ปัจจุบันสังคมไทย มีการเปลี่ยนแปลงไปในหลายเรื่อง และ การเปลี่ยนแปลงไปเหล่านี้ ทำให้เกิดธุรกิจอะไรหลายอย่าง อาทิ การจัดเวิร์คช็อป สอนทำเครื่องประดับร่วมกับโรงเรียนสอนพิเศษ ให้กับกลุ่มคุณแม่ที่ต้องใช้เวลาอยู่กับการรอลูกๆ ในระหว่างการเรียนพิเศษ ช่วงวันหยุด และหลังเลิกเรียน แนวคิดดังกล่าว เกิดขึ้นมาจาก “อินทิรา กตัญญุตานนท์” เจ้าของเครื่องประดับแบรนด์ “แฟรี่ เทลส์”
อินทิรา เล่าว่า หลังจากได้เปิดตัวเครื่องประดับ แฟรี่ เทลส์ เมื่อสองปีก่อน จากความหลงใหล ในความสวยความงาม การรักในการแต่งตัวที่สวย แบบมีสไตล์ ไม่ซ้ำใคร ของตนเอง และเป็นงานอดิเรกของตนเองในช่วงที่ท้องลูกสาวคนที่สอง และด้วยหัวอกของความเป็นคุณแม่ ทำให้รู้ซึ้งถึงการเสียเวลาไปกับการรอคอยลูกระหว่างเรียนพิเศษ ประกอบกับ เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ ตนเองและทีมงานจึงได้คิดกิจกรรมออกมาเพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงสินค้าได้มากขึ้น ด้วยการจัดทำเวิร์คช็อป สอนการทำเครื่องประดับร่วมกับโรงเรียนสอนพิเศษ เพื่อให้กลุ่มคุณแม่ซึ่งต้องใช้เวลาในการรอลูกๆ ในช่วงการเรียนพิเศษวันหยุด และหลังเลิกเรียน เป็นเวลาหลายชั่วโมง ได้มีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ และ สามารถสร้างรายได้ในอนาคตได้ ในครั้งนี้
“โดยในครั้งแรกร่วมกับโรงเรียนสอนคณิตศาสตร์จากสหรัฐอเมริกา “แมกนีเซียม” เปิด เวิร์คช็อป สอนการร้อยเครื่องประดับ ให้กับคุณแม่ และผู้ปกครอง ที่มีเวลาว่าง ในช่วงมารอบุตร หลาน เรียนพิเศษ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการสอน เสียแค่ค่าอุปกรณ์ อาทิ ครัสตัล มุก ฯลฯ เพียง 200 บาท และเมื่อทำเครื่องประดับแล้วสามารถนำเครื่องประดับฝีมือของตนเองกลับบ้านไปโชว์เพื่อนฝูงได้อีกด้วย ซึ่งเวิร์คช็อปนี้ จัดสอนที่โรงเรียนสอนคณิตศาสตร์แมกนีเซียม ทั้ง 2 สาขา คือ ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ปิยะรมย์ สปอร์ต คลับ ถนนสุขุมวิท”
การจัดเวิร์คช็อป ดังกล่าว นั้นได้รับการตอบรับ และความสนใจจากกลุ่มคุณแม่ และผู้ปกครอง ที่ได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ระหว่างรอบุตร หลาน เรียนพิเศษ โดยการมาหัดทำเครื่องประดับสวยๆไว้ใส่เอง หรือเป็นแนวทาง ไอเดียในการทำอาชีพเสริม และยังไม่ต้องเสียเงินกับการช็อปปิ้งในห้างฯอีกด้วย จากความสำเร็จที่ทำให้แฟรี่ เทลส์ ได้กลุ่มลูกค้าใหม่ได้จุดประกายให้แฟรี่ เทลส์ วาดแผนที่จะเปิดโรงเรียนสอนทำเครื่องประดับ “แฟรี่ เทลส์ เวิร์คช็อป” ขึ้นอย่างจริงจัง ในรูปแบบสแตนด์อโลน โดยอยู่ระหว่างการมองหาทำเลที่น่าสนใจ และมีความเหมาะสม เนื่องจากการเทสต์ตลาดความต้องการดังกล่าว ถือว่าการเปิดโรงเรียนสอนทำเครื่องประดับยังมีช่องว่าง ที่มีโอกาสทางการตลาดอีกมาก และที่สำคัญยังไม่มีใครทำมาก่อน
อินทิรา กล่าวต่อว่า สำหรับดีไซน์ของเครื่องประดับแฟรี่ เทลส์ เป็นกลิ่นอายของศิลปะแนววินเทจ ด้วยวัสดุ โซ่ทอง ทองเหลือง ไม้ หนังสัตว์ พลอย คริสตัล หลากหลายสี หลายรูปแบบ ส่วนคอลเลคชั่นล่าสุด จะเน้นเครื่องประดับมุก เพื่อออกมาต้อนรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้ และเพื่อรองรับการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เป็นกลุ่มแม่บ้านอีกด้วย
“การที่เลือกมุกเป็นเครื่องประดับของซีซั่น นี้เพราะมองว่า มุกมีความคลาสสิค ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยมุกก็ยังคงเป็นเครื่องประดับที่คุณผู้หญิง ชื่นชอบ หลงใหล ซึ่งสอดคล้องตอบโจทย์ได้ตรงจุด กับคอนเซ็ปต์ของแฟรี่ เทลส์ ที่มุ่งเน้นให้เครื่องประดับทุกชิ้น สามารถสวมใส่ ได้นาน ไม่ได้ใส่เพียงฉาบฉวยเท่านั้น โดยมุกสามารถใส่ได้หลากหลายโอกาสทั้งกลางวัน กลางคืน ตอบได้ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้หญิง”
ปัจจุบันลูกค้าของแฟรี่ เทลส์ เริ่มตั้งแต่ กลุ่มผู้หญิงในวัยเริ่มทำงาน อายุ 25 ปี จนถึงผู้ใหญ่ อายุ 40 ปี อาจจะด้วยไลฟ์สไตล์ของคุณผู้หญิงยุคใหม่ ที่แต่งตัวมากขึ้น มีความทันสมัย ทำให้ไม่มีข้อจำกัดในการเลือกใช้เครื่องประดับ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แม้ว่าแฟรี่ เทลส์ จะมีจุดขาย ที่ใส่ไม่ซ้ำใคร แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้ยอดขายของแฟรี่ เทลส์ ลดลงถึง 20% โดยตอนนี้มียอดขายประมาณ 2 แสนบาท ต่อเดือน จากจุดขายในห้างสรรพสินค้า 4 แห่งได้แก่ ดิ เอ็มโพเรี่ยม เซ็นทรัลชิดลม สยามพารากอน และ ZEN เซ็นทรัลเวิลด์ นอกจากนี้ในส่วนของตลาดต่างประเทศซึ่งเดิมมีแผนขยายไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา ก็จะชะลอไว้ก่อน จนกว่าสภาพเศรษฐกิจจะดีขึ้น
“ สองปี ของการทำเครื่องประดับแบรนด์ไทย "แฟรี่ เทลส์" ถือ ว่ายังมาไม่ถึงครึ่งทาง เพราะแบรนด์ไทยที่มั่นคงจะต้องอยู่ตลาดให้ได้อย่างน้อย 10 ปี ซึ่งต้องอาศัยความอดทนอย่างสูง ตลาดเครื่องประดับแฮนด์เมด ยังมีโอกาสสำหรับผู้ที่สนใจ แต่สิ่งสำคัญคือสินค้าของคุณจะต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด สำหรับแฟรี่ เทลส์นั้น การที่เรามีแผนจะเปิดโรงเรียนสอนทำเครื่องประดับ ก็เพราะต้องการฉีกตัวจากเครื่องประดับอื่นๆ พร้อมทั้ง สร้างแบรนด์อิมเมจ ให้กับเครื่องประดับแฮนด์เมด แฟรี่ เทลส์ ไปพร้อมๆกัน” อินทิรา กล่าวในที่สุด"
โทร. 08-2658 -7295
