ASTVผู้จัดการรายวัน – ไทยมาร์ท ขยายสาขาเพิ่ม คาดครบ 8 แห่งเมื่อไรลุยต่างจังหวัด เร่งสรุปเจรจาบิ๊กค้าปลีกเช่าพื้นที่สาขารามอินทรา เปิดบริการคอมมูนิตี้มอลล์
นายกำพล ปัญญาพฤฒิโชติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด ผู้บริหารร้านไทยมาร์ท แคช แอนด์ แคร์รี่ เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจศูนย์ค้าส่งไทยมาร์ทมา 5 ปี ได้รับผลตอบรับอย่างดี ทำให้บริษัทฯมีแผนตัดสินใจลงทุนขยายกิจการเพิ่ม แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจช่วงนี้ยังไม่ดีก็ตาม โดยภายในสิ้นปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้าจะเปิดสาขาใหม่ให้ครบ 5 สาขา จากที่เปิดบริการขณะนี้ 2 สาขา คือ แจ้งวัฒนะและเซียร์รังสิต
ล่าสุดจะเปิดสาขาที่สามคือ รามอินทรา กม.12 ในวันที่ 18 ธันวาคมศกนี้ (ปิดสาขาที่มีนบุรีแล้วย้ายมาที่สาขาใหม่นี้) ซึ่งจะเป็นสำนักงานใหญ่และเป็นคลังสินค้าขนาดใหญ่ด้วย มีพื้นที่รวมมากกว่า 8,000 ตารางเมตร ส่วนอีก 2 สาขาคาดว่าจะเปิดได้ต้นปีหน้า คือ ศรีนครินทร์ และบางใหญ่ โดยตั้งเป้าหมายที่จะเปิดในกรุงเทพฯและปริมณฑลได้ประมาณ 8 สาขาก่อนจึงจะพิจารณาขยายออกไปยังตลาดต่างจังหวัด ซึ่งรูปแบบจะมีทั้งสแตนด์อโลนและอยู่ในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ โดยงบลงทุนต่อสาขาเฉลี่ยอยู่ที่ 40 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 10 ล้านบาทต่อเดือนต่อสาขา ส่วนปีหน้าตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าเนื่องจากมีสาขาเพิ่มขึ้น ส่วนสมาชิกปัจจุบันมี 30,000 กว่าราย คาดว่าปีหน้าจะมีเพิ่มมากขึ้น และตั้งเป้าหมายที่จะดำเนินการเรื่องซีเอสอาร์ให้เป็นรูปเป็นธรรมมากขึ้นด้วย
นายกำพลกล่าวต่อว่า สาขาที่รามอินทรานี้ บริษัทฯแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นไทยมาร์ท และพื้นที่สำหรับร้านค้าเช่าที่เปิดบริการ ส่วนพื้นที่อีกอาคารนั้นยังว่างอยู่ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการค้าปลีกเพื่อจะเข้ามาใช้พื้นที่ในการเปิดบริการคอมมูนิตี้มอลล์ แต่ยังไม่ได้สรุปการเจรจา รวมทั้งอยู่ระหว่างการเจรจากับคอนวีเนียนสโตร์รายหนึ่งเพื่อมาเปิดบริการด้วย
“ธุรกิจที่เราทำคือ การขายสินค้าแบบส่ง รับเงินสด เจาะกลุ่มเป้าหมายพวกผู้ประกอบการธุรกิจ หรือพวกที่นำไปขายต่อ จุดเด่นคือสินค้าเรามีราคาต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบกับโมเดิร์นเทรด มีสินค้าหลักอยู่ 8 กลุ่มคือ เครื่องครัว ซึ่งมีสัดส่วนรายได้สูงที่สุดกว่า 30%, เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว, เครื่องเขียน, ของเล่น, เครื่องแต่งกายสตรี, เครื่องมือช่าง, เครื่องใช้ไฟฟ้า และโกรเซอรี่ แต่ไม่มีอาหารสดขาย รวมสินค้ามากกว่า 10,000 เอสเคยู
นายธนัช อัญชลิสังกาศ รองประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า บริษัทฯได้ทำโครงการ “เถ้าแก่ใหม่กับไทยมาร์ท” เพื่อช่วยเหลือคนตกงานที่คาดกันว่าในปีหน้าจะมีมากกว่า 2 ล้านคน รวมทั้งนักศึกษาจบใหม่ที่จะหางานทำลำบากอีกด้วย โดยการจัดอุปกรณ์ที่เหมาะกับการทำอาชีพร้านค้า 12 ประเภท เช่น ร้านกาแฟ ร้านก๊วยเตี๋ยว ร้านขนมจีน ร้านขนมหาน ร้านข้าวแกง เป็นต้น
โดยบริษัทฯจะจัดอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ในการประกอบอาชีพเหล่านี้ด้วยการนำมาขายเป็นชุด คาดว่าชุดละประมาณ 10,000 บาท เพื่อให้ผู้สนใจสามารถซื้อและลงทุนประกอบอาชีพได้
ง่ายขึ้น รวมทั้งจะมีการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาชีพด้วย ตั้งเป้าผู้เข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 50,000 รายในช่วง 1 เดือนแรก
นายกำพล ปัญญาพฤฒิโชติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด ผู้บริหารร้านไทยมาร์ท แคช แอนด์ แคร์รี่ เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจศูนย์ค้าส่งไทยมาร์ทมา 5 ปี ได้รับผลตอบรับอย่างดี ทำให้บริษัทฯมีแผนตัดสินใจลงทุนขยายกิจการเพิ่ม แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจช่วงนี้ยังไม่ดีก็ตาม โดยภายในสิ้นปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้าจะเปิดสาขาใหม่ให้ครบ 5 สาขา จากที่เปิดบริการขณะนี้ 2 สาขา คือ แจ้งวัฒนะและเซียร์รังสิต
ล่าสุดจะเปิดสาขาที่สามคือ รามอินทรา กม.12 ในวันที่ 18 ธันวาคมศกนี้ (ปิดสาขาที่มีนบุรีแล้วย้ายมาที่สาขาใหม่นี้) ซึ่งจะเป็นสำนักงานใหญ่และเป็นคลังสินค้าขนาดใหญ่ด้วย มีพื้นที่รวมมากกว่า 8,000 ตารางเมตร ส่วนอีก 2 สาขาคาดว่าจะเปิดได้ต้นปีหน้า คือ ศรีนครินทร์ และบางใหญ่ โดยตั้งเป้าหมายที่จะเปิดในกรุงเทพฯและปริมณฑลได้ประมาณ 8 สาขาก่อนจึงจะพิจารณาขยายออกไปยังตลาดต่างจังหวัด ซึ่งรูปแบบจะมีทั้งสแตนด์อโลนและอยู่ในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ โดยงบลงทุนต่อสาขาเฉลี่ยอยู่ที่ 40 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 10 ล้านบาทต่อเดือนต่อสาขา ส่วนปีหน้าตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าเนื่องจากมีสาขาเพิ่มขึ้น ส่วนสมาชิกปัจจุบันมี 30,000 กว่าราย คาดว่าปีหน้าจะมีเพิ่มมากขึ้น และตั้งเป้าหมายที่จะดำเนินการเรื่องซีเอสอาร์ให้เป็นรูปเป็นธรรมมากขึ้นด้วย
นายกำพลกล่าวต่อว่า สาขาที่รามอินทรานี้ บริษัทฯแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นไทยมาร์ท และพื้นที่สำหรับร้านค้าเช่าที่เปิดบริการ ส่วนพื้นที่อีกอาคารนั้นยังว่างอยู่ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการค้าปลีกเพื่อจะเข้ามาใช้พื้นที่ในการเปิดบริการคอมมูนิตี้มอลล์ แต่ยังไม่ได้สรุปการเจรจา รวมทั้งอยู่ระหว่างการเจรจากับคอนวีเนียนสโตร์รายหนึ่งเพื่อมาเปิดบริการด้วย
“ธุรกิจที่เราทำคือ การขายสินค้าแบบส่ง รับเงินสด เจาะกลุ่มเป้าหมายพวกผู้ประกอบการธุรกิจ หรือพวกที่นำไปขายต่อ จุดเด่นคือสินค้าเรามีราคาต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบกับโมเดิร์นเทรด มีสินค้าหลักอยู่ 8 กลุ่มคือ เครื่องครัว ซึ่งมีสัดส่วนรายได้สูงที่สุดกว่า 30%, เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว, เครื่องเขียน, ของเล่น, เครื่องแต่งกายสตรี, เครื่องมือช่าง, เครื่องใช้ไฟฟ้า และโกรเซอรี่ แต่ไม่มีอาหารสดขาย รวมสินค้ามากกว่า 10,000 เอสเคยู
นายธนัช อัญชลิสังกาศ รองประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า บริษัทฯได้ทำโครงการ “เถ้าแก่ใหม่กับไทยมาร์ท” เพื่อช่วยเหลือคนตกงานที่คาดกันว่าในปีหน้าจะมีมากกว่า 2 ล้านคน รวมทั้งนักศึกษาจบใหม่ที่จะหางานทำลำบากอีกด้วย โดยการจัดอุปกรณ์ที่เหมาะกับการทำอาชีพร้านค้า 12 ประเภท เช่น ร้านกาแฟ ร้านก๊วยเตี๋ยว ร้านขนมจีน ร้านขนมหาน ร้านข้าวแกง เป็นต้น
โดยบริษัทฯจะจัดอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ในการประกอบอาชีพเหล่านี้ด้วยการนำมาขายเป็นชุด คาดว่าชุดละประมาณ 10,000 บาท เพื่อให้ผู้สนใจสามารถซื้อและลงทุนประกอบอาชีพได้
ง่ายขึ้น รวมทั้งจะมีการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาชีพด้วย ตั้งเป้าผู้เข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 50,000 รายในช่วง 1 เดือนแรก
