อุดรธานี - ผู้ว่าฯ อุดรเผย ทุกหน่วยในจังหวัดพร้อมรับสถานการณ์ 14 ก.พ.เวทีปราศรัยการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ “ให้รักเราท่วมท้นประเทศไทย” เตรียมใช้แผนกรกฎ 48 คุมสถานการณ์ พร้อมตรึงกำลังทหาร ตำรวจ อส.ร่วม 2,000 รอบบริเวณงาน สั่งปิดสวนสาธารณะหนองประจักษ์ 13-15 ก.พ.เพื่อเคลียร์พื้นที่ และตรวจอาวุธทุกคนที่เข้างาน ชี้ งานนี้แลกด้วยภาพลักษณ์ของประเทศไม่ใช่เฉพาะจังหวัดอุดรฯเท่านั้น
นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวถึงกรณีในวันเสาร์ที่ 14 ก.พ.นี้ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะมาจัดงาน “คาราวานพันธมิตรฯเพื่อการเมืองใหม่” ที่บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ใจกลางเมืองอุดรธานี ว่า ทางจังหวัดได้มีการประชุมเตรียมพร้อมกันมาหลายรอบแล้ว โดยเฉพาะครั้งล่าสุด เช้าวันนี้ (12 ก.พ.) ทางจังหวัดก็ได้เตรียมพร้อมซักซ้อมในแผนทุกแผนที่เตรียมการณ์ไว้
แผนดูแลความเรียบร้อยเริ่มตั้งแต่ที่กลุ่มพันธมิตรฯ เข้ามาในพื้นที่อุดรฯ รวมไปถึงการรักษาความปลอดภัยวันงานด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้แผน กรกฎ 48 ในวันดังกล่าว คือ วางกำลังตำรวจ ทหาร อส.อปพร.รวม 2,000 คน
“ขณะนี้ก็คิดว่าถ้าสถานการณ์ปกติ เราก็มีความพร้อม เพราะว่าพื้นที่จัดงานเป็นบริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ ที่เหมาะกับการควบคุมได้ง่าย มีทางเข้าเพียง 3 ทางเท่านั้น” นายอำนาจ กล่าวและว่า
ในส่วนการตั้งจุดตรวจก็จะมีการวางกำลังเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นในหนองประจักษ์ ตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.ซึ่งเราจะวางกำลังแต่ละจุดตรวจ และจะตรวจอาวุธทุกคน โดยจะทำการปิดสวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ ตั้งแต่เวลา 10.00 น.ของวันที่ 13 ก.พ. จนถึงเวลา 10.00 น.วันที่ 15 ก.พ.ในวันงาน 14 ก.พ.นั้นก็จะมีเครื่องตรวจระเบิดมาตรวจสอบผู้ที่เข้าไปในงานด้วย
สิ่งที่ตนกังวลใจมากที่สุด ก็คือ เส้นทางระหว่างการเดินทางจากที่พักกับบริเวณงานของกลุ่มพันธมิตรฯ จึงได้ฝากเรื่องนี้ไปยังผู้ประสานงานว่า ให้ช่วยแจ้งให้ทางจังหวัดได้ทราบวันเวลาสถานที่พักและการเดินทางด้วย เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัย เข้างาน ซึ่งจะได้วางกำลังช่วย รปภ.ในจุดนี้ให้
นายอำนาจ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทราบว่าในขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ต่างก็ใช้สื่อที่มีอยู่ของตัวเอง ประกาศรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้คนมาร่วมงานของตัวเองให้มากที่สุด ซึ่งทราบว่าแต่ละฝ่ายมีมาจากต่างจังหวัดรวมกลุ่มละประมาณ 5,000 คน โดยยิ่งใกล้วันต่างฝ่ายก็ยิ่งพากันรณรงค์กันมากขึ้น ก็ขอวิงวอนทั้ง 2 ฝ่ายว่าการที่ปากท่านบอกว่ารักชาติรักพระมหากษัตริย์นั้น ก็ขอให้ท่านรักจริงๆ อย่ารักแต่พูด ขอให้ท่านปฏิบัติด้วย จึงไม่อยากให้รณรงค์หรือประชาสัมพันธ์ในลักษณะท้าทายด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
ส่วนในวันที่ 13 ก.พ.ที่จะปิดสวนสาธารณะหนองประจักษ์ ก็จะปิดเฉพาะวงรอบชั้นในเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนของกลุ่มคนที่ใช้เต้นแอโรบิกก็ขอร้องเพียง 2 วัน ส่วนรอบนอกก็ยังให้ประชาชนมาใช้ออกกำลังกายได้อยู่ รวมทั้งเส้นทางหน้าโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และ โรงแรมวัฒนา ซึ่งอยู่ริมสวนสาธารณะฯ นั้นเราจะปิดเฉพาะจุดที่ใกล้โรงพยาบาลเท่านั้น รถพยาบาลยังคงวิ่งเข้าออกโรงพยาบาลได้อยู่
ในส่วนเรื่องของภาพลักษณ์ของอุดรธานี อยากจะแจ้งให้ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ทราบว่า เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นภาพลักษณ์ของอุดรฯ อย่างเดียวเท่านั้น เป็นภาพลักษณ์ของประเทศด้วย เพราะในขณะนี้นักท่องเที่ยวทุกแห่งของประเทศต่างก็ลดน้อยลงไปมาก ก็เพราะไม่มั่นใจในความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ก็เช่นเดียวกับภาพลักษณ์ของอุดรฯ
“โดยเฉพาะผมเป็นคนอุดรฯ ด้วย บาดแผลที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2551 ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ ก็อยู่ในความทรงจำของเราชาวอุดรฯ ทุกคน เราจะต้องช่วยกันแก้ไข ในวันที่ 14 ก.พ.2552 นี้ จะเป็นวันพิสูจน์ว่าเรามีภาพลักษณ์ที่ดี รักสงบ รักสามัคคี จะพยายามพูดจากัน ตนคิดว่าถ้าไม่มีการท้าทายกัน ไม่มีการรณรงค์ที่จะนำไปสู่ความรุนแรง แต่ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่พยายามที่จะสร้างความเข้าใจกับแต่ละฝ่าย ก็น่าเป็นห่วงอยู่”
นายอำนาจ กล่าวต่ออีกว่า หากเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ มีการปะทะกันจริงก็ได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ทั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัด โดยเฉพาะ โรงพยาบาลศูนย์อุดรฯ และ โรงพยาบาลวัฒนา ฯ ที่อยู่ใกล้บริเวณสวนสาธารณะฯ มากที่สุด ที่จะมาคอยดูแล ส่วนการวางกำลังป้องกันนั้นคราวที่แล้วเรามีบทเรียนมาแล้ว ในครั้งนี้จึงได้เตรียมไว้ถึง 3 ชั้นด้วยกัน และวางกำลังมากเป็นพิเศษ
ในขณะเดียวกัน ก็ขอความร่วมมือไปยังสื่อทุกสื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจไม่ให้ก่อความรุนแรงกัน ส่วนกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงอุดรฯ ประกาศว่าในครั้งนี้ถ้าหากเกิดมีการปะทะกันทางกลุ่มไม่มีส่วนร่วมด้วยนั้น ตนก็จะว่ากันไปตามกฎหมาย ใครทำผิดก็ต้องรับผิดชอบไป
นายอำนาจ ระบุว่า หากใครที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมเราก็จะช่วยดูแลให้ดีที่สุด ที่จะรักษาความปลอดภัยให้กับท่าน สำหรับความมั่นใจนั้นก็ต้องประเมินตามสถานการณ์ แต่อย่างไรก็ตามก็ขอเรียนให้ทราบว่าเราได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่และได้ได้ระดมสรรพกำลังทุกอย่างที่มีอยู่ และจะดูแลท่านให้ดีที่สุด ซึ่งในขณะนี้จากทางฝ่ายข่าวได้ทราบว่าทางทีมเสื้อเหลืองนั้นได้ส่งหน่วยล่วงหน้ามาหาข่าวในพื้นที่รวมทั้งการเคลื่อนไหวของเสื้อแดง แต่กำลังส่วนใหญ่ทราบว่าจะมาในวันที่ 14 ก.พ.
“ส่วนกลุ่มเสื้อแดงนั้นทราบว่าได้มีการประชุมปรึกษาหารือกัน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะดำเนินการตอบโต้กับกลุ่มเสื้อเหลืองอย่างไร กระนั้นก็ตามก็ได้สั่งการให้หน่วยงานทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร อส.และ อพปร.แล้วว่า ห้ามไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องแก๊สน้ำตานั้นให้เก็บให้หมด”นายอำนาจ กล่าว