“แอคเนอร์” ลุยรีเฟรชแบรนด์ใหม่ มุ่งขยายฐานลูกค้าเด็กลง ตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป พร้อมเดินหน้าขยายสาขาใหม่อีก 2 สาขาปีหน้า เปิดแฟลกชิฟสโตร์อีกแห่งด้วย เชื่อ สิ้นปีรายได้ขยับโต 5-10% หลังปีก่อนติดลบ
นางวรศม ภักตรนิกร ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ AIGNER (แอคเนอร์) บริษัท เอเวอร์เรส เวิลด์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายลักซ์ชัวรี่แบรนด์เครื่องหนัง แอคเนอร์ เปิดเผยว่า ช่วงปี 2550-2551 ที่ผ่านมา สินค้าแฟชั่นลักซ์ชัวรี่แบรนด์ “แอคเนอร์” เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร โดยการเปลี่ยนบริษัทที่เข้ามาดูแล บวกกับเป็นช่วงปีที่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศรุมเร้า จึงส่งผลให้ปีที่ผ่านมา มียอดขายติดลบจากปี 2550 หรือมีรายได้ที่ 55 ล้านบาท
ดังนั้น หลังจากที่ เอเวอร์เรส เข้ามาดูแลแบรนด์แอคเนอร์ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้มีการรีเฟรชแบรนด์ใหม่ ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำพร้อมกับทั่วโลก โดยได้ดึงเอาดีไซเนอร์ระดับโลกอย่าง “อูโด เอ็ดลิง” ร่วมทีมสร้างสรรค์ผลงานให้ดูมีอายุอ่อนลง ซึ่งจะเป็นแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เด็กลงด้วย โดยเริ่มจากอายุ 25 ปีขึ้นไป จากเดิมที่มีฐานลูกค้าอายุตั้งแต่ 30-40 ปีขึ้นไป
สำหรับตลาดในประเทศไทยนั้น หลังจากที่ได้มีการรีเฟรชแบรนด์มาตั้งแต่ช่วงกลางปี พบว่าปัจจุบันยอดขายขยับเพิ่มสูงขึ้นราว 2% จากกลยุทธ์เน้นการทำกิจกรรมซีอาร์เอ็ม เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก โดยในแง่ของฐานลูกค้านั้นปรับสัดส่วนเป็นคนไทย 50% และต่างชาติ 50% จากเดิม ต่างชาติจะอยู่ที่ 70% ซึ่งทางบริษัทมุ่งเน้นฐานลูกค้าคนไทยเป็นหลัก คาดว่า จะเห็นสัดส่วนใหม่นี้ในปีหน้า ขณะเดียวกัน ฐานลูกค้ากลุ่มเด็กลงมายังเพิ่มสูงขึ้นเป็น 30% และผู้ใหญ่ 70% จากเดิมในช่วงต้นปีจะมีฐานผู้ใหญ่ 80% และเด็กเพียง 20%
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า ถือเป็นปีที่ แอคเนอร์ จะมีการลงทุนค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบการตลาดที่จะใช้มากขึ้นจากปีนี้อีกราว 5-10% หรืองบลงทุนในการขยายสาขา เพราะในปีหน้าจะมีการรีเฟรชร้านแอคเนอร์ให้เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ใหม่ด้วย จากปัจจุบันมีอยู่ 4 สาขา คือ ร้านสแตนอโลน ที่เกษรพลาซ่า และอีก 3 ชอป ที่เซ็นทรัล ชิดลม, สยามพารากอน และ ดิ เอ็มโพเรี่ยม โดยงบการรีโนเวตครั้งนี้ คาดว่า รวมแล้วจะใช้ประมาณ 8 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปีหน้าทางเซ็นทรัลชิดลม จะมีการปรับพื้นที่การขายใหม่ ดังนั้น ทางแอคเนอร์ มีแผนเปิดชอปในเซ็นทรัลชิดลมอีก 2 แห่ง คือ ที่ชั้น 4 ในแผนกเครื่องหนังสำหรับสภาพบุรุษ และชั้น 1 เป็นสินค้าสำหรับสุภาพสตรี คาดว่า จะใช้งบประมาณสำหรับ 2 ร้านนี้ ราว 5 ล้านบาท และที่สำคัญปีหน้าทางบริษัท เตรียมที่เปิดร้านแอคเนอร์ในรูปแบบแฟลกชิปสโตร์ ขนาดพื้นที่ 120 ตารางเมตรขึ้นไปด้วย งบลงทุนคาดว่าจะใช้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท โดยกำลังมองหาทำเลในย่านศูนย์การค้าใจกลางเมือง เช่น สยามพารากอน คาดว่า ช่วงปลายปี 2553 จะแล้วเสร็จ
ปัจจุบัน แอคเนอร์ มีฐานสมาชิกกว่า 4,000 ราย สิ้นปีคาดว่าจะเพิ่มเป็น 4,500 ราย โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ มีการเปิดตัวสินค้าคอลเลกชันใหม่เข้ามาด้วย โดยเฉพาะสินค้าสำหรับลูกค้าที่อายุเด็กลงมา จากปัจจุบันราคาสินค้าของแอคเนอร์ ในกลุ่มสำหรับเด็กอายุ 25 ปีนั้น จะมีราคาไม่เกิน 10,000-20,000 บาท ส่วนกลุ่มแอสเซสเซอรี่ จะมีราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 8,000 - 30,000 บาท คาดว่า สิ้นปีนี้แอคเนอร์มียอดขายเพิ่มขึ้นอีกราว 5-10% จาก 55 ล้านบาท ที่ทำได้ในปีก่อน ขณะที่ภาพรวมสินค้าแฟชั่นลักซ์ชัวรี่แบรนด์นั้น คาดว่า ทั้งปีจะมีอัตราการเติบโตสูงสุดไม่เกิน 8%
นางวรศม ภักตรนิกร ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ AIGNER (แอคเนอร์) บริษัท เอเวอร์เรส เวิลด์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายลักซ์ชัวรี่แบรนด์เครื่องหนัง แอคเนอร์ เปิดเผยว่า ช่วงปี 2550-2551 ที่ผ่านมา สินค้าแฟชั่นลักซ์ชัวรี่แบรนด์ “แอคเนอร์” เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร โดยการเปลี่ยนบริษัทที่เข้ามาดูแล บวกกับเป็นช่วงปีที่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศรุมเร้า จึงส่งผลให้ปีที่ผ่านมา มียอดขายติดลบจากปี 2550 หรือมีรายได้ที่ 55 ล้านบาท
ดังนั้น หลังจากที่ เอเวอร์เรส เข้ามาดูแลแบรนด์แอคเนอร์ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้มีการรีเฟรชแบรนด์ใหม่ ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำพร้อมกับทั่วโลก โดยได้ดึงเอาดีไซเนอร์ระดับโลกอย่าง “อูโด เอ็ดลิง” ร่วมทีมสร้างสรรค์ผลงานให้ดูมีอายุอ่อนลง ซึ่งจะเป็นแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เด็กลงด้วย โดยเริ่มจากอายุ 25 ปีขึ้นไป จากเดิมที่มีฐานลูกค้าอายุตั้งแต่ 30-40 ปีขึ้นไป
สำหรับตลาดในประเทศไทยนั้น หลังจากที่ได้มีการรีเฟรชแบรนด์มาตั้งแต่ช่วงกลางปี พบว่าปัจจุบันยอดขายขยับเพิ่มสูงขึ้นราว 2% จากกลยุทธ์เน้นการทำกิจกรรมซีอาร์เอ็ม เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก โดยในแง่ของฐานลูกค้านั้นปรับสัดส่วนเป็นคนไทย 50% และต่างชาติ 50% จากเดิม ต่างชาติจะอยู่ที่ 70% ซึ่งทางบริษัทมุ่งเน้นฐานลูกค้าคนไทยเป็นหลัก คาดว่า จะเห็นสัดส่วนใหม่นี้ในปีหน้า ขณะเดียวกัน ฐานลูกค้ากลุ่มเด็กลงมายังเพิ่มสูงขึ้นเป็น 30% และผู้ใหญ่ 70% จากเดิมในช่วงต้นปีจะมีฐานผู้ใหญ่ 80% และเด็กเพียง 20%
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า ถือเป็นปีที่ แอคเนอร์ จะมีการลงทุนค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบการตลาดที่จะใช้มากขึ้นจากปีนี้อีกราว 5-10% หรืองบลงทุนในการขยายสาขา เพราะในปีหน้าจะมีการรีเฟรชร้านแอคเนอร์ให้เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ใหม่ด้วย จากปัจจุบันมีอยู่ 4 สาขา คือ ร้านสแตนอโลน ที่เกษรพลาซ่า และอีก 3 ชอป ที่เซ็นทรัล ชิดลม, สยามพารากอน และ ดิ เอ็มโพเรี่ยม โดยงบการรีโนเวตครั้งนี้ คาดว่า รวมแล้วจะใช้ประมาณ 8 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปีหน้าทางเซ็นทรัลชิดลม จะมีการปรับพื้นที่การขายใหม่ ดังนั้น ทางแอคเนอร์ มีแผนเปิดชอปในเซ็นทรัลชิดลมอีก 2 แห่ง คือ ที่ชั้น 4 ในแผนกเครื่องหนังสำหรับสภาพบุรุษ และชั้น 1 เป็นสินค้าสำหรับสุภาพสตรี คาดว่า จะใช้งบประมาณสำหรับ 2 ร้านนี้ ราว 5 ล้านบาท และที่สำคัญปีหน้าทางบริษัท เตรียมที่เปิดร้านแอคเนอร์ในรูปแบบแฟลกชิปสโตร์ ขนาดพื้นที่ 120 ตารางเมตรขึ้นไปด้วย งบลงทุนคาดว่าจะใช้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท โดยกำลังมองหาทำเลในย่านศูนย์การค้าใจกลางเมือง เช่น สยามพารากอน คาดว่า ช่วงปลายปี 2553 จะแล้วเสร็จ
ปัจจุบัน แอคเนอร์ มีฐานสมาชิกกว่า 4,000 ราย สิ้นปีคาดว่าจะเพิ่มเป็น 4,500 ราย โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ มีการเปิดตัวสินค้าคอลเลกชันใหม่เข้ามาด้วย โดยเฉพาะสินค้าสำหรับลูกค้าที่อายุเด็กลงมา จากปัจจุบันราคาสินค้าของแอคเนอร์ ในกลุ่มสำหรับเด็กอายุ 25 ปีนั้น จะมีราคาไม่เกิน 10,000-20,000 บาท ส่วนกลุ่มแอสเซสเซอรี่ จะมีราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 8,000 - 30,000 บาท คาดว่า สิ้นปีนี้แอคเนอร์มียอดขายเพิ่มขึ้นอีกราว 5-10% จาก 55 ล้านบาท ที่ทำได้ในปีก่อน ขณะที่ภาพรวมสินค้าแฟชั่นลักซ์ชัวรี่แบรนด์นั้น คาดว่า ทั้งปีจะมีอัตราการเติบโตสูงสุดไม่เกิน 8%
