ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับหัวหน้าหน่วยงานราชการของ กทม. โดยเรื่องสำคัญคือ นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ โครงการสวัสดิการพักอาศัย ที่จะเปิดโอกาสให้ข้าราชการชั้นผู้น้อย หรือลูกจ้างของ กทม.ที่มีรายได้น้อย สามารถมีที่พักอาศัยเป็นของตัวเอง โดย กทม.ร่วมกับ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) จัดสร้างอาคารชุดจำนวน 10,000 ยูนิต ซึ่งผู้ที่ต้องการซื้อไม่ต้องใช้เงินดาวน์ แต่ให้ผ่อนชำระในราคาถูกเดือนละ 1,850 บาท ซึ่งสามารถเลือกผ่อนชำระได้กับธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน หรือธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โครงการนี้ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 4,500 ล้านบาท และอีกโครงการคือ ปล่อยกู้ในวงเงิน 3,500 ล้านบาทสำหรับข้าราชการทั่วไปที่ต้องการมีที่อยู่อาศัย โดยให้คงอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.7 ต่อเดือนตลอดอายุการผ่อน ทั้งสองโครงการเป็นการเพิ่มสวัสดิการให้แก่ข้าราชการของ กทม. รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน กทม.ด้วย เชื่อมั่นว่าโครงการทั้งสองที่รวมมูลค่าทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท จะสามารถกระตุ้นให้มีวงเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของ กทม.มากถึง 24,000 ล้านบาท
ในส่วนที่ 2 คือ การสนับสนุนร้านข้าวแกงราคาประหยัด ซึ่งมีปัญหาบางประการในช่วงที่ผ่านมา คือ พ่อค้าแม่ค้าที่สนใจไม่มีเงินลงทุน กทม.จึงขอความร่วมมือธนาคารออมสิน โดยจะเปิดให้กู้เงินซึ่งมีดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1 ต่อเดือน ให้กู้รายละ 15,000-30,000 บาท โดยไม่ต้องมีหลักประกัน แต่ต้องมีผู้ค้ำประกันเพิ่มเป็น 2 ราย และไม่จำกัดเฉพาะผู้ค้าที่ต้องการขายข้าวแกงราคาประหยัดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ค้าทั่วไปด้วย
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายเกี่ยวกับความปลอดภัย ภายใต้โครงการติดตั้งไฟแสงสว่าง และกล้องวงจรปิด(CCTV) เพิ่มเติมในจุดที่เสี่ยงต่ออันตราย ซึ่งในหลายพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงโดยมากจะเป็นพื้นที่ของเอกชน จึงได้สั่งการให้สำนักงานเขตที่เกี่ยวข้องเข้าเจรจากับเจ้าของพื้นที่ เพื่อขอติดตั้งรับผิดชอบไฟแสงสว่างและกล้องวงจรปิด เพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยเจ้าของพื้นที่ไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้า ซึ่ง กทม.จะประสานงานกับการไฟฟ้านครหลวง แต่หากไม่ได้รับการยินยอมตนเองก็จะทำหนังสือถึงเจ้าของที่เพื่อขอความร่วมมือเอง เพราะว่าปัญหาเรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข
ในส่วนที่ 2 คือ การสนับสนุนร้านข้าวแกงราคาประหยัด ซึ่งมีปัญหาบางประการในช่วงที่ผ่านมา คือ พ่อค้าแม่ค้าที่สนใจไม่มีเงินลงทุน กทม.จึงขอความร่วมมือธนาคารออมสิน โดยจะเปิดให้กู้เงินซึ่งมีดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1 ต่อเดือน ให้กู้รายละ 15,000-30,000 บาท โดยไม่ต้องมีหลักประกัน แต่ต้องมีผู้ค้ำประกันเพิ่มเป็น 2 ราย และไม่จำกัดเฉพาะผู้ค้าที่ต้องการขายข้าวแกงราคาประหยัดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ค้าทั่วไปด้วย
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายเกี่ยวกับความปลอดภัย ภายใต้โครงการติดตั้งไฟแสงสว่าง และกล้องวงจรปิด(CCTV) เพิ่มเติมในจุดที่เสี่ยงต่ออันตราย ซึ่งในหลายพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงโดยมากจะเป็นพื้นที่ของเอกชน จึงได้สั่งการให้สำนักงานเขตที่เกี่ยวข้องเข้าเจรจากับเจ้าของพื้นที่ เพื่อขอติดตั้งรับผิดชอบไฟแสงสว่างและกล้องวงจรปิด เพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยเจ้าของพื้นที่ไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้า ซึ่ง กทม.จะประสานงานกับการไฟฟ้านครหลวง แต่หากไม่ได้รับการยินยอมตนเองก็จะทำหนังสือถึงเจ้าของที่เพื่อขอความร่วมมือเอง เพราะว่าปัญหาเรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข