xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยดิ่ง10จุดผวา “เอสแอนด์พี” หั่นเรตติ้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นไทยผันผวนหนัก จากช่วงเช้านักลงทุนแห่เก็งกำไรศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง 3 พรรค ที่จะสถานการณ์การเมืองคลีคลาย ขณะที่ช่วงบ่ายต้องเจอแรงเทขายจากกระแส “เอสแอนด์พี” หั่นเรตติ้งประเทศไทย กดดัชนีรูดกว่า 10 จุด ขณะที่ “ฟิทช์ฯ” ปรับลดเรตติ้งเป็นลบ ด้านโบรกเกอร์สั่งจับตาคดียุบพรรคใกล้ชิด
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (1 ธ.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวผันผวนค่อนข้างแรงสลับแดนบวก-ลบ จากปัจจัยด้านการเมืองที่ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่ช่วงบ่ายยังเจอแรงเทขายออกมาอย่างหนัก หลังมีกระแสว่าสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) เตรียมทบทวนปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 410.62 จุด ก่อนจะมีแรงเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องกดดันให้ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วและปิดระดับต่ำสุดที่ 390.92 จุด ลดลงจากวันก่อน 10.92 จุด หรือ 2.72% มูลค่าการซื้อขาย 11,581.77 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 654.34 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 226.19 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 880.52 ล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน กล่าวว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวนค่อนข้างแรง โดยช่วงเช้าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร จากการคาดการณ์ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำชี้ขาดคดียุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย หลังจากแถลงปิดคดียุบพรรค ในวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.) เพราะหากตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนอาจเป็นจุดพลิกผันที่ช่วยให้สถานการณ์บ้านเมืองกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังได้รับปัจจัยบวกจากบรรยากาศของตลาดหุ้นต่างประเทศที่ดีขึ้นจากความหวังว่าธนาคารกลางทั่วโลกทั้งธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางยุโรป จะร่วมมือกันปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายได้มีแรงขายออกมาอย่างหนักหลังมีรายงานข่าวออกมาระบุว่า สถาบันจัดอันดับสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) เตรียมทบทวนแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของไทย
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นมีแนวโน้มปรับลดลงจากปัจจัยลบที่เอสแอนด์พีได้ทบทวนแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยสู่ “เชิงลบ” ซึ่งจะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะทำให้ความรุนแรงลุกลามออกไปอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต้องติดตามการชี้ขาดคดียุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค โดยศาลรัฐธรรมนูญที่น่าจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ เนื่องจากอาจเป็นทางออกของปัญหาการเมืองที่ตึงเครียด เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนและนำไปสู่การยุติบทบาทของพรรครัฐบาล จะทำให้ผู้ชุมนุมประท้วงคัดค้านสลายตัวลง ความขัดแย้งในประเทศก็น่าจะคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น โดยกลยุทธ์การลงทุนให้ขายลดความเสี่ยง ประเมินแนวรับ 380 จุด แนวต้าน 400 จุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายปรับหลุดระดับ 400 จุด น่าจะเกิดจากแรงเทขายกำไรตามปกติ ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศ นักลงทุนเริ่มชินกับการชุมนุมแล้ว แต่ประเด็นหลักคงเป็นเรื่องการลาออกของนายกรัฐมนตรี หรือคดียุบพรรคการเมืองในพรุ่งนี้ หากมีการตัดสินยุบพรรคการเมือง หรือมีเหตุการณ์ที่นายสมชาย ต้องตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แรง
**ฟิทช์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตไทยเป็นลบ**
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่าง ประเทศระยะยาว (Long-term Foreign Currency Issuer Default Rating (IDR)) และอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาว (Long-term Local Currency IDR) ของประเทศไทยที่ "BBB+" และ "A" ตามลำดับ แต่ได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยเป็นลบ จากแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ถึงถึงประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น (Short-term Foreign Currency IDR) ที่ "F2" และ Country Ceiling ที่ "A-" (A ลบ)
นาย Vincent Ho ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายจัดอันดับเครดิตประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของฟิทช์ กล่าวว่า การปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของไทยครั้งนี้ สะท้อนถึงมุมมองปัญหาทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานไม่มีแนวโน้มที่จะจบลงโดยเร็วและอาจบั่นทอนพื้นฐานทางเครดิตของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ในช่วงที่การบริหารประเทศไม่มีประสิทธิภาพและขาดความน่าเชื่อถือ นโยบายทางเศรษฐกิจอาจถูกละเลยหรือเกิดความผิดพลาด ทั้งๆ ที่ในขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการหดตัวอย่างแรงของเศรษฐกิจ
ฟิทช์เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ท้าทาย เนื่องจากอุปสงค์ภายนอกประเทศที่คาดว่าจะลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง ในขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น