การเมืองฉุดยอดขายอุปกรณ์กีฬาร่วง "สปอร์ต มอลล์" ครวญ ไตรมาส4 โตเพียง 10% ก็เยี่ยมแล้วปีนี้ ฮึดสู้ เดินหน้าอัดกิจกรรมต่อเนื่องส่งท้ายปี หวังดันยอดตามเป้า 1,800 ล้านบาท
นายสุนทร สุรีย์เหลืองขจร ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสจัดหาสินค้า สปอร์ต มอลล์ บริษัท เดอะ มอลล์ กรุ๊ป ผู้บริหารสปอร์ต มอลล์ ศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์กีฬาผ่านห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรี่ยม และสยามพารากอน เปิดเผยว่า หลังจากช่วงไตรมาส4 ที่สถานการณ์ทางการเมืองค่อนข้างตรึงเครียด พบว่าเป็นปัจจัยสำคัญส่งผลต่ออารมณ์การใช้จ่ายของลูกค้า รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ หรือนักท่องเที่ยวด้วย เพราะช่วง1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังพบด้วยว่ายอดขายของห้างสรรพสินค้าย่านราชประสงค์ ได้แก่ สยามพารากอน หรือ ดิเ อ็มโพเรี่ยม มีจำนวนลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 50%
ทั้งนี้ในกลุ่มสปอร์ตมอลล์ ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวโดยตรง จึงคาดว่ายอดขายในไตรมาส4 นี้ อาจจะเติบโตจากช่วงเวลาในปีก่อนเพียง 10% หรือต่ำกว่านั้น ทั้งที่โดยปกติแล้วช่วงไตรมาส4 จะเป็นช่วงฤดูการขาย ซึ่งควรจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 25-30% และจะมีการเติบโตมากสุดเทียบกับ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา แต่ปีนี้กลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงไปมาก จึงส่งผลให้ยอดขายไม่เติบโตตามที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่เหลือก่อนจะจบปีนี้ บริษัทยังเดินหน้าจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดปาร์ตี้ทดลองสินค้า, การแข่งขันกอล์ฟที่โคราช เป็นต้น รวมไปถึงแผนการปรับโฉมสปอร์ต มอลล์ ที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน และเดอะมอลล์ บางแค และการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเฉพาะกีฬากอล์ฟที่คนไทยหันมาเล่นกันมากขึ้น ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายของอุปกรณ์กีฬากอล์ฟเติบโตถึง 20% ในขณะที่สินค้าจำพวกอุปกรณ์ออกกำลังกายมีอัตราการเติบโตเพียง 2% เนื่องจากการเปิดตัวของฟิตเน็ตเป็นจำนวนมาก หรือทั้งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 1,580 ล้านบาท
นอกจากนี้ สำหรับแผนการดำเนินการตลาดในปี 2552 บริษัทยังจะเดินหน้าปรับปรุงสปอร์ต มอลล์อีก 2 สาขา คือ เดอะมอลล์ บางกะปิ และเดอะมอลล์ นครราชสีมา ภายใต้งบการลงทุนประมาณสาขาละ 10 ล้านบาท พร้อมกับนำเข้ารองเท้ากีฬาแบรนด์ใหม่เข้ามาจำหน่ายในสปอร์ต มอลล์ อีก 2 - 3 แบรนด์ด้วย
นายสุนทร กล่าวต่อว่า หากสภาวะบ้านเมืองและการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ นักท่องเที่ยวก็จะกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเหมือนเดิม เพราะประเทศไทยมีศักยภาพทางด้านสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม ประเพณี และลักษณะนิสัยของคนไทยที่ประทับใจชาวต่างชาติ ส่วนการทำธุรกิจห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นร้านค้าปลีก เป็นด้านสุดท้ายที่จะส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภค ก็จะต้องเดินหน้าทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ชะลอการแข่งขันการทำกิจกรรมไม่ได้ บริษัทจึงจะอยู่รอดได้ในปีหน้า
นายสุนทร สุรีย์เหลืองขจร ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสจัดหาสินค้า สปอร์ต มอลล์ บริษัท เดอะ มอลล์ กรุ๊ป ผู้บริหารสปอร์ต มอลล์ ศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์กีฬาผ่านห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรี่ยม และสยามพารากอน เปิดเผยว่า หลังจากช่วงไตรมาส4 ที่สถานการณ์ทางการเมืองค่อนข้างตรึงเครียด พบว่าเป็นปัจจัยสำคัญส่งผลต่ออารมณ์การใช้จ่ายของลูกค้า รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ หรือนักท่องเที่ยวด้วย เพราะช่วง1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังพบด้วยว่ายอดขายของห้างสรรพสินค้าย่านราชประสงค์ ได้แก่ สยามพารากอน หรือ ดิเ อ็มโพเรี่ยม มีจำนวนลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 50%
ทั้งนี้ในกลุ่มสปอร์ตมอลล์ ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวโดยตรง จึงคาดว่ายอดขายในไตรมาส4 นี้ อาจจะเติบโตจากช่วงเวลาในปีก่อนเพียง 10% หรือต่ำกว่านั้น ทั้งที่โดยปกติแล้วช่วงไตรมาส4 จะเป็นช่วงฤดูการขาย ซึ่งควรจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 25-30% และจะมีการเติบโตมากสุดเทียบกับ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา แต่ปีนี้กลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงไปมาก จึงส่งผลให้ยอดขายไม่เติบโตตามที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่เหลือก่อนจะจบปีนี้ บริษัทยังเดินหน้าจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดปาร์ตี้ทดลองสินค้า, การแข่งขันกอล์ฟที่โคราช เป็นต้น รวมไปถึงแผนการปรับโฉมสปอร์ต มอลล์ ที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน และเดอะมอลล์ บางแค และการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเฉพาะกีฬากอล์ฟที่คนไทยหันมาเล่นกันมากขึ้น ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายของอุปกรณ์กีฬากอล์ฟเติบโตถึง 20% ในขณะที่สินค้าจำพวกอุปกรณ์ออกกำลังกายมีอัตราการเติบโตเพียง 2% เนื่องจากการเปิดตัวของฟิตเน็ตเป็นจำนวนมาก หรือทั้งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 1,580 ล้านบาท
นอกจากนี้ สำหรับแผนการดำเนินการตลาดในปี 2552 บริษัทยังจะเดินหน้าปรับปรุงสปอร์ต มอลล์อีก 2 สาขา คือ เดอะมอลล์ บางกะปิ และเดอะมอลล์ นครราชสีมา ภายใต้งบการลงทุนประมาณสาขาละ 10 ล้านบาท พร้อมกับนำเข้ารองเท้ากีฬาแบรนด์ใหม่เข้ามาจำหน่ายในสปอร์ต มอลล์ อีก 2 - 3 แบรนด์ด้วย
นายสุนทร กล่าวต่อว่า หากสภาวะบ้านเมืองและการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ นักท่องเที่ยวก็จะกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเหมือนเดิม เพราะประเทศไทยมีศักยภาพทางด้านสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม ประเพณี และลักษณะนิสัยของคนไทยที่ประทับใจชาวต่างชาติ ส่วนการทำธุรกิจห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นร้านค้าปลีก เป็นด้านสุดท้ายที่จะส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภค ก็จะต้องเดินหน้าทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ชะลอการแข่งขันการทำกิจกรรมไม่ได้ บริษัทจึงจะอยู่รอดได้ในปีหน้า
