“อภิรักษ์” โชว์เมนูเด็ดร้านข้าวแกง กทม. พะแนงหมู ผัดผักรวมมิตร ผัดเผ็ดปลาดุก พะโล้ แกงเขียวหวานไก่ และกระเพราไก่เมนูสุดโปรดผู้ว่าฯ กทม. เผยครบ 3 เดือนประเมินหากผ่านต่ออีก 3 เดือน ระบุอาจเปิดเป็นเฟรนไชส์ ช่วยคนรายได้น้อย-ตกงาน ขณะเดียวกัน อนุมัติเพิ่มเงินสวัสดิการช่วยลูกจ้างชั่วคราวอีกคนละ 2,000 บาท 17,000 คน รวม 408 ล้านบาทต่อปี
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการร้านข้าวแกง กทม.ว่า ขณะนี้ทางสำนักพัฒนาสังคม กทม.ได้ไปสำรวจข้อมูลเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดร้านข้าวแกงของ กทม.โดยเบื้องต้นกำหนดให้มีเมนูอาหารอย่างน้อย 5 อย่างซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารที่คนกรุงนิยมรับประทาน เช่น พะแนงหมู ผัดผักรวมมิตร แกงคั่วหน่อไม้ ผักพริกขิง ผัดเผ็ดปลาดุก พะโล้ แกงเขียวหวานไก่ และกระเพราไก่ซึ่งเป็นเมนูโปรดของตนเป็นต้น
ทั้งนี้ แต่ละเขตพื้นที่อาจมีการจำหน่ายอาหารแตกต่างกันไปตามลักษณะความเป็นอยู่ สภาพแวดล้อม โดยจัดจำหน่ายราคากับราดข้าว 1 อย่าง 15 บาท 2 อย่าง 15 บาท เริ่ม 12 พ.ค.นี้เป็นวันแรก ทั้งนี้ร้านอาหารที่จะมาเข้าร่วมโครงการทางเขตพื้นที่จะเป็นผู้คัดเลือกร้านที่มีความเหมาะสมหรือสามารถติดต่อแสดงความจำนงค์มาได้ที่เขต ส่วนจะขายวันจันทร์-ศุกร์ หรือ เสาร์ ก็แล้วแต่ความเหมาะสมโดยแต่ละเขตอย่างน้อยจุด
แต่หากพบว่าโครงการนี้ผู้ประกอบการสนใจจำนวนมากก็จะมีการพิจารณาเพิ่มจุด อย่างไรก็ตาม เมื่อครบกำหนด 3 เดือนจะมีการประเมินโครงการร้านข้าวแกง กทม. หากพบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างก็จะขยายเวลาเพิ่มอีก 3 เดือน รวมถึงอนาคตอาจจะเปิดเป็นเฟนส์ไชส์เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย หรือตกงาน
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ หลังจากที่ประชุมคณะผู้บริหารยังได้เห็นควรให้เพิ่มเงินสวัสดิการช่วยเหลือค่าครองชีพชั่วคราวแก่ลูกจ้าง หลังจากที่ได้เพิ่มให้กับข้าราชการประจำและลูกจ้างประจำที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างไม่เกินเดือนละ 13,500 บาท จำนวน 2,000 บาทต่อเดือนต่อคน ใช้งบประมาณ 1,134 ล้านบาทต่อปี โดยที่ประชุมเห็นควรเพิ่มเงินสวัสดิการให้ลูกจ้างชั่วคราวที่ปัจจุบันได้รับค่าจ้างประมาณ 4,700 บาทต่อเดือน จำนวน 17,000 คนอีกคนละ 2,000 บาทต่อเดือนจาก รวมเป็นงบประมาณ 34 ล้านบาทต่อเดือนหรือ 408 ล้านบาทต่อปี รวม กทม.ได้เพิ่มเงินสวัสดิการทั้งสิ้น 1,542 ล้านบาทต่อปี โดยจะนำเสนอให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างข้อบัญญัติ กทม.ในเดือน มิ.ย. 25 และคาดว่าจะประกาศเป็นระเบียบสามารถเบิกจ่ายได้ในเดือน ก.ค.2551
