บอร์ดการบินไทยอนุมัติกู้เงิน 17,000 ล้านบาทเสริมสภาพคล่องธุรกิจ แถมพ่วงมั่วนิ่มจะขอกู้อีก 19,000 ล้านอ้างรอชดเชยผลพวงสนามบินปิด โอดครวญผู้โดยสารหดไม่กี่วัน วันนี้เผยผู้โดยสารยุโรปเริ่มกลับสู่ภาวะปกติแล้ว วางแผนปรับตารางบินทุก10 วัน ร่วมมือททท.ทำโปรโมชั่นดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ เร่งเพิ่มรายได้คาร์โก้ เจรจาเช่าพื้นที่สายการบินขนส่งสินค้า
นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดการบินไทยวานนี้ (11 ธ.ค.) ว่า บอร์ดได้เห็นชอบในหลักการให้การบินไทยดำเนินการกู้เงินจำนวน 17,000 ล้านบาทเพื่อนำมาเสริมสภาพคล่อง โดยแบ่งเป็นการกู้ระยะสั้นใน 3 เดือนนี้ ก่อน 3,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการกู้ระยะยาว นอกจากนี้ การบินไทยจะต้องเตรียมแผนกู้เงินอีกจำนวน 19,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผลกระทบที่ได้รับการจากการปิดสนามบิน
นายสุรชัยกล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดยังมีมติเห็นชอบให้การบินไทยดำเนินการเช่าเครื่องบิน A300 จำนวน 2 ลำ ต่ออีก 9 ปี ซึ่งสัญญาเช่าเดิมจะหมดอายุต้นปี 2552 โดยบอร์ดให้ไปเจรจาต่อรองราคาเช่าลงอีกจากที่กรรมการต่อราคาได้เสนอค่าเช่ามาที่ 4.1 แสนเหรียญสหรัฐต่อลำต่อปี จากค่าเช่าในสัญญาเดิม 9 แสนเหรียญสหรัฐต่อลำต่อปี เนื่องจากเห็นว่าในภาวะปัจจุบันตลาดเป็นของผู้เช่าดังนั้นน่าจะสามารถเจรจาเพื่อลดค่าเช่าลงอีกได้ และจะทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการเช่าเครื่องบินดังกล่าวมาดำเนินการได้มากขึ้น
นอกจากนี้เห็นชอบการขายเครื่องยนต์และอะไหล่เครื่องบินที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ตามที่การบินไทยได้เสนอผลการประมูลวงเงิน 8.9 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกด้วย
ส่วนผลกระทบจากเหตุการณ์ปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง นายสุรชัย กล่าวว่า การบินไทยต้องปรับลดเที่ยวบินในแต่ละเส้นทางลงเหลือเฉลี่ย 80% จากปกติ โดยแผนฉุกเฉินเพื่อรองรับสถานการณ์ที่ผ่านมานั้นได้ให้ฝ่ายการตลาดของการบินไทยได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำโปรโมชั่นส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นการเดินทาง ซึ่งขณะนี้ยอดจองตั๋วจากยุโรปเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
“บอร์ดให้ฝ่ายบริหารปรับปรุงแผนการดำเนินงานของบริษัทให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงการประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อเตรียมแผนรองรับในปี 2552 ซึ่งคงต้องให้เวลาสักระยะหนึ่งในการปรับแผน”นายสุรชัยกล่าว
ด้านพลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ บริษัทฯ ปฏิบัติหน้าที่ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย กล่าวว่า ขณะนี้ผู้โดยสารจากยุโรปเริ่มกลับสู่ภาวะปกติแล้ว โดยผู้โดยสารที่ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้า (Cabin Factor) ประมาณ 74% ได้ยืนยันการเดินทางกลับมาแล้วกว่า 60% เนื่องจากพฤติกรรมผู้โดยสารยุโรปจะเป็นการวางแผนการเดินทางช่วงฤดูหนาวล่วงหน้าแตกต่างจากผู้โดยสารแถบเอเชียที่เป็นการเดินทางแบบกรุ๊ปทัวร์ที่เปลี่ยนแปลงเวลาได้
โดยหลังวันที่ 15 ธ.ค.นี้ บริษัทจะทำการปรับตารางการบินใหม่อีกครั้ง และจะมีการปรับตารางการบินทุก 10 วัน เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการในการเดินทางที่แท้จริง จากเดิมที่มีการกำหนดตารางการบินไว้ประมาณ 6 เดือนเพื่อสะดวกในการจองตั๋วและการทำตลาด โดยคาดว่า จำนวนเที่ยวบินจะกลับมาให้บริการเต็มรูปแบบ หลังวันที่ 15 ธ.ค.นี้ โดยปกติการบินไทยจะมีเที่ยวบินประมาณ 140 เที่ยวบินต่อวัน เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 90เที่ยวบินต่อวัน
พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ยอมรับว่า หลังจากเดือนก.พ.-มี.ค. 2552 จะต้องจับตาสถานการณ์การบินอีกครั้งหนึ่งเพื่อปรับแผนบริษัท เพราะในปี 2552 เศรษฐกิจโลกจะไม่ค่อยดี การท่องเที่ยวจะลดลงดังนั้นอุตสาหกรรมการบินจะได้รับผลกระทบ ผู้ประกอบการการบินจะต้องเหนื่อยแน่นอน ซึ่งแผนที่บริษัททำอยู่คือ ปรับเที่ยวบินให้เหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสาร ปรับลดเส้นทางบินที่มีผู้โดยสารน้อย ปรับลดขนาดเครื่องบิน และเพิ่มรายได้จากการขนส่งสินค้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 20-30% เท่านั้น
โดยได้เร่งเจรจากับบริษัทที่มีเครื่องบินขนส่งสินค้า เพื่อขอเช่าพื้นที่ในการขนส่งสินค้าเพื่อขนส่งสินค้าประเภทอิเลกทรอนิกส์ จากเดิมที่การบินไทยสามารถขนส่งสินค้าโดยใช้พื้นที่ใต้ท้องเครื่องบินโดยสารเท่านั้น
นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดการบินไทยวานนี้ (11 ธ.ค.) ว่า บอร์ดได้เห็นชอบในหลักการให้การบินไทยดำเนินการกู้เงินจำนวน 17,000 ล้านบาทเพื่อนำมาเสริมสภาพคล่อง โดยแบ่งเป็นการกู้ระยะสั้นใน 3 เดือนนี้ ก่อน 3,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการกู้ระยะยาว นอกจากนี้ การบินไทยจะต้องเตรียมแผนกู้เงินอีกจำนวน 19,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผลกระทบที่ได้รับการจากการปิดสนามบิน
นายสุรชัยกล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดยังมีมติเห็นชอบให้การบินไทยดำเนินการเช่าเครื่องบิน A300 จำนวน 2 ลำ ต่ออีก 9 ปี ซึ่งสัญญาเช่าเดิมจะหมดอายุต้นปี 2552 โดยบอร์ดให้ไปเจรจาต่อรองราคาเช่าลงอีกจากที่กรรมการต่อราคาได้เสนอค่าเช่ามาที่ 4.1 แสนเหรียญสหรัฐต่อลำต่อปี จากค่าเช่าในสัญญาเดิม 9 แสนเหรียญสหรัฐต่อลำต่อปี เนื่องจากเห็นว่าในภาวะปัจจุบันตลาดเป็นของผู้เช่าดังนั้นน่าจะสามารถเจรจาเพื่อลดค่าเช่าลงอีกได้ และจะทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการเช่าเครื่องบินดังกล่าวมาดำเนินการได้มากขึ้น
นอกจากนี้เห็นชอบการขายเครื่องยนต์และอะไหล่เครื่องบินที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ตามที่การบินไทยได้เสนอผลการประมูลวงเงิน 8.9 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกด้วย
ส่วนผลกระทบจากเหตุการณ์ปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง นายสุรชัย กล่าวว่า การบินไทยต้องปรับลดเที่ยวบินในแต่ละเส้นทางลงเหลือเฉลี่ย 80% จากปกติ โดยแผนฉุกเฉินเพื่อรองรับสถานการณ์ที่ผ่านมานั้นได้ให้ฝ่ายการตลาดของการบินไทยได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำโปรโมชั่นส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นการเดินทาง ซึ่งขณะนี้ยอดจองตั๋วจากยุโรปเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
“บอร์ดให้ฝ่ายบริหารปรับปรุงแผนการดำเนินงานของบริษัทให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงการประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อเตรียมแผนรองรับในปี 2552 ซึ่งคงต้องให้เวลาสักระยะหนึ่งในการปรับแผน”นายสุรชัยกล่าว
ด้านพลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ บริษัทฯ ปฏิบัติหน้าที่ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย กล่าวว่า ขณะนี้ผู้โดยสารจากยุโรปเริ่มกลับสู่ภาวะปกติแล้ว โดยผู้โดยสารที่ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้า (Cabin Factor) ประมาณ 74% ได้ยืนยันการเดินทางกลับมาแล้วกว่า 60% เนื่องจากพฤติกรรมผู้โดยสารยุโรปจะเป็นการวางแผนการเดินทางช่วงฤดูหนาวล่วงหน้าแตกต่างจากผู้โดยสารแถบเอเชียที่เป็นการเดินทางแบบกรุ๊ปทัวร์ที่เปลี่ยนแปลงเวลาได้
โดยหลังวันที่ 15 ธ.ค.นี้ บริษัทจะทำการปรับตารางการบินใหม่อีกครั้ง และจะมีการปรับตารางการบินทุก 10 วัน เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการในการเดินทางที่แท้จริง จากเดิมที่มีการกำหนดตารางการบินไว้ประมาณ 6 เดือนเพื่อสะดวกในการจองตั๋วและการทำตลาด โดยคาดว่า จำนวนเที่ยวบินจะกลับมาให้บริการเต็มรูปแบบ หลังวันที่ 15 ธ.ค.นี้ โดยปกติการบินไทยจะมีเที่ยวบินประมาณ 140 เที่ยวบินต่อวัน เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 90เที่ยวบินต่อวัน
พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ยอมรับว่า หลังจากเดือนก.พ.-มี.ค. 2552 จะต้องจับตาสถานการณ์การบินอีกครั้งหนึ่งเพื่อปรับแผนบริษัท เพราะในปี 2552 เศรษฐกิจโลกจะไม่ค่อยดี การท่องเที่ยวจะลดลงดังนั้นอุตสาหกรรมการบินจะได้รับผลกระทบ ผู้ประกอบการการบินจะต้องเหนื่อยแน่นอน ซึ่งแผนที่บริษัททำอยู่คือ ปรับเที่ยวบินให้เหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสาร ปรับลดเส้นทางบินที่มีผู้โดยสารน้อย ปรับลดขนาดเครื่องบิน และเพิ่มรายได้จากการขนส่งสินค้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 20-30% เท่านั้น
โดยได้เร่งเจรจากับบริษัทที่มีเครื่องบินขนส่งสินค้า เพื่อขอเช่าพื้นที่ในการขนส่งสินค้าเพื่อขนส่งสินค้าประเภทอิเลกทรอนิกส์ จากเดิมที่การบินไทยสามารถขนส่งสินค้าโดยใช้พื้นที่ใต้ท้องเครื่องบินโดยสารเท่านั้น