์พื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาอยู่ประมาณ 10 นาที ในการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่จะเปิดประตูให้รถยนต์ของส.ส.ออกจากรัฐสภาอีกครั้ง
**ส.ส.-ตร.-นักข่าว เจ็บระนาว
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการขว้างปารถยนต์ของส.ส. อยู่เป็นระยะๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่มีการจับกุมผู้ที่ขว้างปาและทุบตีรถแต่อย่างใด มีเพียงเข้าไปห้ามปราบเท่านั้น
ทั้งนี้ ในระหว่างที่มีการขว้างปาและทุบตีรถยนต์ของส.ส.อยู่นั้น ปรากฎว่า ผู้ชุมนุมรายหนึ่งได้ทำขวดน้ำกรดตกแตก ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมถึงกับแตกกระเจิงไปกันคนละทิศละทาง ซึ่งน้ำกรดดังกล่าว ส่งผลให้ผิวถนนได้รับความเสียหาย เป็นคราบขนาดใหญ่ รวมทั้งส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคนทั้งผู้สื่อข่าว ช่างภาพ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาทิ นายสิทธิชัย จารุหิรัญสกุล ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ ที่ถูกก้อนอิฐขว้างใส่จนดั้งจมูกแตก ขณะที่นายวรรณธนะ พึ่งประสงค์ ประชาชนคนหนึ่งถูกก้อนอิฐปาเข้าที่ใบหน้า โดยทั้งหมดรักษาตัวที่ร.พ.วชิระพยาบาล นอกจากนี้ยังมี ส.ส.และคนขับรถของส.ส.หลายคน อาทิ นายไชยยศ จิรเมธากร รักษาการโฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน รวมทั้งคนขับรถก็ได้รับบาดเจ็บด้วย
ส่วนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกจากรัฐสภา พร้อมกับนายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระจกบาดที่แขน และรถได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากกระจกแตกรอบคัน และตัวรถบุบ
**“เสนาะ” ฮีโร่กลุ่มเสื้อแดง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในระหว่างที่มีการขว้างปารถยนต์ของส.ส.อยู่นั้น กลุ่มผู้ชุมนุมต่างตะโกนบอกกันว่า ไม่ต้องสนใจ เอามันเลย ส.ส.ของเพื่อไทย ก็ไม่ต้องเว้น เพราะพรรคเพื่อไทย อ่อนแอ ปล่อยให้มือที่สามขึ้นมาเป็นรัฐบาล แถมดันโง่อยากออกมาเอง ไม่รู้หรืออย่างไรว่าสถานการณ์ตอนนี้รุนแรง
อย่างไรก็ตาม มีส.ส.ของพรรคเพื่อไทยบางคนตัดสินใจถอดสูทออกแล้วเดินออกมา ซึ่งได้รับเสียงปรบมือต้อนรับจากกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย อาทิ พล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจนบุรี สมาชิกพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.สุรทิน พิมาณเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี สมาชิกพรรคเพื่อไทย น.พ.วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน
นอกจากนี้ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่นั่งรถยนต์ออกมาจากรัฐสภาพร้อมกับ นายสรวงศ์ เทียนทอง บุตรชาย ได้เปิดกระจกโบกมือทักทายกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย ซึ่งได้รับการต้อนรับจากกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอย่างดี
จากนั้นเวลา 12.30 น. แกนนำได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดแยกย้ายกันไปรวมตัวกันที่ท้องสนามหลวง ในเวลา 17.00 น. โดยอ้างว่ามีผู้ไม่หวังดีอาจจะเข้ามาสร้างสถานการณ์
**เตรียมแจ้งข้อหาพยายามฆ่า
นายนิพิฐฏ์ อินทรสมบัติ ส.ส. พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การกระทำของแก๊งเสื้อแดง ถือว่าเป็นไปตามที่แกนนำบางคนเคยปราศรัยเอาไว้ว่า จะบุกมาปิดล้อม ซึ่งคนพูดมีตำแหน่งเป็น ส.ส.ไม่ควรใช้วิธีการแบบนี้ เห็นได้ชัดว่า ต้องการทำร้ายฝ่ายตรงข้ามหลังจากที่แพ้โหวตในสภา ซึ่งแตกต่างจากการชุมนุมของ กลุ่มเสื้อเหลือง ที่เป็นเรื่องของภาคประชาชนมารวมตัวกันอย่างแท้จริง แต่แก๊งเสื้อแดงเป็นเรื่องของการเมืองอย่างชัดเจน ไม่ควรมีการใส่ความคิดอย่างนี้ในหัวของประชาชน "เมื่อปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะการเมือง เราก็ต้องแก้ไขด้วยการเมือง จะเห็นว่า ส.ส.ในสภา พยายามแบ่งภาคอย่างชัดเจนในระหว่างขานชื่อโหวตในสภา ถือเป็นการ เพิ่มความแตกแยกของประชาชนให้เกิดขึ้น เป็นการประกาศสงครามระหว่างภาคกันอย่างชัดเจน" นายนิพิฐฏ์ กล่าว
นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กล่าวว่า ตนอยากถามนายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำแก๊งเสื้อแดง จะแสดงความรับผิดชอบเรื่องนี้ อย่างไร การประกาศว่าจะย้อยศรกลุ่มเสื้อเหลืองนั้น ตนอยากถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่เคยกระทำเช่นนี้ เพราะเขาชุมนุมกันอย่างสงบ แต่กลุ่มเสื้อแดง กลับเข้าข่าย พยายามฆ่า เนื่องจากมีการใช้ก้อนอิฐปาเข้าไปในรถ และสาดน้ำกรด เป็นการกระทำของกลุ่มอันธพาลอย่างแท้จริง "ส.ส.ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์นี้ควรจะฟ้องดำเนินคดี โดยเฉพาะข้อหาพยายามฆ่า เพราะมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้ง่ายๆ นี่คือกลุ่มพฤติกรรมของ กลุ่มเสื้อแดง หรือกลุ่มเมียน้อย ม็อบนปก.มีการใช้ยุทธศาสตร์เมียน้อยสาดน้ำกรด เพราะอิจฉาริษยาอย่างรุนแรง เพราะสู้กันในสภาไม่ได้" นายสมบูรณ์ กล่าว
**ตำรวจคุมเข้มบ้านแกนนำพรรค
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.กล่าวถึงสถานการณ์ที่แก๊งเสื้อแดง แสดงความไม่พอใจภายหลังเสร็จสิ้นการโหวตนายกรัฐมนตรี จนเกิดเหตุรุนแรงที่หน้าสภา ว่าทางตำรวจได้จัดกำลังไปที่พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 2 กองร้อย เพื่อดูแลความปลอดภัย และยังมีกำลังหนุนอีก ส่วนกำลังหนุนอีก 4 กองร้อย เตรียมความพร้อม ณ ที่ตั้ง หากมีสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งก็สามารถที่จะออกปฏิบัติการได้ทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการจัดกำลังไปดูแลสถานีวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ ที่ถนนวิภาวดี ซอย 3 หรือไม่ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงมีการรวมตัวกัน พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ได้สั่งการไปยัง พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 จัดกำลังดูแล และประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันแถลงนโยบาย ว่าจะมีความรุนแรงหรือไม่ และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร.ได้กำชับให้ดูแล นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็ยังต้องเฝ้าระวังแกนนำพรรคที่สนับสนุนในการเลือกนายกฯ อภิสิทธิ์ ทั้งที่บ้าน และที่ทำการพรรคด้วย ไม่ให้มีการก่อกวน
"อยากฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุม หากจะชุมนุมขอให้ชุมนุมอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญ เรามีการบันทึกภาพนิ่งไว้หมด หากใครทำอะไรนอกเหนือกฎหมาย ก็ต้องดำเนินคดีตามขั้นตอน สำหรับการปราศรัยหมิ่นบุคคลอื่นนั้น เราก็ต้องดูคดีที่บุคคลนั้นเสียหายและเข้าแจ้งความดำเนินคดี แต่หากกล่าวพาดพิงถึงความผิดในส่วนที่ตำรวจเป็นผู้เสียหายเอง เราก็จะดำเนินการทันที" พล.ต.ท.สุชาติ กล่าว
**เตรียมเอาผิดแก๊งเสื้อแดงเถื่อน
พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 กล่าวถึงกรณีการเอาผิดกับแก๊งเสื้อแดง ที่ขว้างปาก้อนหินใส่รถยนต์ของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มเพื่อนเนวิน จนได้รับความเสียหายไปจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 คันว่า ทางตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่ โดยเฉพาะทางสื่อมวลชน ซึ่งหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะประสานไปขอภาพจากสื่อมวลชนที่ได้บันทึกไว้มารวบรวมประกอบกับพยานหลักฐานอื่นๆ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือว่าทางตำรวจประเมินสถานการณ์ผิดหรือไม่ จากเดิมที่คาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า ทางตำรจไม่ได้ประเมินสถานการณ์ผิด เพียงแต่การปฏิบัติกับประชาชนนั้นต้องใช้ความละมุนละม่อมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ของผุ้ชุมนุมในช่วงนั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจจะพยายามทำให้ดีที่สุด โดยทางผู้บังคับบัญชาจะวางแผนทำงานกันอย่างเป็นระบบอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะกลับมาปิดล้อมอาคารรัฐสภาในวันที่รัฐบาลจะแถลงนโยบายนั้น ทางตำรวจจะต้องดูข้อมูลด้านการข่าวต่อไปว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ และจะประเมินสถานการณ์เป็นช่วงๆไป