“อภิรักษ์” สั่งหยุดขายสินค้าราคาประหยัด หลังยอดตก 20% พร้อมเปลี่ยนแผนจำหน่ายแบบใหม่ในแหล่งชุมนุมชน และออกหน่วยเคลื่อนที่ เริ่ม 1 ส.ค.นี้
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ว่า สำนักพัฒนาสังคม ได้เสนอให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าราคาประหยัดที่ กทม.จัดจำหน่ายทั้ง 50 เขต ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ โดยให้ยุติการขายทั้ง 50 เขต และจัดจำหน่ายในรูปแบบใหม่ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ เป็นต้นไป โดยจะจัดจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดเฉพาะสถานที่ที่เป็นที่ชุมนุมคนเยอะๆ รวมถึงจะให้มีการออกหน่วยเคลื่อนที่ไปตามแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ กทม.จะปรับปรุงสินค้าให้ได้มาตรฐานเพราะที่ผ่านมาสินค้าบางอย่างแม้จะมีราคาถูก แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมของประชาชนโดยจะประสานไปทางผู้ผลิตสินค้นอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ให้นำสินค้ามาร่วมจำหน่ายด้วย
ส่วนร้านข้าวแกง กทม.ก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจะมีการขยายสาขาในเขตพื้นที่ที่ได้รับความนิยมออกไปอีก เช่น เขตบางกะปิ รวมถึงปรับปรุงร้านที่ยอดขายน้อยให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์กรุงเทพฯ กรีน จะขยายช่องทางจำหน่ายและจะนำผลิตภัณฑ์สินค้าการเกษตรแปรรูปมาจำหน่ายหลังจากที่ผักปลอดสารพิษเป็นที่นิยมและต้องการของผู้บริโภคอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการสินค้าราคาประหยัดของ กทม.เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 2551 มีจุดจำหน่ายทั้งหมด 69 จุดทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งมีจุดที่ประชาชนเข้าไปซื้อของมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1.เขตพญาไท 2.เขตพระนคร 3.เขตคลองสามวา 4.เขตมีนบุรี และ 5.เขตหนองจอก ส่วนเขตที่จำหน่ายสินค้าได้น้อยที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1.เขตวัฒนา ที่หยุดจำหน่ายสินค้าไปตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.เนื่องจากไม่มีสินค้าจำหน่าย 2.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 3.เขตบางกะปิ หยุดจำหน่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เนื่องจากไม่มีประชาชนให้ความสนใจซื้อสินค้า 4.เขตทวีวัฒนา และ 5.เขตภาษีเจริญ ซึ่งหากเปรียบเทียบจากการขายสินค้าตั้งแต่วันแรก ทุกเขตรวมแล้วมียอดจำหน่ายลดลงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ว่า สำนักพัฒนาสังคม ได้เสนอให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าราคาประหยัดที่ กทม.จัดจำหน่ายทั้ง 50 เขต ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ โดยให้ยุติการขายทั้ง 50 เขต และจัดจำหน่ายในรูปแบบใหม่ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ เป็นต้นไป โดยจะจัดจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดเฉพาะสถานที่ที่เป็นที่ชุมนุมคนเยอะๆ รวมถึงจะให้มีการออกหน่วยเคลื่อนที่ไปตามแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ กทม.จะปรับปรุงสินค้าให้ได้มาตรฐานเพราะที่ผ่านมาสินค้าบางอย่างแม้จะมีราคาถูก แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมของประชาชนโดยจะประสานไปทางผู้ผลิตสินค้นอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ให้นำสินค้ามาร่วมจำหน่ายด้วย
ส่วนร้านข้าวแกง กทม.ก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจะมีการขยายสาขาในเขตพื้นที่ที่ได้รับความนิยมออกไปอีก เช่น เขตบางกะปิ รวมถึงปรับปรุงร้านที่ยอดขายน้อยให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์กรุงเทพฯ กรีน จะขยายช่องทางจำหน่ายและจะนำผลิตภัณฑ์สินค้าการเกษตรแปรรูปมาจำหน่ายหลังจากที่ผักปลอดสารพิษเป็นที่นิยมและต้องการของผู้บริโภคอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการสินค้าราคาประหยัดของ กทม.เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 2551 มีจุดจำหน่ายทั้งหมด 69 จุดทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งมีจุดที่ประชาชนเข้าไปซื้อของมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1.เขตพญาไท 2.เขตพระนคร 3.เขตคลองสามวา 4.เขตมีนบุรี และ 5.เขตหนองจอก ส่วนเขตที่จำหน่ายสินค้าได้น้อยที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1.เขตวัฒนา ที่หยุดจำหน่ายสินค้าไปตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.เนื่องจากไม่มีสินค้าจำหน่าย 2.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 3.เขตบางกะปิ หยุดจำหน่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เนื่องจากไม่มีประชาชนให้ความสนใจซื้อสินค้า 4.เขตทวีวัฒนา และ 5.เขตภาษีเจริญ ซึ่งหากเปรียบเทียบจากการขายสินค้าตั้งแต่วันแรก ทุกเขตรวมแล้วมียอดจำหน่ายลดลงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์
